2 เมื่อผมรนหาที่ตาย
หลังจากที่ถูกนำตัวออกมา จากห้องทำงานบนชั้นสามแล้ว วัยรุ่นขี้เมาก็ถูกนำตัวลงมายังชั้นใต้ดิน ระหว่างที่ถูกควบคุมตัวมา ก็ยังร้องโวยวายเสียงดัง ทั้งๆ ที่มีเศษผ้ายัดปากอยู่
“อ๊วกแอ อีบๆ อ้าอันอีอัว เอียเออา” (พวกแก รีบๆ ฆ่าฉันดีกว่า เสียเวลา)
“หุบปาก! อีกไม่นานก็ได้ตายสมใจหรอก” คนที่ควบคุมตัวอยู่ตะคอกใส่ด้วยความโมโห ทั้งคิดอยากจะอัดคนให้น่วมจริงๆ แต่ก็ไม่ได้ทำ เพราะไม่มีคำสั่งให้ลงมือ
ได้ยินอย่างนั้น วัยรุ่นขี้เมาจึงหุบปากลง อย่างไรก็จะสมปรารถนาแล้ว จึงเลิกโวยวายและเดินไปข้างหน้าตามแต่ที่ผู้ควบคุมตัวจะพาไปแต่โดยดี
จนกระทั่งมาถึงห้องห้องหนึ่ง ผู้คุมก็ผลักตัววัยรุ่นคนนี้เข้าไป และปิดประตูลงกลอนจากด้านนอกเอาไว้ แล้วหนีหายไป
“เวรเอ้ย! ให้เดินเข้ามาดีๆ ก็ไม่ได้” วัยรุ่นด่าอย่างหัวเสีย เมื่อถูกผลักเข้ามาในห้อง พร้อมหยิบผ้าที่ยัดปากออกด้วย
ดีที่ไม่ได้ถูกมัดมือไพล่หลังด้วย ไม่อย่างนั้นได้ล้มกระแทกพื้นเจ็บแน่เลย
คนถูกผลักคิดอย่างกลัวเจ็บ ทั้งลูบข้อมือที่ถูกจับไพล่หลังไว้ป้อยๆ ด้วยความเจ็บชา แต่เมื่อนึกได้ว่าตัวเองมาทำอะไรที่นี่ ก็สูดหายใจเข้าแรงๆ แล้วกลับมามุ่งมั่นในสิ่งที่ได้ตั้งใจไว้ในคราแรกเริ่ม ตั้งแต่ก่อนจะมาก่อเรื่องที่นี่ พลางมองไปรอบๆ ห้องที่ใช้ขังตัวเองไว้อย่างสำรวจด้วย
ผนังดำเขรอะทั้งสี่ด้าน โต๊ะกับเก้าอี้อย่างละตัวนอกนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว
ที่นี่คงจะเป็นสถานที่สุดท้าย ที่เราจะได้เห็นแล้วล่ะมั้ง
คนสำรวจคิดในใจ ทั้งนึกถึงเรื่องราวของตัวเองไปด้วยอย่างเศร้าสร้อย
ตัวเขามีชื่อว่า เฉินซิน ที่แปลว่า รุ่งเช้าของวันใหม่ แต่ตอนนี้ เขาคงจะไม่มีเช้าวันใหม่ให้เห็นแล้วล่ะมั้ง เพราะเขาทะเลาะกับที่บ้านใหญ่โต ด้วยเรื่องการเรียนที่แสนห่วยแตกและพฤติกรรมที่แสนย่ำแย่ เมื่อเทียบกับพี่ชายที่ทำอะไรก็ยอดเยี่ยมเป็นที่สุด
บ้านของเขามีฐานะปานกลาง พ่อแม่รับราชการเป็นครูทั้งคู่ มีพี่ชายหนึ่งคนชื่อว่าซี ซีที่มาจาก 希望 (xi wang ซีหวาง) คือความหวัง พี่ชายคือความหวังของตระกูล เฉิน
พวกเขาสองพี่น้อง แม้จะเกิดจากพ่อแม่เดียวกัน แต่ก็ถูกปฏิบัติต่างกันราวฟ้ากับเหว แรกๆ เขาก็คิดว่า เพราะความไม่เอาไหนของเขาเองล่ะมั้ง ถึงได้ถูกพ่อกับแม่บ่นว่าให้อยู่ทุกวัน แต่เมื่อเขาพยายามปรับปรุง และทำตามที่พ่อกับแม่สั่งสอนแล้ว ทุกอย่างก็ยังเป็นเช่นเดิม แม้ว่าจะเรียนได้ดีขึ้น เชื่อฟังมากขึ้น แต่พ่อกับแม่ก็ยังไม่พอใจ ยังเห็นเขาเป็นคนห่วยที่ไม่ได้เรื่องอยู่เหมือนเดิม จนเขา...เลิกพยายามแล้ว
ยิ่งกว่านั้น เขายังทำตัวต่อต้านและเลิกสนใจครอบครัวไป แต่นั่น ก็ยิ่งทำให้เรื่องทุกอย่างเลวร้ายลงไปจนกู่ไม่กลับ
วันนี้คือวันที่เขานำผลการเรียนปีสุดท้ายไปให้ที่บ้านดูตามคำสั่ง พร้อมๆ กับหมายเรียกจากสถานีตำรวจส่งมาถึงบ้าน ด้วยเรื่องทะเลาะวิวาท เรื่องราวในครั้งนี้จึงใหญ่โตกว่าทุกครั้ง พ่อของเขาทั้งดุด่าและทุบตี เพียงแต่ครั้งนี้สิ่งที่หลุดออกมาจากปากผู้เป็นพ่อคือ ฉันไม่น่าให้แกเกิดมา
“พ่อไม่อยากมีผมเป็นลูก ทุกคนไม่อยากมีผมเป็นจุดดำของครอบครัว ผมรู้ดี ลาก่อน”
เขาพูดออกมาในที่สุด แล้วก็ออกจากบ้านหลังนั้นมา แต่เขาไม่มีที่ไป เขาไม่อยากอยู่แล้ว แต่จะให้ทำร้ายตัวเอง เขาก็ทำไม่ลง เพราะเขากลัวความเจ็บปวด ถ้ามีใครเอาปืนมายิงเขาทิ้งตอนนี้ เขาคงจะขอบคุณคนคนนั้นอย่างซาบซึ้ง
เมื่อนึกได้อย่างนี้ เขาจึงตรงดิ่งมาที่ M club คลับที่ขึ้นชื่อว่ามีมาเฟียโหดคอยดูแลร้านอยู่ ใครกล้ามาก่อเรื่องที่นี่ จุดจบคือ ตายสถานเดียว!
ด้วยความที่มีข่าวลือว่า มีมาเฟียโหดคอยดูแล คลับใหญ่ขนาดห้าคูหาแห่งนี้ จึงไม่เข้มงวดมากนัก ขอแค่มีเงิน ใครก็เข้ามาใช้บริการได้ แต่ส่วนที่เป็น VIP จริงๆ ต้องเป็นสมาชิกของทางร้านเสียก่อน จึงจะเข้าใช้บริการได้ และราคาสำหรับสมาชิกก็แพงลิบลิ่ว จึงเท่ากับเป็นการคัดกรองกลุ่มลูกค้าของทางร้านไปอีกขั้น
ภายในร้านมีคนเยอะแยะ เขามานั่งกินนั่งดื่มจนเมา แล้วเขาก็เริ่มก่อกวน แรกเริ่มก็ลวนลามหญิงสาว จนชักนำเข้าสู่การทะเลาะวิวาท แต่เหตุการณ์กลับผิดไปจากที่คาดคิดไว้ คือเขาไม่โดนยิงตายในตอนนั้น แต่ถูกจับและนำตัวมาขังรอความตายอยู่ที่นี่
ไม่รู้ว่าพวกนั้นจะมาจัดการเขาเมื่อไหร่ จะทำอะไรเขาก็ได้ทั้งนั้น ขออย่างเดียวแค่อย่าทรมานเขาก็พอ เพราะที่ผ่านมาเขาเจ็บปวดมามากพอแล้ว...เฉินซินภาวนาในใจ
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ก็มีคนเปิดประตูเดินเข้าห้องมา
“จับตัวมันไว้” มือขวาสั่งลูกน้องที่มาด้วยกันสามสี่คนให้จับตัวขี้เมาไว้อย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง
เมื่อลูกน้องจับตัวขึ้เมาไว้แน่นหนาดีแล้ว มือขวาก็เอาเข็มมาจิ้มที่แขนและดูดเอาเลือดของคนที่ถูกขังไป
“อ๊ากกก!พวกแกทำบ้าอะไร จะฆ่าจะแกงก็รีบๆ ทำสิโว้ย! จะมาเอาเลือดฉันไปทำไม” เฉินซินร้องด่าด้วยความโมโหทั้งเกร็งตัวและตาปิดแน่นอย่างคนกลัวเข็ม
“ไอ้นี่! วอนซะ ไม่ต้องใจร้อนหรอก อยู่ที่นี่ได้ตายสมใจแน่” มือขวาตะคอก จบคำ ก็พากลุ่มคนออกไป แต่ก่อนจากไป ก็ได้ยัดตาแก่ที่เจอกันอยู่บนชั้นสาม เข้ามาในห้องด้วย
“มาเฟียจอมโหดบ้าอะไรว่ะ แม่ง! ลีลาฉิบหาย” คนเมาบ่น ทั้งลูบแขนตรงที่ถูกเข็มจิ้มอย่างเจ็บจี๊ด น้ำตาคลอหน่วย
ยิ่งเวลาผ่านไป ความคิดที่เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ ก็เริ่มจะหดหาย จนกลายเป็นความหงุดหงิดเข้ามาแทนที่แล้ว
“นี่ พ่อหนุ่ม ฉันได้ยินที่เจ้าพูดมา มีแต่บอกให้คนรีบมาฆ่ามาแกงตัวเอง เจ้าอยากตายขนาดนั้นเลยหรือ?” ชายสูงวัยที่ยืนอยู่หน้าประตูเอ่ยถาม
“เกี่ยวอะไรกับแกด้วย ตาแก่!” เฉินซินถลึงตาใส่ชายสูงวัยด้วยความขุ่นเคือง
“ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันหรอก...” แต่พวกนั้นให้ฉันมาเกลี้ยกล่อมเจ้านี่สิ คนถูกเรียกตาแก่เอ่ยต่อในใจ ก่อนจะพูดออกมาอีกครั้ง หลังจากสำรวจชายวัยรุ่นตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว “ฉันอายุขนาดนี้แล้ว ยังไม่อยากตายเลย แต่เจ้าเพิ่งจะอายุแค่นี้เอง อยากตายซะแล้ว อกหักหรือ?”
“ไม่ใช่” ตอบเสียงห้วนด้วยความหงุดหงิด
“งั้นก็คงจะเกี่ยวกับครอบครัว” ชายสูงวัยคาดเดา และก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา ดังนั้นชายแก่จึงพูดออกมาอีกครั้ง “ถ้าเรื่องเกี่ยวกับครอบครัว ที่ไหนก็มีกันทั้งนั้น แทนที่จะคิดอยากตาย ไม่สู้ อยู่พิสูจน์ให้พวกเขาดู ไม่ดีกว่าหรือ”
“พิสูจน์เหรอ? พิสูจน์ให้ได้อะไร! ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ว่าฉันจะพยายามแค่ไหน พวกเขาก็ยังไม่พอใจอยู่ดี เพราะพวกเขามีลูกชายคนโตที่เก่งไปซะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องเรียนหรือเรื่องไหนๆ แล้วฉันจะไปเทียบอะไรกับเขาได้ พูดไปตาแก่อย่างแกก็ไม่เข้าใจหรอก” เฉินซินประชดออกมาเสียงดังด้วยความอัดอั้น เมื่อได้ยินชายสูงวัยบอกให้พิสูจน์ตัวเอง
“พี่ชายเจ้านี่มันคนหรือเทพกัน?” ตาแก่เอ่ยถามอย่างทึ่งๆทั้งนึกอย่างไม่อยากจะเชื่อ อะไรจะเก่งไปซะทุกอย่างขนาดนั้น บนโลกนี้จะมีคนที่เก่งอย่างนั้นจริงๆ หรือ
“ผี” วัยรุ่นประชดประชัน เมื่อนึกถึงพี่ชายของตัวเอง
“ฮ่าๆ เจ้านี่นะ ฉันชื่ออู๋ฉือ เจ้าจะเรียกฉันว่าลุงอู๋ก็ได้ ” ชายสูงวัยหัวเราะชอบใจ หลังได้ยินคำตอบ ทั้งยังบอกชื่อตัวเองแก่อีกฝ่ายด้วยอย่างนึกเอ็นดูคนตรงหน้า แล้วถามออกมาอีก “งั้น ทำไมเจ้าไม่ลองใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการล่ะ ยังไงพวกเขาก็ไม่สนใจเจ้าอยู่แล้ว ออกมาสร้างครอบครัวใหม่ ที่เป็นของตัวเจ้าเองไม่ดีกว่าหรือ ดีกว่าอยากจะตาย อย่างไรชีวิตคนมันก็สั้นอยู่แล้ว จะรีบตายไปทำไม”
“เอาอะไรมาสร้าง แฟนสักคนยังเคยไม่มีเลย” เอ่ยเสียงห้วนประชดประชัน
“ก็หาเอาสิว่ะ! เรื่องอย่างนี้ต้องให้บอกอีก อย่าบอกนะว่าที่ผ่านมาเจ้ายังไม่เคยมีแฟนเลยสักคน?” ตาแก่อู๋เสียงดัง ทั้งขมวดคิ้วมองคนไม่เคยมีแฟนอย่างไม่เชื่อถือ
“อืม” เฉินซินตอบรับในลำคอเสียงเบา ทั้งคิดว่าจะให้เขาหาแฟนมาจากไหน คนที่เข้ามาพูดคุยด้วยก็เพราะเห็นเขาเป็นสะพานที่จะข้ามไปหาพี่ชายทั้งนั้น ดังนั้นเขาจึงเลิกสนใจเรื่องนี้ไปโดยปริยาย
“ไม่น่าเชื่อ เจ้าโกหกหรือเปล่าเนี่ย หน้าตาเจ้าก็ไม่ถือว่าขี้เหร่ ออกจะมีเสน่ห์ด้วยซ้ำ เอาเถอะ ถ้ามีชีวิตรอดไปได้อย่างไรก็ไม่ต้องกลัวว่าจะหาแฟนไม่ได้ อายุยังน้อยอยู่ เจ้าอายุเท่าไหร่แล้วล่ะ?” ตาแก่อู๋ถามต่ออย่างต้องการเก็บข้อมูล
“ยี่สิบสอง”
“อ้อ เจ้ายังไม่ได้บอกชื่อเจ้าเลย?”
“เฉินซิน”
“เฉินตัวไหน?”
“รุ่งเช้าของวันใหม่”
“อืม...รุ่งเช้าของวันใหม่ ชื่อมีความหมาย แต่คนกลับไม่อยากอยู่ให้ถึงเสียอย่างนั้น” ตาแก่อู๋เอ่ย ทั้งถอนหายใจ ส่ายหน้าให้ด้วยความเสียดาย
“ว่าแต่แกเถอะ ตาแก่! ทำไมถึงถูกจับมา?” วัยรุ่นถามกลับ ด้วยคิดว่า ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว จึงหาเรื่องมาชวนคุยบ้าง
“ฉันติดหนี้พวกนี้ไว้แสนหนึ่ง” ตาแก่บอกอย่างเศร้าหมอง
“แสน หนึ่ง!” เฉินซินร้องเสียงดังด้วยความตกใจ พลางสำรวจอีกฝ่าย ตั้งแต่หัวจรดเท้าไปด้วยอย่างนิสัยเสีย แล้วอดว่าให้ในใจไม่ได้ ดูจากสภาพให้ยืมพันหนึ่ง คนยังไม่มีปัญญาหามาจ่ายเลยมั้ง
“อืม ลูกสาวฉันป่วยหนัก ฉันจึงต้องมายืมเงินกับคนพวกนี้” ชายแก่เอ่ยด้วยแววตาหม่นเศร้าลงยิ่งกว่าเดิม ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าเฉินซิน แล้วขอร้องเสียงสั่น “พ่อหนุ่ม ไหนๆ เจ้าก็อยากจะตายอยู่แล้ว ก่อนตาย ช่วยทำบุญให้ฉันสักครั้งจะได้ไหม”
จู่ๆ ก็ถูกขอร้อง ทั้งคนยังคุกเข่าลงตรงหน้าอีกด้วย วัยรุ่นขี้เมาจึงตกใจ จนทำอะไรไม่ถูก
“ตาแก่ แก แก แก จะทำอะไรน่ะลุกขึ้นเดี๋ยวนี้นะ!” ทั้งสั่ง ทั้งกระโดดหลบออกจากตรงหน้าชายแก่ไปด้วยอย่างกลัวว่าตัวเองจะอายุสั้น
“ลูกสาวฉันมีฉันแค่คนเดียว เธอถูกคนใจร้ายนำมาทิ้ง เจ้าคิดจะตายอยู่แล้ว ก็ช่วยทำบุญด้วยเถอะ คิดเสียว่าสร้างกุศลใหญ่ก่อนตาย” ชายแก่พูดออกมาเป็นชุดรัวๆพร้อมหันตามชายหนุ่มไป แล้วคำนับเอาหัวโขกพื้นเสียงดังอย่างขอร้องด้วย
ได้ยินว่าคำว่าจะตาย คนถูกขอร้องถึงนึกขึ้นมาได้ ว่าตัวเองมาทำอะไรที่นี่ จึงเอ่ยออกมาด้วยความจนใจ “ฉันจะตายอยู่แล้วนะ จะช่วยใครได้ ถ้าต้องการอวัยวะของฉันก็ไปขอจากพวกนั้นเถอะ”
“ช่วยได้ ช่วยได้แน่นอน แค่เจ้าทำตามที่พวกนั้นบอกแล้วลูกสาวฉันก็จะรอด” ชายแก่รีบบอกอย่างมีความหวังขึ้นมาแล้ว หลังเห็นท่าทีโอนอ่อนของวัยรุ่นตรงหน้า
“พวกเขาจะทรมานฉันหรือเปล่า” ถามเสียงเบาด้วยความหวาดกลัว เนื่องจากคิดว่า ถ้าทำกุศลครั้งใหญ่ก่อนตายได้ ก็ทำไปเถอะ
“ไม่! ไม่ทรมานแน่นอน ฉันรับรอง” ตาแก่ละล่ำละลักตอบกลับรวดเร็ว แววตาเป็นประกายอย่างมีความหวังแล้วจริงๆ
“งั้นก็…” คิดตัดสินใจอยู่ครู่ใหญ่
“ตกลง” เฉินซินยอมตกลง ก่อนจะย้ำในส่วนสำคัญ “อย่าให้พวกนั้นทรมานฉันนะ ฉันกลัวเจ็บ”
พูดจบ ก็นิ่งเงียบไป ทั้งภาวนาในใจ หวังว่าการทำบุญในครั้งนี้จะช่วยให้เขาไม่ต้องไปนรกนะ
“ขอบคุณ ขอบคุณมากพ่อหนุ่ม ขอบคุณเจ้าจริงๆ” ชายสูงวัยเอ่ย ทั้งก้มหัวจรดพื้น คำนับรัวๆ ด้วยความดีใจ ก่อนจะรีบร้อนลุกขึ้น วิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เฉินซิน มองตามไปด้วยความงุนงง
“ไม่ใช่ว่าต้องรอให้พวกนั้นมาตามหรอกเหรอ”
