บท
ตั้งค่า

#4 ค่ำคืนแห่งความฝัน

“คือตอนที่ฉันกลับมาใช่ป่ะ”

เมื่อเธอเริ่มเล่าเพื่อนๆ ก็วางช้อนและหยุดกินไปโดยปริยาย ส่วนใครบางคนที่นั่งบนหัวโต๊ะก็ทำท่าเท้าคางเฉกเช่นเดิมกำลังฟังเธอเล่าอย่างตั้งอกตั้งใจไม่แพ้กันกับเพื่อนๆ

“ฉันดันเจอผู้ชายคนนึงเว้ย ประสบอุบัติเหตุ แบบว่า ตุยเย่คาที่ แล้วแม่งนายนั่นดันหล่อ ฉันเลยเผลอปากพูดบ้าๆ ออกไป แบบว่า … เหมือนเชิญชวนเขาไรงี้”

“ต่อๆ ว่าๆ ” นีลเป็นคนเร่งให้เพื่อนสาวเล่าเร็วๆ

“แล้วตอนแรกใช่ป่ะ ฉันดันเก็บเขามาฝัน แต่แม่งใครจะไปรู้วะ ว่าตื่นมาจะเจอผีนั่นเข้าจริงๆ แม่งปรากฏตัวต่อหน้าต่อตา”

“กรี๊ดว๊ายยย” แม้เสียงของแม็กกี้จะไม่ดังมากนักเพราะเกรงใจโต๊ะอื่นๆ “หล่อขนาดนี้ แล้วไงวะ ผีได้แบบว่า จุดจุดจุดกับแกมั่งป่ะ? ” คนที่คิดลามกอย่างแม็กกี้มีหรอจะเหลือ

“เดี๋ยวๆ อีแม็ก มึงใจเย็นๆ ก่อน” ชะเอมพูดแทรก

“จะแบบว่าอะไรล่ะ ก็ไม่ได้อะไรต่อ”

“ว๊าาา!!” เพื่อนๆ ต่างมีสีหน้าอย่างเซ็งๆ

“นี่คาดหวังอะไรเกินไปป่ะ มันไม่ใช่ในพล็อตนิยายนะเว้ย นี่มันชีวิตจริง” เธอเอ่ยบอกกับเพื่อนๆ

ตรงกันข้ามกับผีหนุ่มที่เอาแต่ลอบยิ้มจนเห็นฟันซี่สวย ไหนจะลักยิ้มมุมปากน่ารักๆ ของเขานั่นอีก เขาก็พึ่งจะค้นพบเหมือนกันว่าสามารถพรางตัวไม่ให้เธอมองเห็นเขาได้ แต่พอคิดแล้วเขาก็อยากจะให้ถึงคืนนี้ไวๆ เหมือนกันนะ เพราะไอ้คำตอบของเธอนั่นแหละ ที่ทำให้เขาแทบยิ้มไม่หุบ

“ไอ้ชอบก็ชอบอยู่หรอกนะ ก็หล่อสูงยาวเข่าดี แต่เขาเป็นผีนี่สิ”

“เอวต้องดีด้วยแน่ๆ เลยอ่ะแก” แม็กกี้พูดเสริมอีก

“อีแม็ก กรี๊ดดด พูดได้ถูกใจ” เสียงนีลเอ่ยขึ้น

“กูชื่อแม็กกี้ย่ะ อีนีล” สาวสองพูดอย่างหมั่นไส้เพื่อน ก็ใครที่มาเรียกแม็กเฉยๆ มีหวังนางจิกเอาเป็นเอาตาย

คำตอบนั้นของเธอและคพูดต่างๆ นานา ของแก๊งสาวๆ ทำเอาผีหนุ่มอย่างเขาวุ่นวายใจอยู่ไม่น้อย การได้มองเธอเป็นตัวของตัวเองเวลาได้อยู่กับเพื่อน มันช่างรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก แน่นอนว่าการไปแจกของให้กับเด็กดอยในวันรุ่งขึ้น เขาย่อมไปกับเธอแน่ ได้ยินเต็มสองหูแล้วนี่นะ ว่ามีรุ่นพี่ที่เคยชอบเธอจะไปด้วย ผีอย่างเขาจะไปกันซีนให้สุดฤทธิ์สุดเดช

กิจกรรมของสาวๆ วันนี้นอกจากจะทานข้าว โยนโบว์ลิ่งและก็เดินเล่นพูดคุยกันตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้เจอมานาน แต่ละคนมีบริษัทเป็นของตัวเอง และก็ดูแลกิจการอยู่ห่างๆ การเป็นเจ้าของมันก็ดี และจะดียิ่งกว่าถ้าลูกน้องนั้นไว้ใจได้

เขาเดินตามเธอกับกลุ่มเพื่อนต้อยๆ ไปทุกที่ แน่นอนว่าเขาเห็นผีตนอื่นด้วยเช่นกัน แต่ร่างของเขามันดูแปลกๆ ไม่ค่อยเหมือนดวงวิญญาณดวงอื่นสักเท่าไหร่ เพราะคนอื่นๆ ที่เขาเห็นมักจะเป็นสีดำทมึนไปทั้งตัว แต่ก็นะ เขาก็ไม่ได้คิดจะใส่ใจในเรื่องนี้เท่าไหร่นัก

ดึกแล้วทุกคนต่างก็แยกย้าย โดยที่พรุ่งนี้รถตู้จะมารับทุกคนตรงจุดนัดพบที่บริษัทของชะเอม ซึ่งไม่ไกลจากหมู่บ้านของมินตราเท่าไหร่ พวกเธอกะว่าจะค้างที่ดอยสักสองสามคืนหรืออาจจะมากกว่า เมื่อคนตัวเล็กกลับมาถึงบ้านก็รู้สึกโหวงๆ อย่างบอกไม่ถูก นี่นายหายไปไหนนะ หรือว่าที่ฉันไม่ให้นายตาม นายจะน้อยใจจนหนีฉันไปซะแล้ว

“ใครจะกล้าหนีไปจากเธอกัน” จู่ๆ เขาก็โผล่มาแถมยังพูดขึ้นมาซะอย่างนั้น

‘โอ้แม่เจ้า ตกใจหมดเลย’!!

“นี่นาย!! นายช่วยมีมารยาทหน่อยได้มั้ย มาก็ให้สุ้มให้เสียงหน่อย แต่เอ๊ะ!! ดะ ดะ เดี๋ยวนะ นี่นายอ่านความคิดฉันได้งั้นหรอ”

“อืมมม” เขาตอบ

บ้าชิบ แล้วที่ผ่านมาเขาไม่ว่าเธอหื่นรึไง คิดกับผู้ชายแปลกหน้าเรื่องอย่างว่าแบบนั้นด้วยสินะ คนที่คิดย้อนกลับไปถึงคำพูดของตัวเองเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนถึงกับใบหน้าแดงก่ำ เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ฝากไว้ก่อนเถอะ!!

“ทานอะไรมารึยังลูก”

และแล้วเธอก็ชะงักกับเสียงของมารดา ก่อนจะเอ่ยตอบ

“ทานมาแล้วค่ะแม่ เดี๋ยวพรุ่งนี้มินมีนัดกับเพื่อนๆ ไปแจกของบนดอยนะคะ อาจจะค้างสักสองสามวันค่ะ เดี๋ยวหนูขอตัวไปเก็บกระเป๋าก่อน”

มารดายิ้มรับพร้อมพยักหน้าให้ ก่อนที่เธอจะขึ้นไปบนบ้านอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เปิดประตูเข้าไป เมื่อพบว่ามีร่างสูงใหญ่ของใครบางคนที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงของเธออย่างถือวิสาสะ แม้จะตกใจอยู่เล็กน้อย แต่เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร หรือจะเป็นภาพที่เคยชินไปแล้วนะ

เธอเปิดตู้เริ่มเก็บกระเป๋า โดยที่มีเขานั่งดูอยู่ไม่ห่าง

“พรุ่งนี้ผมจะไปกับเธอด้วยนะ”

เสียงเขาบอกเจ้าหล่อน ก่อนที่เธอจะหยุดมือจากการเก็บกระเป๋าสักพัก แล้วหันมามองเขาอย่างนึกแปลกใจไม่ได้

“ก็อยากไปด้วย นะน๊าาา รับรองว่าจะไม่ดื้อ”

เธอไม่ตอบแต่ตั้งหน้าตั้งตาเก็บกระเป๋าต่อไป จากนั้นก็รีบไปอาบน้ำก่อนจะตั้งนาฬิกาปลุก

“จริงๆ เธอไม่ต้องตั้งปลุกก็ได้นะ เดี๋ยวผมปลุกเธอเอง”

วันนี้นายดูพูดมากแปลกๆ แต่ด้วยความที่วันนี้ทั้งวันกิจกรรมที่เธอทำกับเพื่อนตั้งแต่เที่ยงยันสองทุ่ม ทำให้คืนนี้เธอเพลียและง่วงนอนแปลกๆ ร่างบางที่ทอดกายลงนอนยังเตียงนุ่มๆ ทำให้ความรู้สึกอยากจะนอนอย่างเต็มที่ และแล้วดวงตาก็ค่อยหรี่เล็กลงและก็ผล๋อยหลับไปในที่สุด

เธอเห็นเขาเข้ามาใกล้ๆ อีกแล้ว นี่นายชักจะใกล้ฉันเกินไปละนะ รู้มั้ยว่าใจมันสั่น

“ใจสั่นหรือว่าแอบมีใจกันแน่” เขาเอ่ยกับเธอก่อนจะพูดอะไรต่อ “ขอจูบเธอได้มั้ย”

แน่นอนว่าเขาอยากจะจูบเธอมากจริงๆ อยากจะจูบตั้งแต่เมื่อตอนกลางวันแล้ว ผู้หญิงอะไรพูดได้ไม่อายปากว่าชอบเขา อยากจะจูบเขา

“นี่นาย …” เขาไม่ปล่อยให้เธอได้พล่ามอะไรต่อ เมื่อริมฝีปากหยักหนาเข้าจู่โจมประกบริมฝีปากบางอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะแทรกลิ้นอุ่นๆ เข้ามายังโพลงปากของเธอ

คนที่ทำตามใจตัวเองก็เผลอเผยอริมฝีปากออกและจูบตอบเขาอย่างเร่าร้อน มันก็แค่ความฝันแหละหน่า อีกอย่างก็แค่จูบเอง จะเป็นอะไรไป เธอคิด

เขาถอนริมฝีปากออก ก่อนจะกระซิบบางอย่างข้างหูของเธอ “ถ้ามันมากกว่าจูบ เธอจะยอมผมไหม? ”

แม่เจ้าทำไมเสียงเขาเซ็กซี่เย้ายวนอย่างนี้นะ

แต่ก่อนที่เธอจะตอบอะไรได้ หัวใจก็เต้นแรงขึ้นอย่างควบคุมไม่อยู่ ในความฝันนี้ แม้แต่คำถามของเขาก็ดูจะมีแรงดึงดูดที่ทำให้เธอแทบละลาย เธอรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นร้อนของเขาใกล้จนเกินไป ขณะที่ในหัวพยายามบอกตัวเองว่ามันเป็นแค่ฝัน แต่ก็ดันเผลอคิดว่า…ถ้ามันเป็นจริงจะเป็นยังไงนะ

เธอพยายามฝืนใจไม่ให้เผยความรู้สึก แต่เสียงอันเซ็กซี่ที่ดังข้างหูของเขากลับทำให้ใจเจ้าหล่อนอ่อนยวบ เขาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะกระซิบอีกครั้ง

“เธอกำลังคิดอะไรอยู่เหรอ…”

เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที ใจยังคงเต้นรัว เธอลูบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติ รู้สึกถึงแก้มร้อนวูบวาบ พยายามนึกทบทวนว่าเมื่อกี้มันเป็นแค่ฝันหรืออะไรกันแน่ พอหันไปมอง ก็พบว่าเขายังคงนั่งอยู่ข้างเตียง มองเธอด้วยสายตาขบขัน

“ตื่นแล้วเหรอ…ดูเหมือนจะฝันดีนะ”

เธอรีบหันหน้าหนี ปล่อยให้เขานั่งหัวเราะเบา ๆ อยู่ข้างเตียงอย่างสะใจเล็ก ๆ พลางคิดในใจว่า นี่เธอจะทำยังไงดีนะ ในเมื่อดูเหมือนว่า…ผีตนนี้ไม่เพียงแค่จะตามเธอมาถึงในฝัน แต่มันก็ชักจะเกินกว่าฝันธรรมดาไปแล้ว

จากนั้นเขาก็เข้ามาใกล้ๆ เจ้าหล่อน ก่อนจะประกบริมฝีปากแนบริมฝีปากของเธออีกครั้ง

นี่เรายังฝันหรือว่าตื่นกันแน่นะ ทำไมเขาถึงสัมผัสเธอได้ล่ะ แต่สมองที่กำลังคิดกลับปล่อยให้มันว่างเปล่า เมื่อริมฝีปากร้ายของเขาจาบจ้วงลงมาดูดดื่มอย่างคนเอาแต่ใจ

เธออู้อี้ในลำคออย่างไม่เป็นภาษา ร่างกายที่อ่อนปวกเปียกราวกับขี้ผึ้งถูกลนไฟ เธอพร้อมจะหลอมละลายไปทุกเมื่อกับรสจูบอันวาบหวามของเขา คนตัวโตที่ตะโบมจูบอย่างบ้าคลั่งราวกับคนเอาแต่ใจ ก่อนจะปล่อยให้ร่างเล็กได้สูดเอาอากาศเข้าปอด เขาปล่อยมือจากร่างเล็กที่ตอนนี้อ่อนปวกเปียกอย่างคุมสติตัวเองไม่ได้

“ถูกจูบแค่นี้ก็ไปไม่เป็นเลยรึไง”

เขาถามแต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบ

ใครจะกล้าตอบกันว่าจูบแรกโดนผีหล่อขโมยไปจนหมดสิ้น แม้จะเป็นแค่ความฝัน แต่มันช่างเหมือนจริงจนแทบแยกไม่ออก

“ขี้เซา ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวก็สายหรอก”

เธอรู้สึกว่ามีใครปลุกและเขย่าให้เธอตื่น และแน่นอนว่าตอนนี้เป็นเวลาหกโมงแล้ว

นี่เมื่อคืนฉันฝันไปหรอกหรือนี่ ก่อนที่สายตาจะมองมายังร่างของใครบางคนที่ถือวิสาสะมานอนอยู่ข้างๆ

“นี่มันจะมากไปแล้วนะ โซฟาของนายอยู่นู่น” ปากไม่ว่าเปล่า แต่มือพยายามจะตีร่างโปร่งแสง แต่ก็กระทบลงกับเตียงนุ่มเพียงแค่นั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel