#5 ติดสอยห้อยตาม
เมื่อทุกคนต่างขึ้นไปบนรถตู้คันสีดำหรูจนหมด นอกจากจะมีเพื่อนของเธอแล้วก็มีกลุ่มของรุ่นพี่เพิ่มมาสี่คน หญิงสอง ชายสอง หนึ่งในชายดังว่าก็คือวิน หรือวินเซนต์ ทายาทนักธุรกิจตระกูลดังที่เมื่อครั้งอดีตก็เคยตามจีบเธอ
ทุกคนต่างได้ที่นั่งเรียบร้อยทั้งหมด โดยที่เธอนั่งคู่กับแม็กกี้ ซึ่งเธอเองก็เลือกนั่งเบาะด้านนอก เพราะยัยแม็กกี้ชอบนั่งติดหน้าต่าง และด้านซ้ายของเธอมันจะมีเบาะเดี่ยว ตอนแรกวินเซนต์ว่าจะนั่งเบาะเดี่ยวที่อยู่ใกล้ๆ เธอ แต่ด้วยอะไรดลใจหรืออะไรก็ไม่ทราบ มันมีเหตุให้เบาะข้างๆ เธอว่างซะอย่างนั้น
แน่นอนว่าเธอรู้ดี ก็คนตัวสูงกว่า 190 ที่ขึ้นรถมาด้วยนั่งอยู่เบาะข้างกับเธอนั่นเอง
“นายมันบ้า”
แน่นอนว่าเขาได้ยิน คนที่ได้ยินก็เอาหูฟังขึ้นมาครอบหูก่อนจะส่ายหัวไปมา เหมือนฟังเพลง
เธอยิ้มงงๆ นี่ผีสมัยนี้ก็เอาเรื่องเหมือนกันแฮะ นอกจากจะแต่งตัวเท่นะเบิดยังสรรหาอุปกรณ์อะไรต่อมิอะไรมาได้
“ฉันละเชื่อซะจริงๆ ”
แน่นอนว่าเขาก็เอาบลูทูธหูฟังใส่หูไปงั้นแหละ ที่จริงก็ไม่ได้ฟังอะไร มันเป็นแผนของเขาที่จะแอบฟังเธอคุยกับเพื่อนสนิท เธอจะได้ไม่ต้องรู้สึกว่า ไม่เป็นตัวเอง
แม้ว่าแม็กกี้และเพื่อนๆ ของเธอจะรู้สึกแปลกๆ ไปบ้างกับอาการพิลึกๆ ของเพื่อน บ้างก็เหมือนทำหน้าทำตาถมึงทึงใส่ใคร บ้างก็มองอะไรแปลกๆ แต่ทุกคนก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่นัก
ผ่านมาได้หนึ่งชั่วโมงรถตู้คันหรูก็จอดบนดอยอะไรสักอย่าง ก่อนที่ผู้อำนวยการโรงเรียนจะพาเด็กๆ ออกมาต้อนรับ แต่แล้วเธอก็ต้องแปลกใจที่เห็นเด็กชายวันสี่ขวบนิดๆ คนหนึ่งยิ้มให้เขา แน่นอนว่าเด็กคนนั้นต้องเห็น และเธอก็เห็นด้วยว่าเขาก็ยิ้มตอบ ไม่ใช่มีแค่เธอคนเดียวแล้วสินะที่เห็นเขา นี่ยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้เธอได้ว่า เธอเองก็ไม่ได้บ้าและก็ไม่ได้คิดไปเอง
รุ่นพี่ที่เพิ่มเข้ามามีใครบ้างนั้นเธอแทบจำชื่อพวกเขาไม่ได้ แน่นอนว่าชายสองหญิงสองที่เพิ่มมามันต้องมีอะไรแปลกๆ แต่เธอเลือกที่จะไม่ใส่ใจ
“สวัสดีครับคุณๆ ทั้งหลาย” ผอ. บ้านห้วยนาโปร่งได้เอ่ยต้อนรับผู้ใหญ่ใจดีที่มาแจกข้าวของแก่เด็กๆ ก่อนที่คณะครูที่มีอยู่ราวๆ ห้าคน เดินพาทุกคนไปยังโรงอาหาร โรงเรียนที่นี่ไม่ใหญ่เท่าไหร่นัก ซ้ำยังไฟฟ้าก็ยังมาไม่ถึง เธอเดินตามทุกคนไป ในขณะที่ในใจเอ่ยถามใครบางคนขึ้น
“ปกตินายต้องกินอะไรป่ะ? ”
“ก็ไม่นะ ไม่กิน ไม่หิว”
“อ๋อ อิ่มทิพย์ว่างั้น? ”
“จะว่าแบบนั้นก็คงได้”
แต่แล้วบรรยากาศก็ถูกทำลายลง เมื่อวินเซนต์เดินเข้ามาหาเธอ
“น้องมินครับ รอพี่ด้วย”
เธอทำสายตาล่อกแล่กมองร่างของคนโปร่งแสง ก่อนจะหันไปมองยังวินเซนต์ที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ๆ แต่แล้ววินเซนต์กลับสะดุดเข้ากับอะไรสักอย่าง เขาหัวทิ่มไปข้างหน้าแทบจะสะดุดล้ม แน่นอนว่าคงไม่ใช่ฝีมือใคร นายตัวแสบนั่นเอง
“นายคิดจะทำอะไร” เธอถามเขาในใจ
” เปล๊า ไม่ได้ทำอะไร อย่าบอกนะว่าเธอคิดว่าเป็นฝีมือผม”
“แน่นอนสิ ถ้าไม่ใช่นายแล้วจะเป็นใครที่ไหน”
“ก็ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นผีป่าผีเขาของที่นี่ก็ได้”
“หุบปากพล่อยๆ ของนายเดี๋ยวนี้เลยนะ ใครเขาพูดเรื่องแบบนี้กัน”
ผีหนุ่มหัวเราะในใจ อย่าบอกนะว่ากลัวผี ขนาดจูบกับผียังจูบมาแล้วเลย
เมื่อทุกคนต่างพากันทานอะไรเสร็จ และก็แจกของเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะแยกย้ายไปพักและนัดกันอีกทีในตอนเย็น ตอนนี้แก๊งสี่สาวต่างก็ได้คู่แล้วว่าใครจะนอนกับใคร แน่นอนว่าเธอได้นอนคู่ยัยแม็กกี้
“เฮ้ย!! ได้ไง แม็กกี้เป็นผู้ชายนะ” ผีหนุ่มบ่นถาม
“แล้วไง แต่ใจมันเล็กยิ่งกว่ามดนะ อย่าบอกนะว่านายหึง” เธอถามเขาในใจ
“อืม ผมหึง”
เฮ้ย เล่นตอบกันง่ายๆ งี้เลยหรอวะ!!
“แต่ถึงยังไงนานก็ตามฉันไปอยู่ดีไม่ใช่หรอ อีกอย่างแม็กกี้นางเป็นผู้หญิง” เธอยังจะเถียง
“เธอเป็นผู้ชาย” เขาก็เถียงอย่างไม่คิดจะลดละเช่นกัน
“เอาล่ะๆ เลิกเถียงกับฉันสักวันจะได้รึเปล่าห๊ะ”
ตอนนี้คนทั้งคู่ต่างสงบปากสงบคำ ก่อนจะแบกเป้ไปยังที่พัก มันเป็นกระท่อมไม้สองชั้น ที่ชั้นล่างเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ด้านบนเป็นห้องนอนที่มีฟูกกว้างเพียงสามเมตรวางอยู่สองอัน กับหมอนที่พึ่งจะเปลี่ยนปลอกใหม่สำหรับต้อนรับพวกเธอโดยเฉพาะ
“นอนได้ป่ะแก” เสียงของแม็กกี้ถามขึ้น
“คงต้องได้แหละแก แต่ดึกๆ ถ้าฉันปวดชิ้งฉ่องแกต้องตื่นพาฉันไปเข้าห้องน้ำนะ”
“อือ รู้ละย่ะ ว่าแต่ที่นี่อากาศดีนะ เย็นดี”
นั่นน่ะสิ ที่นี่บรรยากาศดี ห้องพักรับรองแขกก็ปลูกติดๆ กันเรียงราย ถ้ามากันหลายคนก็ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ อีกทั้งที่นี่ก็ปลอดภัยไม่มีเรื่องโจรชุกชุม เธอกับเพื่อนพากันนำเอาเป้ไปเก็บ ก่อนที่ยัยแม็กกี้จะทิ้งร่างสูงท้วมลงบนฟูกซึ่งก็ไม่นิ่มและก็ไม่แข็งเท่าไหร่
สายตาของเธอลอบมองไปยังร่างโปร่งแสงที่เอาแต่จ้องมองเพื่อนสาวสองของเธออย่างไม่ละสายตา
“เอาหน่า เธอกินฉันไม่ได้หรอกนะ ดูสายตาที่มองเข้า”
เธอบ่นให้เขาเป็นกลายๆ
“ไม่รู้แหละ ยังไงคืนนี้ผมก็ต้องนอนกับเธอให้ได้”
เขาเถียงข้างๆ คูๆ
“อืม รู้แล้ว”
และคนที่รับปากเช่นนั้นออกไปจะรู้มั้ยนะ ว่าคืนนี้จะต้องนอนเบียดกับใครบางคน อีกทั้งฟูกก็มีขนาดแค่สามฟุต คนพูดก็ลืมคิด ส่วนคนฟังคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
หกโมงเย็นของชุมชนที่นี่ค่อนข้างจะเงียบแล้ว แต่วันนี้อาจจะคึกคักสักหน่อยเพราะต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ผอ.ของโรงเรียนกับผู้นำเผ่าก็ออกมากินเลี้ยงต้อนรับ บรรยากาศรอบๆ กองไฟเหมือนตั้งแคมป์หรือเข้าค่ายอย่างไงอย่างงั้น
ไม่นานนักเหล้าหมักสูตรพิเศษก็ได้ถูกยกมาวาง มันเป็นเหล้าท้องถิ่นของคนพื้นเมืองที่หมักผ่านไห หากจะกินต้องทำการรินน้ำลงไปผสม หรือถ้าใครชอบความซ่าก็ผสมกับสไปรท์หรือพวกสปาร์คกิ้งโซดา แต่ที่นี่ก็มีแค่น้ำเปล่าที่เขานิยมผสมกัน มันหวานหอมกินง่าย แน่นอนว่าเมาคล่องแน่นอน
รุ่นพี่ที่มาพร้อมกับพวกเธอคนพวกนั้นต่างคอแข็ง ดื่มเท่าไหร่ก็ท่าจะเมายาก แต่ถ้าดื่มในปริมาณที่มากก็ไม่มีเหลือ เมาทุกราย งานเลี้ยงต้อนรับแห่งค่ำคืนเป็นไปด้วยความสนุกสนาน ความเป็นกันเองและเพื่อนๆ ของเธอก็ต่างคุ้นชินกับกิจกรรมแบบนี้ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกของพวกเธอที่ออกมาแจกจ่ายข้าวของให้เด็กๆ
คนที่เริ่มเมาได้ที่แม้จะดื่มไปแค่เล็กน้อย แต่ก็ไม่น่าห่วง เพราะยัยแม็กกี้คอเหล็กจะเป็นคนดูแลเพื่อนๆ เอง ซึ่งนีลก็คอแข็งไม่แพ้กัน ดังนั้นแล้วในกลุ่มจะมีแค่เธอกับชะเอมเท่านั้นที่ดื่มไม่เก่ง
หลายครั้งต่อหลายคราที่วินเซนต์พยายามจะเข้ามาชนแก้ว แต่อะไรก็ไม่รู้ทำให้เขาเข้ามาหาหญิงสาวไม่ได้สักที เนื่องจากผู้หญิงที่มาด้วยต่างก็เกาะมือของเขาแน่นอยู่ไม่ห่าง มองตาข้างเดียวยังรู้เลยว่าพวกพี่ผู้หญิงที่มาด้วยคงเป็นกิ๊ก หรือคนคุย หรือน่ากำลังจะคบกันหรืออะไรสักอย่าง
ไม่ต่างจากคนที่เมาอ้อแอ้ตอนนี้ ที่ส่งตาหวานให้กับร่างสูงใหญ่อย่างท้าทาย
“คิดจะล้อเล่นรึไงกัน อย่ามาล้อเล่นกับระบบเชียวนะ”
ผีหนุ่มขบคิดแล้วเม้มมุมปากอย่างหมั่นเขี้ยว ก้เธอมันน่านักนะ คิดล่ะสิว่าเขาคงทำอะไรเจ้าหล่อนไม่ได้ หลายต่อหลายครั้งที่คนเมาส่งสายตาเย้ายวนให้เขา จนตอนนี้ก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว การดื่มก็ถูกลากยาวมาตั้งแต่หัวค่ำ ก่อนที่งานเลี้ยงต้อนรับจะต้องถูกกเลิกราไป
แม็กกี้ที่หิ้วปีกของหญิงสาวขึ้นไปบนที่พัก
“ยัยมิน ถ้าแกปวดฉี่ฉันคงจะไม่ลากแกลงมาหรอกนะ”
แม็กกี้ถือกระโถนขึ้นไปด้วยเผื่อฉุกเฉิน ให้ตายยังไงฉันก็ไม่พาแกลงมาหรอก ตัวเล็กนิดเดียวแต่หนักเป็นบ้า ก่อนที่ร่างเป็นชายใจเป็นหญิงของแม็กกี้จะค่อยๆ วางเธอลงบนที่นอน หารู้ไม่ว่าอีกข้างก็มีใครบางคนช่วยพยุงอยู่
