ไม่ต่างจากคนไร้ค่า
"ใครว่าล่ะขอรับ ฮูหยินยุ่งมาก แต่นางก็ยังหาเวลามาทำขนมที่ท่านชอบกินอีก ท่านไม่ใจอ่อนชอบพอนางสักนิดเลยหรือ"
"หยุนซือ เจ้าหยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว เจ้าไปบอกนางด้วยว่าข้ามีงานสำคัญต้องทำ จะไม่อยู่จวนสักระยะ"
"เหตุใดท่านถึงไม่ไปบอกนางเองล่ะขอรับ ฟังจากปากท่านย่อมดีกว่า"
"พูดมากเสียจริง"
"บ่าวยังมีอีกเรื่องที่ต้องรายงานขอรับ"
"เรื่องอะไร"
"ดูเหมือนว่าฮูหยินจะถูกสาวใช้ดูแคลนนะขอรับ นางบอกว่าฮูหยินเป็นเพียงสตรีไร้ค่าที่ไม่อาจสนับสนุนสามีได้"
เมื่อได้ยินคำกล่าวของบ่าวรับใช้คนสนิทเขากำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนด้วยความโมโห
"เป็นแค่สาวใช้ แต่กล้าบังอาจมาว่าเจ้านาย คนเช่นนี้จะเก็บไว้ในจวนไม่ได้ ไปจัดการเสีย"
"ขอรับ"
หยุนซือสั่งโบยสาวใช้คนนั้นสามสิบที ก่อนไล่ให้นางไปอยู่เรือนเกษตรที่อยู่ห่างจากจวนนับร้อยลี้ เพื่อไม่ให้ผู้อื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
"ถึงกับต้องไล่นางออกไปจากจวนเลยหรือ"
"บ่าวที่ไม่เคารพเจ้านาย แค่ถูกโบยกับไล่ออกจากจวนยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำขอรับ หากเป็นเมื่อก่อน..." จวินหรงที่รอฟังชายหนุ่มตรงหน้าพูดจนจบประโยคได้แต่จ้องหน้าค้าง เพราะเขาไม่ได้พูดอันใดต่อ
"หากเป็นเมื่อก่อนอะไรงั้นหรือ รีบพูดมาเร็วเข้า"
หยุนซือมีท่าทีอึกอักอย่างเห็นได้ชัด ยามมองไปยังข้างหลังของนางที่มีเจ้านายของตัวเองยืนจ้องเขม็ง
"อะ...เอ่อ ไม่มีอะไรขอรับ บ่าวยังมีเรื่องต้องทำอีกมาก ขอตัวก่อนนะขอรับ!"
"ดะ...เดี๋ยวสิ" ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะเอ่ยขัด เขาก็ได้วิ่งหายไปแล้วด้วยความรวดเร็วราวกับว่าเห็นผีเสียอย่างนั้น
"ฮูหยิน" เหวินเยว่สะกิดชายเสื้อเบา ๆ ให้นางหันหลังมา
"มีอะไรหรือ ทะ...ท่านพี่"
"เจ้าออกไปก่อน" เขาหันไปบอกสาวใช้ของนาง
"มาหาข้ามีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ"
"ขนมของเจ้า ข้ากินจนเอียนแล้ว ทีหลังไม่ต้องทำมาให้ข้าอีก"
"ฝีมือข้าไม่ถูกปากท่านหรือเจ้าคะ"
"แม้เจ้าจะทำขนมได้รสชาติดีเลิศมากเท่าใด แต่หากต้องกินทุกวัน หากเป็นเจ้าเจ้าจะยังอยากกินอีกรึไม่"
"หากเป็นข้าคงคิดเหมือนท่านเช่นกัน" นางส่งยิ้มแหย ๆ เมื่อคิดว่าต้องกินขนมหวานพวกนั้นทุกวัน คงรู้สึกเบื่อหน่ายจนไม่อยากกินอีก
"ข้ามีงานสำคัญต้องทำ คงไม่ได้กลับจวนสักระยะ "
"งานสำคัญงั้นหรือ"
"ใช่ ระหว่างที่ข้าไม่อยู่อำนาจทุกอย่างข้ายกให้เจ้าเป็นคนตัดสินใจแทน"
"ไปนานเท่าใดหรือเจ้าคะ"
"อาจจะสักหนึ่งหรือสองเดือน"
"นานขนาดนั้นเชียวหรือ"
"ไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่ได้ไปออกรบเสียหน่อย"
ราวกับว่ารู้ใจนางว่ารู้สึกเช่นไร ถึงได้เอ่ยออกมาเช่นนี้ บนโลกใบนี้นางเหลือเพียงเขาผู้เดียว ย่อมหวั่นวิตกเป็นธรรมดาที่สามีจะไม่อยู่ที่เมืองหลวง
จวนสกุลหลินจัดงานหมั้นให้บุตรชายคนรองยิ่งใหญ่ทีเดียว จวินหรงได้รับเทียบเชิญให้เข้าร่วมงานในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน แม้ข้างกายไร้ซึ่งผู้เป็นสามี หนึ่งเดือนผ่านไปนางยังไม่เห็นแม้แต่วี่แววว่าเขาจะกลับมา แม้แต่จดหมายยังไม่อาจส่งไปหาได้เหตุเพราะเขาไม่ได้มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง
“ฮูหยินเฉียน เชิญทางนี้” เป็นฮูหยินหลินเอ่ยทักขึ้น ยามเห็นนางเดินเข้าจวนมาคนเดียว
“ใต้เท้าเฉียนไม่มาด้วยหรือ”
“ท่านพี่มีงานสำคัญทำให้ไม่สามารถมาร่วมงานได้ ต้องขออภัยฮูหยินหลินด้วยนะเจ้าคะ”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่ฮูหยินให้เกียรติมาร่วมงานหมั้นของลูกชายข้าถึงที่จวนก็ขอบคุณมากแล้ว” หญิงชราบอกด้วยความไม่ถือสา สาเหตุหนึ่งเพราะตระกูลเฉียนมีอำนาจมากที่สุดรองจากตระกูลเซี่ยที่กุมอำนาจในวังหลังเพราะฮองเฮาองค์ปัจจุบันเป็นคนจากสกุลเซี่ย ผู้คนในเมืองหลวงต่างทราบดีว่าทั้งสองตระกูลนี้ไม่ถูกกัน หากมีคนในตระกูลคนใดคนหนึ่งล้มลงย่อมต้องถูกฝ่ายตรงข้ามเหยียบซ้ำ
“ขอบคุณฮูหยินหลินที่เข้าใจ”
“เชิญด้านในก่อนเถิด ข้าจะให้สาวใช้นำทางให้”
หญิงสาวเดินตามสาวใช้เข้าไปยังโถงจัดงานก็เห็นเหล่าฮูหยินและแม่นางจากสกุลต่าง ๆ นั่งอยู่ก่อนแล้ว
