3 ผิดคาด
หลังจากเปิดประตูออกมาแล้ว อู๋ฉือหรือชายสูงวัยก็ถูกพาไปยังชั้นสามอีกครั้ง เพื่อรายงานเรื่องที่ได้รับมอบหมายแกมข่มขู่
“เรียนคุณเกา เจ้าหนุ่มคนนั้นชื่อเฉินซิน อายุยี่สิบสองปี ยังไม่เคยมีแฟน หนีออกจากบ้านมาเพราะความน้อยใจครอบครัวที่รักลูกไม่เท่ากัน จึงเกิดความคิดชั่ววูบมาก่อเรื่องที่นี่ครับ” อู๋ฉือเอ่ยอย่างนอบน้อม ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ที่นั่งนิ่งขรึมถือแก้วเครื่องดื่มอยู่บนโซฟายาวตัวเดิม แล้วเอ่ยขอร้องตามที่เฉินซินได้กำชับมา “คะ คุณเกา ช่วย ช่วยอย่าทรมานเจ้าหนุ่มนั่นจนเกินไปนะครับ”
พูดจบ ก็ก้มหัวจรดพื้น ขอร้องให้กับคนที่ถูกเอ่ยถึง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากคนที่นั่งนิ่งอยู่ ก่อนจะมีคนมาลากตัวเขาออกจากห้องไป
เมื่อเหลือแค่ตัวเองอยู่ในห้องคนเดียวแล้ว เกาเจี้ยนหานที่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟา ก็ย้อนนึกถึงวัยรุ่นขี้เมาคนนั้น ตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายถูกควบคุมตัวเข้ามาในห้อง ทั้งแกว่งแก้วเครื่องดื่มในมือครุ่นคิดไปด้วย
มิน่า! ถึงได้ปากดีอย่างไม่กลัวตาย ที่แท้ก็มารนหาที่ตายอยู่นี่เอง
ชักน่าสนใจเสียแล้วสิ ไม่รู้ว่า...เมื่อถึงเวลานั้น คนที่มาหาที่ตายจะมีสีหน้าอย่างไรนะ...อยากตาย แต่ได้ขึ้นสวรรค์ก่อนตายแทน
คนครุ่นคิดยกยิ้มออกมาอย่างตลกขบขัน ทั้งเอนตัวพิงโซฟายาวด้วยท่าทีผ่อนคลาย พักใหญ่ มือขวาก็เปิดประตูเข้ามารายงาน
“เจ้านายผลตรวจเลือดออกมาแล้วครับ ไม่มีโรคติดต่อใดๆ”
“อืม” ตอบรับคำหนึ่ง แล้วนั่งรอลูกน้องจัดการคนที่มารนหาที่ตายให้เรียบร้อยอย่างอารมณ์ดี
ส่วนมือขวา หลังรายงานเจ้านายเรียบร้อยแล้ว ก็กลับออกจากห้อง เพื่อไปจัดการวัยรุ่นขี้เมาให้เรียบร้อยตามที่ผู้เป็นนายสั่งต่อไป
...................
ทางด้านคนที่ถูกขังอยู่ในห้อง เมื่อเห็นว่าตาแก่เปิดประตูออกไปหน้าตาเฉย ก็อยากจะลองเปิดออกไปบ้าง เผื่อจะหลบหนีไปจากที่นี่ได้ แต่ประตูก็ถูกล็อกไว้อย่างเดิมแล้ว
“บ้าเอ้ย! ช่างเลือกปฏิบัติโดยแท้” บ่นออกมาอย่างหัวเสีย เพราะยิ่งเวลาล่วงเลยไปมากเท่าไหร่ ความคิดที่ตั้งใจไว้แต่เดิมก็เริ่มเลือนหายไปมากเท่านั้น อาการมึนเมาก็เริ่มจะสร่างซาด้วย จึงเดินกลับมานั่งถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้มอยู่ที่เก้าอี้พังๆ นั้นและเริ่มภาวนาในใจใหม่อีกครั้ง
ขออย่าให้โดนทรมาน ขออย่าให้ยืดเยื้อ ขอ…..
ภาวนายังไม่จบ คนที่เอาเข็มจิ้มดูดเลือดก็พาลูกน้องเข้ามาอีกครั้ง
“เอ้า! กินเข้าไปซะ” มือขวาคนเดิมเอ่ยด้วยหน้าตาเคร่งขรึม ทั้งยื่นกล่องใบเล็กที่เปิดฝาออกแล้วไปให้ด้วย
“อะไร?” คนถูกขังถามออกมาด้วยความระแวง พลางชำเลืองมองกล่องตรงหน้าด้วย
“อยากตายไม่ใช่เหรอ?นี่คือยาสมปรารถนา” มือขวาบอก ทั้งมองหน้าอย่างท้าทาย คล้ายถามว่า กล้ากินหรือเปล่า
“ยาสมปรารถนาเหรอ?” เฉินซินทวนคำอย่างเลื่อนลอย พลางคิดว่าคงจะคล้ายๆ กับยานอนหลับล่ะมั้ง ที่กินเข้าไปแล้ว จะทำให้หลับและจากไปอย่างสงบ
ก็ดี ยิ่งกลัวการทรมานอยู่
คนครุ่นคิดยักไหล่ ไม่พูดพร่ำให้มากความ เพียงหยิบยาสองเม็ดนั้น ส่งเข้าปากไปแต่โดยดี
“เรียบร้อยแล้ว” เฉินซินบอกออกมา เมื่อกลืนยาสองเม็ดนั้นลงไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งอ้าปากให้อีกฝ่ายได้ดูด้วย
แล้วก็เห็นว่ามีคนยื่นน้ำมาให้ดื่ม จึงรับมาดื่มรวดเดียวจนหมดขวด ทั้งคิดในใจอย่างขอบคุณคนที่ยื่นน้ำมาให้ ยานี่ฝืดคอฉิบหาย แต่ก็ยังดีที่หอมและอร่อยไม่เหมือนกับยาทั่วๆ ไป
“เอาล่ะ พวกนายออกไปได้แล้ว ปล่อยให้ฉันรอความตายอยู่ที่นี่เงียบๆคนเดียวก็ได้” คนอยากตายไม่วายไล่กลุ่มคนออกจากห้อง เพราะเขาอยากอยู่เงียบๆ ดื่มด่ำกับความรู้สึกปลอดโปร่งนี้ เขาอยากจะร่ำลาโลกใบนี้เพียงลำพัง
แต่คนที่ยื่นยาให้ กลับสั่งลูกน้องลากตัวเขาออกจากห้องนี้ แล้วพาไปยังอีกห้องที่อยู่บนชั้นสาม ก่อนจะโยนเขาให้อีกสามสี่คนที่อยู่ในห้องใหม่และสั่งคนพวกนั้นจัดการทำความสะอาดเขาให้เรียบร้อยด้วย
“พวกแกจะทำอะไรน่ะ? หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินซินที่ถูกคนเปลื้องผ้า ร้องตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นตระหนกและดิ้นรนอย่างสุดกำลัง “หยุดซิโว้ยยยย! แม่งเอ้ย!จะฆ่าก็ฆ่าดีๆ สิว่ะ!”
“แม่งเอ้ย !กูบอกให้ปล่อยยยย!”
คนถูกเปลื้องผ้าทั้งดิ้นรนและร้องตะโกนด่า ทว่าก็ไม่เป็นผล เพราะเทียบกันแล้วตัวเขารูปร่างสูงเพรียวผอมบาง แต่พวกนี้มีแต่คนหุ่นบึกๆ ตัวใหญ่ๆ กันทั้งนั้น
ดิ้นรนอยู่นานก็สลัดไม่หลุด จนกระทั่งทำความสะอาดแล้วเสร็จ เฉินซินก็ถูกห่อด้วยผ้าสีขาวผืนใหญ่ผูกโบสีแดงอย่างแน่นหนา นอนเป็นดักแด้ในรังไหมอยู่บนเตียง
มาถึงตอนนี้ ตัวคนก็ไม่มีเรี่ยวแรงใดๆ หลงเหลือแล้ว ต่อให้อยากอ้าปากด่าใคร ก็ทำไม่ได้อยู่ดี เพราะโดนเอาผ้ายัดปากไว้ด้วย จึงได้แต่นอนมองโคมไฟที่ห้อยระย้าอยู่บนเพดานเงียบๆอย่างนั้น อย่างยอมรับชะตากรรม
เพราะความคิดชั่ววูบของตัวเองแท้ๆ ถึงทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ใครว่ามาเฟียร้านนี้โหด? ใครกล้ามาก่อเรื่องที่นี่คือตายสถานเดียว! มันเป็นใคร? ถึงได้ปล่อยข่าวไม่น่าเชื่อถืออย่างนี้ออกมา ช่างอยากเห็นหน้าแม่งจริงๆ
ดักแด้ในรังไหม ด่าคนที่ปล่อยข่าวลือหลอกลวงคนอื่น ไอ้คนสมควรตายคนนั้นอยู่ในใจ ด้วยความกรุ่นโกรธและเคียดแค้น
สักพักก็มีคนเปิดประตูเดินเข้ามา เป็นเกาเจี้ยนหานและมือขวาที่ตามเข้ามารายงานเจ้านายของตัวเอง
“ผมให้ไอ้เด็กนี่กินยา กับทำความสะอาดร่างกายเรียบร้อยแล้วครับ” พลางส่งกล่องยาใบเล็กประณีตกล่องนั้นให้ผู้เป็นนายได้ดูด้วย
“อืม” ตอบรับคำหนึ่งและยื่นมื่อไปรับกล่องยาที่ส่งมาให้ เมื่อรับมาแล้วก็เปิดออกดู
ว่างเปล่า
จึงหันมองมือขวาของตัวเองด้วยความสงสัย
“เอ่อ.. ผมกลัวว่ายานี้มันจะเสื่อมสภาพไปบ้างแล้ว จึงให้ไอ้เด็กนี้กินเข้าไปทั้งสองเม็ดเลยครับ” มือขวารายงานอย่างเก้อเขิน ที่ตัวเองทำโดยพลการ
ยาตั้งพันปีมาแล้วนะจะให้เชื่อว่ายังไม่หมดอายุเป็นไปได้หรือ แต่ถ้ายังไม่หมดอายุจริงๆก็ได้ลูกแฝดไปเลยทำครั้งเดียวไม่เหนื่อยดี ...คนเก้อเขินคิดอย่างเข้าข้างตัวเอง
“อืม” จบคำ ก็โบกมือไล่มือขวาออกจากห้อง แล้วเดินมานั่งลงยังขอบเตียงข้างๆ ดักแด้นั้น
“แออะอำอะไออ่ะ?” (แกจะทำอะไรน่ะ?) เฉินซินร้องถามด้วยความตกใจและหวาดหวั่น ที่เห็นคนเดินมานั่งลงข้างตัว
จะไม่ให้ตกใจและหวาดหวั่นได้อย่างไร เนื่องจากทั้งเนื้อทั้งตัวของเขาในตอนนี้ มีแค่ผ้าผืนใหญ่ห่อหุ้มร่างกายไว้เท่านั้น อีกทั้งคนที่เดินมานั่งข้างๆ ก็กวาดสายตามองเขาด้วยแววตาเป็นประกายเป็นอย่างมากด้วย จึงอดที่จะหวาดกลัวเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างไม่ได้
“ฉันแค่มาดู คนที่มารนหาที่ตาย” เจ้าของแววตาประกายอมยิ้มเอ่ยอย่างอารมณ์ดี ทั้งยังช่วยเอาผ้าที่ปิดปากไว้ออกให้ด้วย
“รู้ว่าฉันมารนหาที่ตายก็รีบๆ ฆ่าฉันซะสิ” ดักแด้ปากร้ายเอ่ยอย่างเหลืออด พลางคิดอย่างโมโห จะทำอะไรก็ไม่ทำสักทีนั่นนี่ ลีลาอยู่ได้
“แล้วทำไมฉันต้องฆ่านายด้วย” คนมาดูถามต่ออย่างนึกสนุก พลางจดจ้องดักแด้ปากร้ายด้วยอาการขำขัน
“นายมันพวกมาเฟียจอมโหดไม่ใช่หรือไง ใครมาก่อเรื่องที่นี่คือตายสถานเดียวไม่ใช่เหรอ ก็รีบๆ ฆ่าฉันเสียทีสิ!” คนถูกถามร้องตะโกนออกมาอย่างหมดความอดทนแล้วจริงๆ
“ฮ่าๆ ๆ นายไปได้ยินข่าวลือนี่มาจากไหน” มาเฟียโหดหัวเราะเสียงดัง ทั้งยังถามอย่างเห็นเป็นเรื่องตลก
“ไม่ใช่หรือไง?” คนมารนหาที่ตายถามเสียงอ่อย สีหน้าเริ่มไม่แน่ใจกับข่าวลือที่ได้ยินมาแล้ว
“ไม่ใช่!” เกาเจี้ยนหานตอบเสียงดังฟังชัด ทั้งยังข่มกลั้นตัวเองไม่ให้หัวเราะขำขันออกมาด้วย พลางคิด ไอ้เด็กซื่อบื้อเอ้ย!แค่ข่าวลือก็เชื่อเป็นตุเป็นตะไปได้
“ถ้าไม่ใช่ก็ปล่อยฉันไปสิ โว้ยยย!” ดักแด้ตะโกนสุดเสียง พร้อมกับดิ้นขลุกขลักอย่างต้องการจากไปด้วย
“ปล่อยนาย? ฉันคงทำไม่ได้ นายมาก่อเรื่องที่ร้านฉัน ก็ต้องชดใช้ให้ฉันสิ! ” เจ้าของร้านเอ่ยด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่ได้ล้อเล่นแล้ว
“ชดใช้ยังไง?” ดักแด้ถามเสียงแผ่วด้วยความหวาดหวั่น ทั้งคิดว่า คงไม่ได้ให้ชดใช้ด้วยร่างกายหรอกนะ
“ชดใช้อย่างที่นายกำลังคิดนั่นแหละ” คนถูกถามเอ่ยอย่างที่อีกคนกำลังคิด แล้วก็เห็นว่าคนตรงหน้าอึ้งตะลึงไปทันที
เห็นท่าทางนี้ของดักแด้ปากร้าย เกาเจี้ยนหานก็รู้สึกว่าช่างน่าแกล้งจริงๆจึงเริ่มแกะเนคไทของตัวเองออกอย่างเชื่องช้า แล้วตามด้วยถอดเสื้อผ้าบนตัวออกอย่างอ้อยอิ่ง อย่างต้องการแกล้งคนตรงหน้า
“อ๊ากกกก ไอ้บ้า! ไอ้ทุเรศ! เชี่ย! แม่ง! ไอ้ๆ ๆ” ดักแด้ปากร้ายที่หายจากอาการตกตะลึงแล้ว ก็เห็นว่าอีกฝ่ายยืนถอดเสื้อผ้าอยู่ตรงหน้าอย่างหน้าไม่อาย จึงดิ้นแรงๆ อย่างต้องการจะขยับหนี ทั้งตะโกนด่าไปด้วย แต่ด่าไปได้ไม่เท่าไหร่ก็นึกคำด่าไม่ออกแล้ว เพราะเกาเจี้ยนหานถอดเสื้อผ้าออกจนหมด ทั้งยังยืนจังก้า ทำท่าสบัดโชว์หนอนตัวยักษ์อย่างอารมณ์ดีอยู่ จึงรีบหลับตาลงเพื่อหลบหลีกภาพโป๊เปลือย
“ฮ่าๆ ๆ” คนหน้าไม่อายหัวเราะเสียงดังออกมาด้วยความชอบใจ ไม่ได้สะทกสะท้านไปกับคำด่าเลยสักนิด แต่กลับรู้สึกตลกขบขันเสียมากกว่า ที่อีกฝ่ายทำปากดี ทว่าเอาเข้าจริงกลับเป็นพวกไม่ได้เรื่อง จึงเอ่ยปลอบใจ “เอาน่า ฉันไม่ทำรุนแรงกับนายหรอก เห็นแก่ที่นายยังบริสุทธิ์อยู่ และเห็นแก่ที่มีคนขอร้องด้วย”
ได้ยินว่ามีคนขอร้อง เฉินซินก็ลืมตาขึ้นมาอย่างฉับพลัน ก่อนจะรีบหลับตาลงไปใหม่อีกครั้ง เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามตรงหน้า “ตาแก่นั่น..”
จะว่าเป็นสายก็ไม่ใช่ จะว่ามาเกลี้ยกล่อมก็ไม่ถูกอีกจึงไม่รู้ว่าจะใช้คำใดมาสอบถามถึงชายสูงวัยคนนั้น
“เขาเป็นหนี้ฉันเพราะลูกสาวป่วยจริงๆ” เจ้าของหนอนยักษ์บอกไปตามตรง
ได้ยินอย่างนี้เฉินซินจึงไม่พูดอะไรอีก
จะให้พูดอะไรได้ รับปากคนไปแล้ว ทั้งตาแก่นั้นก็ไม่ได้โกหกด้วย เป็นเนื้อที่อยู่บนเขียงแล้ว มีแต่ต้องทำตามอย่างว่าง่ายเท่านั้นเอง
คิดอย่างเข้าใจสถานการณ์ ก่อนจะถามเสียงเบาออกมา ทั้งที่ยังหลับตาอยู่ “นายจะฆ่าตาแก่นั่นหรือเปล่า”
“ก็ต้องดูว่า จะมีคนว่าง่ายหรือเปล่า” คนถูกถามยอกย้อน เมื่อพูดจบ ก็เดินเข้าห้องน้ำไป ทิ้งให้ดักแด้ในรังไหมนอนหลับตาอยู่อย่างนั้นตามเดิม
ทำไมเรื่องราวมันถึงเป็นอย่างนี้ไปได้นะ อยากตายแต่ไม่ได้ตาย ซ้ำร้ายยังต้องเอาตัวมาชดใช้ความเสียหายที่ตัวเองก่อเพราะความคิดชั่ววูบนี่อีก สวรรค์ช่างเล่นตลกกันเกินไปแล้ว
ดักแด้อาภัพคิดกับตัวเองในใจ อย่างอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาให้ไหล
ขณะที่กำลังคิดตัดพ้อสวรรค์อยู่นั้น ก็ได้ยืนเสียงเอ่ยถามดังขึ้นมา จึงลืมตาขึ้นมอง ก็เห็นว่าคนที่เดินเข้าห้องน้ำไป ได้เดินเปลือยแผ่นอกกำยำออกมาแล้ว
“คิดหนักขนาดนั้นเลยเหรอ” เกาเจี้ยนหานที่พันท่อนล่างอย่างหมิ่นเหม่ เดินออกจากห้องน้ำมาเห็นสีหน้าท่าทางคิดหนัก ทั้งอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาให้ไหลนั่น ของดักแด้ตัวน้อย ก็อดที่จะเอ่ยแซวไม่ได้
เขาเกาเจี้ยนหานจะขึ้นเตียงกับใคร ก็ไม่เคยเห็นใครคิดหนักขนาดนี้มาก่อนเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะหญิงหรือชายแค่กระดิกนิ้วเรียก คนพวกนั้นก็พร้อมกระโจนขึ้นเตียงเขาทันทีอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิดด้วยซ้ำ ดังนั้นเมื่อเห็นสีหน้าคิดหนักของอีกฝ่าย จึงรู้สึกชอบใจเป็นพิเศษ ทั้งยังรู้สึกถูกชะตาในความบ้าบิ่นและซื่อบื้อกับคนคนนี้จริงๆ
“ใช่นะสิ! ” ดักแด้ตัวน้อยบอกอย่างเหลืออด ทั้งเหลือบตามองด้วยความขัดเคืองใจ
ครั้งแรกของเขาเชียวนะ แม้ที่ผ่านมาจะเกเร แต่เขาก็ไม่เคยทำเรื่องอย่างว่าแบบนี้เลยสักครั้งเดียว
“เอาน่า ถือเสียว่าเป็นประสบการณ์ชีวิต” คนแซวปลอบใจยิ้มๆ ทั้งยังเดินมานั่งลงที่เตียงข้างๆดักแด้ตัวน้อยด้วย ก่อนจะกระตุกปมโบให้คลายออก
“ประสบการณ์บ้านแกสิ!” ดักแด้ปากร้ายด่าไปทีอย่างไม่ยอมรับคำปลอบใจ ทั้งคิดเถียงในใจ ประสบการณ์แบบนี้ใครจะอยากได้
เมื่อรู้สึกถึงผ้าที่ห่อตัวอยู่คลายออก เฉินซินก็รีบกลิ้งหนีไปยังอีกฝั่งของเตียงทันที แต่เพราะปลายผ้าอีกด้านถูกดึงไว้ เมื่อกลิ้งตัวออกมาจึงเท่ากับว่าเขากำลังเปิดเปลือยร่างกายตัวเองต่อหน้าอีกฝ่าย
“อ๊ากกก! นายอย่ามองนะ! ห้ามมอง! นายปล่อยฉันไปเถอะนะ” ดักแด้ลอกคราบเอ่ยเสียงอ่อนอ้อนวอน ทั้งพยายามปกปิดตัวตนไปด้วย
เมื่อเห็นคนต่อต้านขึ้นมา เกาเจี้ยนหานก็หน้านิ่วคิ้วขมวดไม่พอใจขึ้นมา จึงเอ่ยไล่เสียงเย็น “ถ้านายไม่เต็มใจ ก็ออกไป!”
ได้ยินคำไล่ คนไม่เต็มใจก็รีบเดินไปที่ประตูทันที ทั้งที่ยังเปลือยเปล่าอยู่ ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ แต่ก็ไม่ลืมลากผ้าที่จะใช้ห่อร่างมาด้วย
ทว่า พอมือแตะไปที่ลูกบิดประตูเท่านั้น คนไล่ก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงราบเรียบเฉกเช่นคนใจดี
“ไปทำงานรับแขกที่ชั้นใต้ดินก็แล้วกัน”
เพียงได้ยินคำสั่งนี้ หัวใจคนฟังก็พลันหล่นลงไปกองอยู่ที่พื้น ในหัวก็เกิดภาพโหดร้ายอย่างที่ในหนังในละครทำขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ ทำให้มือที่แตะลูกบิดอยู่ ตกลงไปข้างตัวอย่างหมดแรง จึงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันกลับมากระโดดขึ้นเตียง นอนแผ่หลาอย่างกล้าหาญ พร้อมเอ่ยอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “จะทำอะไรก็รีบทำ”
เห็นท่าทางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันของคนกระโดดขึ้นเตียง เกาเจี้ยนหานก็อดอยากกวนประสาทคนไม่ได้ จึงแกล้งเอ่ยออกมา “ใครบอกว่าฉันจะเป็นคนทำ”
“แกไม่ทำแล้วใครจะทำ? ฉันทำไม่เป็นโว้ยยยย!” คนถูกแกล้ง ตะโกนออกมาสุดเสียงอย่างหมดความอดทนแล้วจริงๆ ทั้งอยากจะร้องไห้ออกมาด้วย
ให้ทำกับผู้หญิงยังพอรู้ว่าต้องทำยังไง แต่ให้ทำกับผู้ชายแบบนี้ เขาที่ไม่เคยรู้เคยเห็นมาก่อน แล้วเขาจะทำเป็นได้อย่างไร
“อ้อ งั้นก็ทำตามที่ฉันสั่งก็แล้วกัน” เกาเจี้ยนหานเอ่ยอย่างอารมณ์ดี หลังจากที่ได้แกล้งคนไปแล้ว ก่อนจะสั่ง “ลุกขึ้นมา แล้วจูบฉัน!”
