บท
ตั้งค่า

#1 ใครบางคน

ฉันอยู่ไหนเนี่ย ทำไมมันถึงขาวโพลนอย่างนี้ มองอะไรก็ไม่เห็น!!

“เดินมาทางนี้สิ เดี๋ยวผมพาออกไป”

เสียงของใครกันนะ ฟังดูดีจัง หน้าตาคงหล่อแน่ๆ เลย

และแล้วหมอกหนาก็เริ่มจางลงจนเธอเห็นใครบางคนที่ว่าได้ชัดเจนขึ้น

“นาย …..”

เธอกะพริบตาปริบๆ สีหน้าบวกกับความฉงน นั่นมันผู้ชายที่ตายคืนนั้นนิ่ “อย่าบอกนะว่านายตามฉันมาอ่ะ”

“อืม … ก็เธอเป็นคนอยากให้ฉันตามมาไม่ใช่รึไง? ”

“นั่นฉันแค่คิดขำ นี่ผีมีจริงด้วยหรือวะเนี่ย!!”

“ผมตายแล้วงั้นหรอ? ” เขาเอ่ยย้ำถามเธอ มิน่าล่ะเขาอยากไปที่ไหนเพียงแค่คิดก็หายแวบได้ แต่เขาเป็นใครกันนะ ทำไมจำไม่ได้แม้แต่ชื่อของตัวเองเลยล่ะ

“นาย นายอย่ามาคิดจริงจังกับคำพูดพล่อยๆ ของฉันเลยนะ นายไปที่ชอบๆ เถอะ ไว้ฉะฉันจะทำบุญไปให้” เธอตอบเสียงตะกุกตะกัก

“เธอเชื่อเรื่องทำบุญด้วยหรอ?”

อีกฝ่ายสงสัยก่อนจะเอ่ยปากถามร่างเล็กตรงหน้าออกไป คนที่เอาแต่หลับตาปี๋ก็ยังคงอึกอัก เธอกล้ามองเขาตรงๆ ซะที่ไหน แต่ด้วยความเงียบในเมื่อเขาไม่พูด และความอยากรู้ของเจ้าหล่อนจึงทำให้เธอค่อยๆ เปิดเปลือกตาออก

“ว๊ายยย!!!”

คนตัวเล็กถึงกับร้องเสียงหลง เมื่อจู่ๆ ใบหน้าหล่อเข้มของเขาก็มายืนอยู่ตรงหน้าระยะห่างไม่ถึงคืบ

พ่อคุณจะตัวสูงไปถึงไหนนะ เธอที่ว่าสูงกว่ามาตรฐานหญิงไทยถึงกับต้องแหงนมองใบหน้าหล่อสไตล์ตี๋ๆ จะด้วยความหล่อดูดีหรืออะไรของเขาก็ตามแต่ นั่นมันทำให้เธอลืมคำว่าผีไปซะสนิทใจ ก่อนที่ริมฝีปากบางจะเริ่มเอ่ยขยับถาม

“นายชื่อว่าอะไรหรอ? ”

“ไม่รู้!!”

“ชื่อตัวเองนายก็ไม่รู้งั้นหรอ? ”

“ใช่ ก็ผมจำอะไรไม่ได้เเลย แม้แต่ตัวเองเป็นผีด้วยสาเหตุอะไรผมก็ยังไม่รู้เลย”

“ว่าแต่เอ๊ะ!! ทำไมนายถึงเข้าบ้านฉันได้ล่ะ? ” มินตราถามด้วยความสงสัย เพราะศาลพระภูมิหน้าบ้านของเธอก็ตั้งหราอยู่ และคาดว่าภูตผีไม่น่าจะเข้ามากันได้ง่ายๆ

“ไม่รู้สิ ก็ไม่เห็นมีใครห้าม” เขาตอบยิ้มๆ

“ฉันขอถามอะไรหน่อยสิ? ”

“ว่า? ”

“นายเห็นแบบว่า แบบว่า พระภูมิเจ้าที่ผีบ้านผีเรือนอะไรแบบงี้บ้างป่ะ? ”

“…….” เขาส่ายหัวแทนคำตอบ

“ก็…..” เขารอดูปฏิกิริยาของเจ้าหล่อน

“ก็อะไรเล่า พูดมาไวๆ ?”

จากนั้นมือหนาก็กระชากมือบางเข้ามาแนบกาย

“นี่นายคิดจะทำอะไร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”

“ก็แค่อยากพิสูจน์ว่าผีจะแตะเนื้อต้องตัวเธอได้รึเปล่า ว่าแต่ว่าเธอบอกผมว่ายังไงนะ ถ้าหากผมไม่ตาย เธอจะยอมเป็นของผมอย่างนั้นหรอ? ”

ไอ้ผีบ้าไอ้ผีลามก ทีงี้มาทำเป็นได้ยินสิ่งที่เธอคิด

“นายอ่านใจคนได้อย่างนั้นหรอ? ”

“เปล่า!! ก็ตอนนั้นเธอพูดมันออกมา ผมเลยได้ยิน”

เฮ้อ โล่งใจไปที นึกว่าจะได้ยินความคิดคนอื่น ไม่งั้นตายแน่ถ้ารู้ว่าฉันอยากจูบสุดหล่ออย่างนาย

ผีหนุ่มอย่างเขาได้ยินดังนั้นถึงกับตาลุกวาว ไม่ได้ๆ จะให้เธอรู้ว่าเราอ่านความคิดเธอได้ ไม่ได้แน่นอน มีหวังไม่ยอมบอกความลับกับเราอีก

“เธอเคยจูบผู้ชายป่ะ” จู่ๆ เขาก็ถามเรื่องนี้ออกมา

“จูบบ้าจูบบออะไรเล่า แม้แต่กับผีก็ยังไม่เคย”

ฮันแน่ มีเปิดทางซะด้วย

“ปะเปล่า ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น คือฉันแค่เปรียบเทียบ”

“กินปูนร้อนท้องนะเรา”

“คำเปรียบเปรยโบราณมากกกก นายอายุเท่าไหร่กันเชียว”

“ถึงอายุไม่มาก แต่รับรองว่าเด็ดจนคุณพี่ต้องร้องขอชีวิตเลยละคร้าบ”

“ว๊าย!! หยาบคาย มาเรียกฉันว่าคุณพี่ ฉันพึ่งจะ 28”

ถึงแม้เธอจะต่อปากต่อคำกับเขาไปยกใหญ่ แต่ความรู้สึกอิ่มฟูในหัวใจมันช่างแปลกๆ แปลกที่ผู้ชายคนนี้มาทำให้เธอคลายไปจากเรื่องเศร้าก่อนหน้า

แต่แล้วฝันนั้นก็พันมลายหายไปเมื่อเสียงเคาะห้องจากผู้เป็นมารดาได้เคาะห้องขึ้น

ก๊อกๆ

“มิน จะหกโมงเย็นแล้วนะลูก ตื่นอาบน้ำและลงมาทานข้าวได้แล้ว คุณพ่อพาแขกผู้ใหญ่มาด้วย”

“หนึ่งชั่วโมงนะคะแม่ หนูจะรีบลงไปค่ะ”

หญิงสาวที่รีบด้วยว่ามีแขกผู้ใหญ่มาที่บ้าน จนทำให้เธอลืมเรื่องความฝันไปชั่วขณะ แต่ก็ไม่ใช่ในทีเดียว

เมื่อคนร่างระหงเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านหลังใหญ่ ตอนนี้แขกของบิดามารดาต่างก็นั่งอยู่ตรงโซนห้องรับแขก ดูก็รู้ว่าพวกท่านไม่ใช่แขกธรรมดาแน่ๆ

“อ้าว มินเร็วเข้าสิลูก”

บิดาเอ่ยกับบุตรสาวอย่างเอ็นดู

“นี่ท่านชัชชาติ นี่คุณหญิงสมัย สงสัยเจ้าลูกสาวของผมจะจพวกคุณไม่ได้ซะแล้ว”

สิ้นเสียงแนะนำจากผู้เป็นพ่อและเสียงหัวเราะของทุกคนเธอก็กล่าวสวัสดีทักทายพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าคนทั้งสองมาด้วยเรื่องอะไร แต่ด้วยความที่บิดาของเธอก็เป็นคนกว้างขวาง ก็ไม่น่าใช่เรื่องแปลก แต่ที่แปลกคือ เธอได้ยินเรื่องที่ผู้ใหญ่คุยกัน

“เรื่องงานของเจ้าภัทรจากที่ตอนแรกว่าจะมาทำเรื่องสู่ขอให้เป็นจริงเป็นจัง ตอนนี้ก็คงต้องเลื่อนออกไปก่อนสักระยะ”

เสียงของผู้ว่าเอ่ยขึ้น แม้เธอจะไม่เข้าใจแต่เธอก็ไม่ได้เด็กเกินกว่าที่จะดูไม่ออก นี่คือการที่ผู้ใหญ่นัดมาดูตัวสินะ แต่ก็ดีแล้วล่ะที่เลื่อนงานออกไป เพราะเธอยังสนุกกับงานที่ทำอยู่

“ตอนนี้พี่เขายังไม่กลับจากเยอรมัน ก็เลยจะมาขอเลื่อนงานหมั้นไว้ก่อน สัญญาหมั้นตั้งแต่เมื่อพวกหนูยังเป็นเด็ก

คงลืมพี่ภัทรไปแล้วใช่มั้ย? ”

เสียงของชัชชาติเอ่ยถามหญิงสาว ซึ่งแน่นอนว่าเธอยังจำพี่ชายคนนั้นได้ดี เมื่อก่อนบ้านของเขาอยู่ไม่ไกลบ้านของเธอสักเท่าไหร่ แต่ด้วยสาเหตุอะไรก็ไม่ทราบได้ มันทำให้เขากับครอบครัวต้องย้ายไปจากที่นี่ ส่วนสัญญาหมั้นอะไรนั่น บิดามารดาก็พูดกรอกหูเธออยู่บ่อยๆ

ถึงเวลาแล้วสินะ ถึงเวลาที่จะหมดจากอิสระไปเต็มที .. เจ้าพระคู้ณพี่ภัทรอะไรนั่นอย่าพึ่งกลับมานะ ฉันยังอยากใช้ชีวิตอิสระ .. เธอบ่นพึมพำในใจ

มื้ออาหารของบ้านหลังใหญ่ก็ได้จบลง ก่อนที่เธอจะปล่อยให้ผู้ใหญ่ได้คุยกัน

เมื่อครั้งวันวานเธอและพี่ภัทรต่างเป็นพี่น้องที่รักใคร่ เขาทิ้งตุ๊กตากล้วยหอมไว้ให้เธอ จากนั้นคนทั้งคู่ก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย นี่ก็น่าจะยี่สิบปีได้ ป่านนี้แต่ละคนคงลืมกันไปจนหมดสิ้นแล้วสินะ

คนตัวเล็กนั่งอยู่สวนหน้าบ้านมือกำลังเขียไอแพดไปมา

โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนชะเง้อหน้ามาจ้องจอกับเธออยู่ นี่เธอกำลังเสิร์จหาอะไร ร่างสูงโปร่งแสงของเขากำลังเพ่งพิศมองดูคนตรงหน้ากำลังพิมหาข้อมูลอะไรสักอย่าง

‘อุบัติเหตุที่นครสวรรค์’

’ รถยนต์ชนบิ๊กไบค์นครสวรรค์’

บ้าเอ้ย!! เธอไม่รู้จะพิมพ์หาคำไหนแล้ว เข้าไปในเพจมูลนิธิกู้ภัย สอบถามเข้าไปก็มีแต่คนบอกไม่รู้เรื่อง เธอสอบถามหมดกู้ภัยเพจใกล้เคียง แต่ทว่าก็ยังไม่มีคำตอบให้อยู่ดี

“คนที่เธอหา คือผมงั้นหรอ? ”

ทันทีที่สิ้นเสียงเธอก็ชะโงกหน้าขึ้นมอง ก่อนจะร้องกรี๊ดเสียงดัง

กรี๊ดดดดด!!!

ทั้งท่านผู้ว่าคุณนายผู้ว่า บิดามารดาของเจ้าหล่อนต่างก็วิ่งออกมาดู

“มิน เป็นอะไรไปลูก ร้องลั่นบ้านเชียว?”

เสียงตกใจของผู้เป็นมารดาเอ่ยถาม

ตายล่ะ นี่ฉันจะบอกทุกคนว่ายังไง จะบอกได้หรอว่าเห็นผี!! บ้าชิบ ความคิดของเธอทำเอาร่างโปร่งแสงถึงกับลอบยิ้มอย่างชอบใจ ก่อนจะหัวเราะออกมาดังๆ กับคำตอบที่เธอบอกกับผู้เป็นมารดา

“หนอนกระดื๊บค่ะ มินตกใจหนอน”

แน่นอนว่ามารดาของเธอเชื่อสนิทใจ เพราะตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่เธอกลัวหนอน

ทันใดนั้นชายร่างโปร่งก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน เมื่อเห็นชายสูงวัยกับภรรยาที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยความรู้สึกแปลกๆ แต่แล้วก็หันไปมองฉัตรชัย เพราะเขามีท่าทีแปลกๆ ด้วยเช่นกัน หรือว่าเขาจะมองเห็นนะ ซึ่งก็ไม่ใช่ แม้ฉัตรชัยจะมีเซนต์แต่ก็ไม่ได้มีตาทิพย์ที่ขนาดจะเห็นวิญญาณได้

เมื่อแขกผู้ใหญ่ต่างพากันแยกย้าย และบิดามารดาก็แยกย้ายไปนอนด้วยเหมือนกัน แม้จะงงๆ ไปบ้างกับท่าทีแปลกๆ ของลูกสาว แน่นอนว่าจะไม่แปลกได้ไง ตอนนี้เธอเห็นร่างหล่อล่ำของเขาจะจะ ซ้ำยังไม่ใช่ในความฝัน นายชักจะเฮี้ยนเกินไปละนะ

แม้ร่างกำยำจะได้ยิน แต่เขาก็พยายามสงวนท่าทีเอาไว้ ส่วนคนตัวเล็กที่อึกอักไม่อยากจะเข้าห้อง เพราะแน่นอนว่าไอ้ผีตนนี้มันต้องตามเธอไปอีกแน่ๆ

‘พ่อเจ้าแม่เจ้า เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาเจอผีหล่อ’

“ไม่นอนรึไง!! เที่ยงคืนละนะ”

ผีหนุ่มเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าใครบางคนยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับห้อง

“ไม่!!! ฉันจะนอนกลางวัน” เฮ้ย!! ลืมไปเลย นายนี่มันผีบ้า กลางวันยังไม่กลัว นี่เราต้องมาฝืนสังขารไม่นอนเนี่ยนะ นอนก็นอนสิ ตามก็ตามสิ เดี๋ยวแม่จะฟัดในฝันซะให้เข็ด ตามดีนัก นึกว่ากลัวรึไง

นั่นแน แอบคิดจะฟัดเราซะด้วย ผีหนุ่มได้แต่ลอบยิ้ม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel