ตอบแทน - 2
นางประไพเดินเข้ามาวางชามข้าวต้มลงบนโต๊ะข้าง ๆ กรวิชญ์อย่างแผ่วเบา ท่านวางมือลงบนบ่าลูกชายเบา ๆ
"กร...มีอะไรค่อย ๆ พูดค่อย ๆ จากันนะลูก" แม่พูดด้วยน้ำเสียงปลอบโยน พยายามลดความตึงเครียดลง
"ผมไม่อยากพูดกับผู้หญิงคนนี้หรอกครับแม่" กรวิทย์ตอบเสียงห้วน ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะตวัดสายตาไปทางรินรดาชั่วครู่ "แค่พูดคำว่าขอโทษกับคำว่าขอบคุณเขายังพูดไม่เป็นเลยครับ"
นางประไพถอนหายใจเบา ๆ มองลูกชายด้วยความเข้าใจ
"เดี๋ยวแม่คุยกับหนูรินเองลูก ใจเย็น ๆ ก่อนนะ" ท่านพูดกับลูกชาย พลางส่งสายตาปลอบโยนไปยังรินรดา
เมื่อกรวิชญ์หันไปตั้งหน้าตั้งตากินข้าวต้มอย่างเงียบ ๆ นางประไพก็หันมาหารินรดา ท่านยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
"อย่างนี้นะจ๊ะหนูริน ทางเราไม่ต้องการเงินอะไรจากหนูหรอก" แม่เริ่มต้นด้วยน้ำเสียงใจดี " รถของกรก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่รอยถลอกเล็กน้อย ส่วนเรื่องที่พักและเรื่องอาหาร เราไม่คิดเงินจากหนูหรอกจ้า...ป้าทำด้วยความเต็มใจ"
คำพูดของนรงประไพทำให้รินรดาอึ้งไป เธอไม่เคยเจอใครที่ปฏิเสธเงินชดเชยที่เธอเสนอให้อย่างจริงใจเช่นนี้ ใบหน้าของท่านเต็มไปด้วยความเมตตาและรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ ทำให้รินรดารู้สึกผิดและละอายใจมากขึ้นไปอีกหลายเท่า
รินรดาเงยหน้ามองนางประไพด้วยแววตาที่สับสนปนสำนึกผิด คำพูดของกรยังคงก้องอยู่ในหู "แค่พูดคำว่าขอโทษกับคำว่าขอบคุณเขายังพูดไม่เป็นเลยครับ!" มันเป็นความจริงที่เจ็บปวด
เธอไม่เคยคิดว่าจะมีใครปฏิเสธเงินของเธอ ไม่เคยคิดว่าจะมีใครทำดีกับเธอโดยไม่หวังผลตอบแทน และที่สำคัญที่สุดคือเธอไม่เคยต้องรู้สึกอับอายและผิดขนาดนี้มาก่อน
รินรดาเม้มปากแน่น เธอรู้สึกเหมือนมีก้อนบางอย่างมาจุกอยู่ที่คอ ความเย่อหยิ่งที่เคยมีเริ่มพังทลายลงทีละน้อย
"ขอบคุณ...นะคะคุณป้า" รินรดาพูดเสียงเบาที่สุดเท่าที่เคยพูดมา มันเป็นคำขอบคุณที่มาจากใจจริง แม้จะยังไม่คล่องปากนัก
เธอเหลือบมองกรวิชญ์ที่ยังคงนั่งก้มหน้ากินข้าวต้มโดยไม่มองเธอ
"จ้ะ" นางประไพตอบรับด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ท่านรับรู้ได้ถึงความจริงใจในคำขอบคุณของรินรดา
"หนูอิ่มแล้วค่ะ" เธอพูดเสียงเรียบ พลางเหลือบมองกรวิทย์ที่ยังคงกินข้าวต้มโดยไม่หันมาสนใจเธอแม้แต่น้อย "งั้นหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ"
แม่ของกรวิชญ์พยักหน้ารับคำด้วยความเข้าใจ " จ้ะ ชุดหนูป้าแขวนไว้ตรงหน้าตู้เสื้อผ้า"
เธอรีบเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของชายหนุ่มเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยเร็วที่สุด ขณะที่กรวิชญ์ยังคงนั่งกินข้าวต้มโดยไม่มีท่าทีจะเงยหน้าขึ้นมามองเธอเลย
ไม่นานนัก รินรดาก็เดินลงบันไดมาข้างล่างอีกครั้งในชุดของตัวเอง ซึ่งเป็นชุดเดรสสีแดงเพลิงที่เธอใส่เมื่อคืนนี้ มันดูโดดเด่นตัดกับบรรยากาศบ้านไม้หลังเล็ก ๆ อย่างสิ้นเชิง
แม่ของกรวิชญ์ที่เห็นรินรดาเดินลงมาแล้วก็รีบเดินเข้ามาหาท่านยิ้มอ่อนโยน
"เอาอย่างนี้นะจ๊ะหนูริน เดี๋ยวแม่ให้กรไปส่งหนูดีกว่า" แม่เอ่ยขึ้นด้วยความห่วงใย
"แม่!" กรวิชญ์เอ่ยขึ้นเสียงห้วน ใบหน้าบึ้งตึงอย่างไม่พอใจที่แม่ยังคงรบเร้าให้เขาไปส่งผู้หญิงคนนี้
"ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า" รินรดาปฏิเสธอย่างเกรงใจ
"ไม่ต้องเกรงใจหรอกจ้ะ แถวนี้มันมีซอยเยอะเดี๋ยวหนูจะหลงเอาเสียเวลาไปเปล่า ๆ ให้กรไปส่งดีแล้ว" แม่ยืนกรานอย่างใจดี
"ผมไปไม่ได้หรอกครับแม่ เดี๋ยวผมก็ออกไปขับวินแล้ว" กรวิชญ์บอกเสียงหงุดหงิด พลางวางช้อนลงอย่างแรง
"ไปแป๊บเดียวเดี๋ยวค่อยกลับมา" แม่ของเขาไม่ยอมแพ้ น้ำเสียงเริ่มจริงจังขึ้น
"แต่แม่!" กรวิชญ์พยายามจะโต้แย้งอีกครั้ง แต่แม่กลับลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มองหน้าลูกชายด้วยสายตาที่ทำให้กรวิชญ์ต้องหุบปากฉับ
"ลุกขึ้นได้แล้ว ไม่ต้องเถียงแม่!" นางประไพออกคำสั่งเด็ดขาด น้ำเสียงบ่งบอกว่าไม่มีการต่อรองใด ๆ อีก
เขาลุกขึ้นจากโต๊ะอย่างไม่เต็มใจนัก ใบหน้าบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะหันมามองรินรดาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร
"จะไปได้ยังครับคุณหนู" กรวิชญ์พูดเสียงห้วนไร้อารมณ์ ก่อนจะเดินนำออกไปนอกบ้านทันทีโดยไม่รอรินรดา
รินรดาตัวชาไปเล็กน้อยกับน้ำเสียงและท่าทีของชายหนุ่ม เธอหันไปมองนางประไพด้วยความรู้สึกผิดและอับอาย
