ลูกของข้าต้องเกิดจากความรัก
“อันที่จริงเป็นความผิดของข้าที่ไม่ได้สอบถามว่ามีตระกูลใดบ้างที่มาร่วมงาน หากท่านจะโกรธเคืองข้าถือว่าสมควรแล้ว”
“ช่างเถิด”
ครั้นรถม้าเดินทางมาถึงยังจุดหมายชายหนุ่มเดินลงจากรถม้าทันที โดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่ได้พูดคุยเรื่องใดอีก
“เจ้าไม่ลงมาหรือ”
อวี้จวินหรงมัวแต่คิดเรื่องเรื่อยเปื่อยจนลืมลงจากรถม้า กระทั่งได้ยินเสียงเรียกของสามีจึงได้ตื่นจากภวังค์ พอโผล่หน้าออกมาก็เห็นเขายืนรออยู่ด้านล่างพร้อมกับยื่นมืออกมา เห็นดังนั้นนางจึงยื่นมืออกไปให้เขาประคองลงจากรถม้า ท่าทีของเขาในวันนี้ช่างแปลกพิกลนัก เดิมทีใช่ว่าเคยใส่ใจนางเสียเมื่อไหร่ นับตั้งแต่แต่งเข้ามาเกือบครึ่งปีไม่เคยมีสักครั้งที่ชายหนุ่มจะแสดงท่าทีอ่อนโยนเช่นนี้ จนนางอดรู้สึกคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าเขาก็เริ่มมีใจให้นางเช่นกัน คิดได้ดังนั้นหัวใจดวงน้อยก็เริ่มสั่นไหวขึ้นมาระรัวราวกับว่าจะหลุดออกมาเสียให้ได้
“เจ้ายิ้มอะไร” เขาถามเสียงเรียบ
“เปล่าเจ้าค่ะ”
“เรื่องเข้าหอ ข้าไม่อาจทำตามขนบธรรมเนียมได้ ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”
“ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ” เมื่อได้ยินคำพูดเมื่อครู่ จากที่ใบหน้ายิ้มแย้มกลับกลายเป็นรอยยิ้มเศร้า ๆ แทน มีหรือนางจะไม่เข้าใจ ชายหญิงหากปราศจากรักใคร่กันหากฝืนดันทุรังมีเพียงจะต้องทนทุกข์ทรมาน แต่ตราบใดที่นางยังเป็นฮูหยินของเขาอยู่นางก็ยังมีความหวังมิใช่หรือ ว่าสักวันหนึ่งความรู้สึกของบุรุษตรงหน้าอาจเปลี่ยนแปลงไปก็เป็นได้
“ยังดีที่เจ้าเข้าใจข้า” เขาพูดด้วยน้ำเสียงโล่งอก ยามเห็นว่าคนตรงหน้าไม่ได้รู้สึกเศร้าหมอง หลังจากได้ยินคำพูดของเขา
“เช่นนั้นท่านคิดแต่งอนุเข้าจวนหรือไม่”
“เหตุใดข้าต้องแต่งอนุเข้าจวนด้วย”
“เพราะท่านไม่คิดให้ข้าปรนนิบัติท่านบนเตียง หน้าที่ของฮูหยินคือการมีทายาทให้ท่าน แต่ข้าไม่ได้มีโอกาสทำเช่นนั้น”
“ข้าไม่ใช่คนมักมากในกาม ลูกที่เกิดจากข้าต้องเกิดจากความรักระหว่างข้ากับมารดาของเขาเท่านั้น หากเป็นสตรีที่ข้าไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นด้วยแล้ว ข้าไม่คิดมีลูกกับผู้ใดทั้งนั้น” หลงเว่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังชัดเจนเสียจนคนฟังอดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจไม่ได้ คนอย่างน่ะหรือจะคิดอาจเอื้อมตั้งท้องลูกของเขาได้ นางเป็นเพียงสตรีสูงศักดิ์ที่แสนธรรมดา หากเทียบกับบุตรีของขุนนางตระกูลอื่น
ใกล้วันเกิดผู้เป็นสามีเข้ามาทุกทีอวี้จวินหรงออกจากจวนมาเลือกซื้อผ้าเพื่อนำไปตัดเย็บชุดให้ชายหนุ่มด้วยความกระตือรือร้น นางเลือกแล้วเลือกอีกจนกว่าจะพึงพอใจ ในที่สุดจึงได้ผ้ามาหนึ่งพับ แม้ราคาผ้าที่นางเลือกจะไม่ได้มีราคาแพงสูงลิ่วหากเทียบกับคุณภาพของเนื้อผ้า เหตุเพราะเถ้าแก่ร้านผ้าเมื่อรู้ว่านางเป็นฮูหยินเอกของสกุลเฉียน เขาได้ลดราคาผ้าให้นางกึ่งหนึ่ง
“เถ้าแก่ ท่านลดราคาให้ข้ามากเกินไปหรือไม่”
“ไม่มากเกินไปหรอกขอรับ หากเทียบกับบุณคุณที่ใต้เท้าเฉียนมีต่อข้า ฮูหยินอย่าได้คิดเล็กคิดน้อยไปเลยขอรับถือว่าข้าได้ตอบแทนน้ำใจเรื่องในอดีต”
“เช่นนั้นก็ขอบใจท่านมาก”
“เป็นฮูหยินสกุลเฉียนนี่จริง ๆ เข้านอกออกร้านใดดูสะดวกสบายไปเสียหมด แถมยังได้ลดราคาของที่ซื้อตั้งครึ่งหนึ่ง หากผู้ใดรู้เข้าคงหาว่าคนสกุลเฉียนเอาเปรียบชาวบ้านตาดำ ๆ”
“แม่นางหลีกล่าวได้ถูกต้อง” แม่นางอีกคนเสริมทัพ
“พวกเจ้าสองคนพูดเสียอย่างกับว่าฮูหยินเฉียนบังคับขู่เข็ญให้เถ้าแก่โม่วลดราคาให้เสียอย่างนั้น” เหอลี่หลินที่เดินเข้าร้านผ้ามาได้ยินเข้าได้เอ่ยขึ้นกลางบทสนทนาจนแม่นางทั้งสองเงียบปากลงเพราะเถียงกลับไม่ได้
“แม่นางเหอ”
“ข้าต้องขออภัยฮูหยินเฉียนเรื่องเมื่อคราวก่อนด้วยนะเจ้าคะ ที่ข้าพูดจาเสียมารยาทเช่นนั้น” นางเดินเข้ามาใกล้ ก่อนเอ่ยขอโทษที่งานเลี้ยงครั้งก่อนเผลอพูดจาไม่ดีออกไป
