บทที่ 2 ปัญหา (2)
พออยู่คนเดียวเงียบ ๆ ความหิวที่อันตรธานตั้งแต่เมื่อวานจึงกลับมา เสียงท้องร้อง อีกทั้งลมในกระเพาะอาหารที่ตีขึ้นมาทำให้ณหฤทัยงรู้ว่า บางครั้งความต้องการของจิตใจ ยังไม่รุนแรงเท่ากับความต้องการของร่างกาย ต้องขอบคุณพิชชาเป็นอย่างมาก
ไม่เพียงเพื่อนรักของเธอจะค้างคืนที่บ้านเป็นเพื่อน พิชชายังช่วยเตรียมขนม นม เนย และอาหารเอาไว้ให้จนแน่นตู้เย็น เรียกว่าไม่ต้องลำบากเดินเขยกออกไปซื้อเองที่ซุปเปอร์หน้าปากซอย แต่สำคัญที่สุด คือพิชชาเตือนสติเธอ
พออิ่มท้องจากข้าวผัดไข่และขนมขบเคี้ยวที่ค้นออกมาจากตู้เย็นแล้ว สติที่หายไปจึงกลับคืนมา สิ่งหนึ่งที่ณหฤทัยงรู้ชัดแจ้งกับตัวเองก็คือ ไม่มีใครรักเธอเท่ากับตัวเธออีกแล้ว และการอดอาหารเพื่อประชดความรักเป็นอะไรที่งี่เง่ามาก!
ทางด้านพิชชา พอออกจากบ้านของณหฤทัยจึงมุ่งหน้าไปบ้านธนบุญทันที พอเลี้ยวรถเข้าโรงจอดรถ หญิงสาวนิ่วหน้าด้วยความแปลกใจเพราะพบรถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่ของน้าชายจอดอยู่ แน่นอนว่านี่คือเรื่องผิดปกติ!
พอก้าวเข้ามาในบ้านตึกสองชั้นสีฟ้า หลังคาสีน้ำทะเล เธอจึงพบแม่และน้าชายกำลังนั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ ดูก็รู้ ว่าใครคนหนึ่งอาจกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่
“สวัสดีค่ะคุณแม่... น้าธรรม” ทักทายด้วยน้ำเสียงสดใส พิชชารีบตรงดิ่งไปนั่งข้างดร.ศรัทธา ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าชายแท้ ๆ อีกทั้งคนขี้อ้อนยังกอดแขนแซะซบหน้าลงบนบ่าแข็งของน้าชายด้วยความคิดถึงอีกด้วย
“ออกจากป่าตั้งแต่เมื่อไหร่คะ พิชล่ะคิดถึ๊งคิดถึงน้าธรรม”
คนถูกอ้อนยิ้มอบอุ่น เอามือขยี้ศีรษะของหลานสาวซึ่งมีวัยห่างจากเขาแค่สิบปีเล่น “คิดถึงแต่ปากสิ ไม่เห็นแวะไปหาน้าบ้างเลย”
“แวะไปบ่อยนะคะ แต่ไปทีไร น้าธรรมหายตัวเข้าป่าทุกที จังหวะไม่เคยตรงกันเลย” เจ้าตัวบ่นอุบ พลางเสยเส้นผมออกจากหน้า อีกทั้งขยับแว่นตาให้กระชับกับใบหน้า
ดร.ศรัทธาอมยิ้ม บทสนทนาระหว่างน้ากับหลานจึงเริ่มต้นขึ้น จนเจ้าของบ้านตัวจริงที่นั่งอยู่ในห้องอดแทรกขัดจังหวะขึ้นไม่ได้
“อะแฮ่ม ตกลงเราจะคิดถึงแต่น้าอย่างเดียว ไม่คิดถึงแม่แล้วใช่มั้ยยายพิช?” พอถูกคุณศศิธรทักท้วง พิชชาจึงรีบลุกขึ้นไปสวมกอดมารดา อีกทั้งบรรจงหอมแก้มซ้ายและขวาอย่างประจบ
“คิดถึงสิคะ แต่คิดถึงน้อยกว่าน้าธรรมนิดนึง”
“ดูลูกสาวของพี่เถอะ” คุณศศิธรหันไปพูดกับดร.ศรัทธา
“ก็นาน ๆ พิชถึงได้เจอหน้าน้าธรรมนี่คะ” สาวแว่นไม่วายตอบหน้าทะเล้น
ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่พิชชาจะไม่เจอหน้าน้าชายเป็นเวลานาน ๆ ขนาดคนอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน ยังแทบไม่เห็นหน้าค่าตาชายหนุ่มด้วยซ้ำ เพราะดร.ศรัทธามักหายตัวเข้าป่าเสมอ หรือถ้าไม่หายตัวเข้าป่าไปเก็บตัวอย่างกล้วยไม้ป่ามาทำงานวิจัย
วัน ๆ จะขลุกตัวอยู่กับบ้านเพื่อทำงานวิจัยตามแต่เรื่อง และบางครั้งก็เดินสายไปตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่ถูกเชิญตัวเพื่อบรรยายให้นักศึกษาฟัง
ดูเหมือนพิชชาจะเล่นกับจังหวะไม่ดีสักเท่าไหร่ เพราะแวะไปหาคุณทวดหัทยาที่ปากช่องทีไร จะทราบข่าวว่าน้าชายสุดที่รักซึ่งปลูกบ้านอยู่ใกล้ ๆ เรือนไทยของคุณทวด มีเหตุต้องหายตัวเข้าป่าทุกที
“ฉอเลาะเก่งแบบนี้ ขากลับธรรมเอาตัวยายพิชไปปากช่องด้วยนะ ให้อยู่กับคุณทวดซะให้เข็ด”
“ไม่เอานะคะ พิชไม่อยากโดนคุณทวดเลกเชอร์” พิชชาทำหน้าง้ำทันที
ใช่ว่าเธอไม่ชอบเข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่นะ เธอน่ะเข้ากับสมาชิกทุกคนในตระกูลได้ดีทีเดียว ยกเว้นก็แต่คุณทวดหัทยา... จะบอกว่าเข้ากันไม่ได้ ก็ไม่ใช่ซะเลยทีเดียว เพียงแต่เธอไม่ถนัดในสิ่งที่คุณทวดชอบใช้ให้ทำนั่นเอง
คุณทวดหัทยาซึ่งเป็นคุณยายของคุณศศิธร และมีศักดิ์เป็นคุญย่าของดร.ศรัทธาค่อนข้างเจ้าระเบียบ อีกทั้งเป็นผู้ใหญ่หัวโบราณยึดค่านิยมตามสมัยเก่า ท่านจะต่อต้านพฤติกรรมของสาวยุคใหม่สุดโต่ง ส่วนกิจกรรมที่คุณทวดหัทยาชอบทำเป็นประจำ คือการนั่งร้อยพวงมาลัย เย็บใบตอง แกะสลัก ทำอาหาร และทำขนมไทยส่งห้างสรรพสินค้า
แน่นอนว่าพิชชาไม่สันทัดเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ ไปเหยียบเรือนคุณทวดทีไร เธอทำหน้าที่เหลนที่ดีด้วยการกินอย่างเดียวเท่านั้น และเพราะความที่เป็นผู้หญิงสมัยใหม่ อีกทั้งถูกตราหน้าว่าไม่เอาถ่านนี่ล่ะ เธอจึงโดนคุณทวดเลกเชอร์เรื่องความเป็นกุลสตรีบ่อยครั้ง พอเจอหนักเข้า พิชชาจึงตัดปัญหาด้วยการไม่เฉียดใกล้ท่านซะ
“คุณทวดท่านออกจะรักและเอ็นดูเราไม่น้อยนะยายพิช” คุณศศิธรเสริมขึ้นด้วยน้ำเสียงเนิบ ๆ เพราะรู้เจตนาของคุณยายหัทยาดี ถึงท่านจะเจ้าระเบียบ แต่ท่านอยากให้ลูกหลานในตระกูลทุกคนเรียบร้อย และเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อมเท่านั้น จึงมักจ้ำจี้จ้ำไชพิชชาบ่อย ๆ
