บทที่ 1 เบื้องหน้ารอยยิ้ม เบื้องหลังน้ำตา (4)
“ผมล้อเล่น ทำหน้าเข้าสิ ซีเรียสไปได้” ฉัตรกรยิ้มทะเล้นก่อนเปลี่ยนเรื่องคุย “มาเที่ยวบ้านพี่ทั้งที ขอชมหน่อยเถอะ พี่แต่งบ้านได้แนวมาก”
“ขอบใจ”
“แต่เป็นแนวไม่ปลอดภัยนะ” สถาปนิกหนุ่มเสริมขึ้นอีก
“ยังไง?”
“จะดีกว่านี้มั้ย ถ้าพี่จะทำขั้นบันไดหน้าบ้านให้มันเท่า ๆ กันหน่อย จะแนวไปไหน”
มัณฑนากรสาวไหวไหล่กับคำแนะนำ “นี่แหละจุดขาย กี่คน ๆ มาเที่ยวบ้าน บ่นเป็นเสียงเดียวกันหมด”
“เป็นงั้นไป พวกผมน่ะไม่เท่าไหร่หรอก มาแป๊บเดียวก็กลับ แต่พี่น่ะ เดินสามขาอยู่ ระวังตัวด้วยก็แล้วกัน เดี๋ยวได้เข้าเฝือกอีกข้าง”
“ขอบใจที่เป็นห่วงย่ะ”
ฉัตรกรกวาดสายตามองเจ้าของบ้านซึ่งหน้าจ๋อยกว่าปกติอีกครั้ง เขาด่วนสรุปว่าเป็นเพราะณหฤทัยป่วยอยู่ จึงไม่ร่าเริงเหมือนปกติ “เอาล่ะ ผมไม่กวนพี่แล้ว ว่าง ๆ จะแวะมาเยี่ยมใหม่ก็แล้วกัน”
“ไม่ส่งนะ”
“ครับ ผมลาล่ะ” ฉัตรกรพยักหน้าให้อีกทั้งทำหน้าทะเล้นใส่ ก่อนโอบเอวแฟนสาวแล้วพากันออกไป
พอแยกทั้งสองพ้นจากรั้วบ้าน พิชชาที่รู้ว่าณหฤทัยตกหลุมรักสถาปนิกรุ่นน้องตั้งแต่สมัยเรียนมหา’ลัย อีกทั้งกำลังอกหัก รีบชะเง้อคอยาวไปมองคู่รักที่เพิ่งพ้นชายคาบ้านไป จากนั้นจึงปรายตามายังผู้ป่วยสามขาที่นั่งตัวแข็งทื่อราวตุ๊กตารูปปั้น พอเห็นสีหน้าจืดจ๋อยสนิทอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก พิชชาจึงเดินมาทิ้งตัวนั่งข้าง ๆ
“โอเคอยู่ไหม?”
ถูกสะกิดใจเท่านั้น น้ำตาของคนเข้มแข็งจึงร่วงแหมะราวทำนบแตกเลยทีเดียว!
##### บทที่ 2
ปัญหา
เมื่อรู้สาเหตุที่ทำให้ณหฤทัยร้องไห้เป็นเผาเต่าแล้ว พิชชาจึงตัดสินใจเปลี่ยนโปรแกรมพักค้างคืนเป็นเพื่อนคนป่วยสามขาทันที เพราะอาการของณหฤทัยยังเข้าขั้นน่าเป็นห่วงนั่นเอง เท่าที่เห็นไม่เพียงจะป่วยกายเท่านั้น
แต่เพื่อนรักของเธอยังป่วยใจอีกด้วย ซึ่งอาการโดยรวมของมัณฑนากรสาวเข้าขั้นสาหัสพอดู นอกจากอาการหงอยเหงาเศร้าซึม แอบนอนร้องไห้ตอนกลางคืนแล้ว เพื่อนรักของเธอยังมีอาการเบื่ออาหารอีกด้วย พิชชาจึงตั้งชื่ออาการเหล่านี้ว่า ‘โรคตรอมใจ’
“ข้าวปลาหัดกินซะบ้าง น้ำตาไม่อร่อยหรอก”
“กลืนข้าวไม่ลง ทำไงได้” คนที่เอาแต่นั่งเหม่อหันมาเถียง
“เป็นงั้นไป ถ้ารักตัวเองไม่เป็น ก็ไม่มีใครรักแกได้ทั้งนั้นแหละปูเป้”
“ก็แกไง”
พิชชาส่ายหน้าทันที “ที่อยู่เป็นเพื่อนน่ะ เพราะขี้เกียจขับรถ”
“ใจร้าย” แม้จะรู้ว่าพิชชาพูดเล่น แต่ณหฤทัยก็ทำตาละห้อยใส่อย่างอดไม่ได้ “แกจะทิ้งฉันจริง ๆ เหรอยายพิช ฉันเหงาว่ะ”
พอเห็นสภาพเพื่อนรัก พิชชาจึงถอนหายใจเบา ๆ ก็เพื่อนของเธอน่ะ บทจะอ้อนขึ้นมา เป็นอะไรที่ชวนให้สงสารมาก และเธอเองก็ใจอ่อนทุกทีซะด้วย “บอกตามตรงสภาพนี้ทิ้งลงว่ะ”
“พิชอะ” ณหฤทัยทำหน้างอนตุ๊บป่อง
“ล้อเล่น แหย่แค่นี้ทำเป็นใจน้อยไปได้ หัวไม่ล้านซะหน่อย ฉันกำลังคิดอยู่ว่าจะพาแกไปพักรักษาตัวที่ปากช่องดีมั้ย พอดีฉันมีญาติสนิทอยู่ที่นั่น แล้วเจ้าของบ้านก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน”
“พาฉันไปทำอะไรที่นั่น?” คิ้วเรียวสวยรับกับวงหน้ารูปไข่ ย่นเข้าหากันเล็กน้อย
“เอ๊า ไหน ๆ แกก็ทำงานไม่ได้แล้ว อุ้มแกไปที่นั่น ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางอ้อมกอดของป่าเขา ไม่ดีหรือไง เผื่อแกจะได้ลืม ๆ นายฉัตร”
รู้แหละว่าเป็นความหวังดีจากเพื่อน แต่สั่งให้ลืม มันง่ายดายขนาดนั้นเลยรึ?
“แอบรักมาตั้งหลายปี ห่างกันแค่สามเดือนมันจะหายได้เหรอว้า”
“เรื่องนี้ขึ้นอยู่ที่ตัวแกเอง ไปเถอะ ไปเปิดหูเปิดตาเปลี่ยนบรรยากาศซะบ้าง เผื่ออะไรดี ๆ ในชีวิตจะเกิดขึ้น”
คนเสนอแนวทางแก้ปัญหาอดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะเคยได้ยินมาว่าคนที่อกหักจนสติแตก สามารถทำอะไรที่เสี่ยง ๆ ได้ บางรายอาการหนักถึงขนาดคิดสั้นฆ่าตัวตายก็มี และในตอนนี้ณหฤทัยก็มีสภาพแบบนั้น เพื่อนรักของเธอได้ทิ้งสภาพผู้หญิงเข้มแข็งพร้อมเผชิญหน้ากับทุกปัญหาไปแล้ว จะเหลือไว้ก็แต่ผู้หญิงอ่อนแอเจ้าน้ำตาเท่านั้น
พอเจอน้ำตาเข้าไป ก็ทำให้พิชชารู้สึกไม่สบายใจตามไปด้วย
“ฉันไม่บังคับนะ ถ้าไป ฉันจัดโปรโมชั่น อยู่ฟรี กินฟรี เที่ยวฟรี พร้อมที่พักให้เสร็จสรรพ”
ถ้าอยู่ในสภาวะอารมณ์ที่ปกติ ณหฤทัยคงกระดี๊กระด๊ารีบจัดกระเป๋ากับโปรโมชั่นน่าสนใจไปแล้ว แต่เพราะอยู่ใน ’โหมดตรอมใจ’ นี่สิ เธอจึงไม่อยากไปไหน อีกอย่างสภาพร่างกายก็ไม่เอื้ออำนวยด้วย
“ฉันยังมีงานต้องทำว่ะ”
“สภาพนี้เนี่ยนะ!” พิชชาซึ่งกำลังคนกาแฟอดค้อนคมใส่เพื่อนสาวไม่ได้ “แค่หมาวิ่งชนยังล้มเลย เซฟตัวเองไว้ก่อนเถอะแม่คุ๊ณ หายก่อนค่อยลุย”
