เป็นคำถามที่ดี
ติงเจี้ยนหาวได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจเบา ๆ พลางโค้งคำนับ “ขอบพระคุณท่านกั๋วกงยิ่งนัก ข้าเองก็มิทราบจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดี ช่วงนี้ฮูหยินของข้าน้อยกำลังอยากซื้อร้านเพิ่มแต่ร้านที่นางอยากได้ดันมีปัญหาเสียได้ หากท่านกั๋วกงไม่ลำบากมากเกินไปข้อน้อยไม่เกรงใจ ขอรบกวนท่านด้วยนะขอรับ”
“เป็นพระคุณอย่างสูงขอรับ ทว่าหากข้าน้อยถามบางเรื่องจะเป็นการล่วงเกินหรือไม่”
“เชิญเถิด ข้าเข้าใจ”
“เอ่อ ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดท่านหยางกั๋วกงจึงยื่นมือมาช่วยเรื่องเล็กน้อยนี้ของตระกูลติงเล่าขอรับ ท่านต้องการสิ่งใดหรือไม่”
“เป็นคำถามที่ดี”
“...”
"ข้าเติบโตมากับคำสอนของมารดาที่มักพร่ำสอนให้ข้ากระทำสิ่งที่ดีต่อแผ่นดินจนทำให้ข้าหลงลืมสร้างครอบครัวของตนเองจนอายุยามนี้ก็ล่วงเลยมาหลายปีแล้วยังขาดสตรีคู่คิดข้างกาย” เขาเอ่ยพลางหันสายตามองติงลี่เหมยด้วยแววตาที่บ่งบอกถึงความสนใจบางอย่าง นัยน์ตาของติงลี่เหมยฉายแววแห่งความปีติยินดี “ข้าเองนึกชื่นชมท่านติงผู้เป็นขุนนางซื่อตรง จึงอยากขอคำชี้แนะจากท่านหลาย ๆ เรื่องไม่รู้ว่าจะเป็นการรบกวนหรือไม่"
“ไม่เลยเจ้าค่ะ ใช่หรือไม่เจ้าคะท่านพี่”
“เอ่อ...ขอรับ ไม่เลย หากข้าน้อยแนะนำสิ่งใดได้ยินดีอย่างยิ่ง”
“เหมยเอ๋อร์เจ้ารินชาให้ท่านกั๋วกงเพิ่มสิ”
“เจ้าค่ะท่านแม่”
ความไม่ไว้วางใจในสีหน้าของติงเจี้ยนหาวเริ่มจางหายไปเหลือเพียงความโล่งอกและสำนึกขอบคุณ เมื่อการสนทนาดำเนินมาถึงจุดนี้ ติงลี่เหมยมองหยางเจี้ยนหมิงด้วยความชื่นชม นางประทับใจในความเฉลียวฉลาดและความใจกว้างของเขายิ่งขึ้นไปอีกและแอบหวังว่าโอกาสพบกันคราแรกนี้อาจนำมาซึ่งความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในอนาคต
เพียงแค่คิดถึงตำแหน่งฮูหยินกั๋วกงที่นางไม่เคยอาจเอื้อมแม้เพียงจะกล้าคิด หัวใจดวงน้อยในอกข้างซ้ายของหญิงสาวก็เต้นรุนแรงเสียแล้ว
หลังจากคุยกันมาได้สักระยะหนึ่งหยางเจี้ยนหมิงก็เริ่มกวาดสายตามองไปยังติงเจี้ยนหาวและสมาชิกคนอื่น ๆ ในตระกูลติง เห็นท่าทางของพวกเขาที่เต็มไปด้วยความดีใจจึงยิ้มมุมปากพอใจ ทว่ากลับเพิ่งพบว่าในห้องโถงนี้มีจำนวนสมาชิกไม่ครบ
สองคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างนึกไม่พอใจเล็กน้อย
นี่เขาอุตส่าห์มาหาถึงที่จวนยังไม่ยกกันมาต้อนรับเขาทั้งจวนอีกหรือคนพวกนี้
หลังจากเก็บความไม่พอใจซุกเอาไว้ในอกเรียบร้อยแล้วจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความใคร่รู้
“ข้าได้ยินมาว่าท่านแม่ทัพมีบุตรีถึงสองคน แต่ดูเหมือนจะได้พบเพียงคนเดียว อีกคนเล่าอยู่ที่ใดหรือ”
คำถามนั้นทำให้สีหน้าของทุกคนในห้องเคร่งเครียดชั่วขณะ ติงเจี้ยนหาวและฉู่ฮูหยินสบตากันอย่างลังเล พลางถอนหายใจเบา ๆ ราวกับไม่อยากขัดบรรยากาศอันดี ทว่าก็ปฏิเสธไม่ได้ จึงสั่งให้บ่าวไปตามตัวบุตรีคนโตออกมาต้อนรับหยางเจี้ยนหมิง โดยไม่ลืมทิ้งทายแอบบ่นเบา ๆ
"บุตรีคนโตคนนี้ของข้าน้อย ขาดซึ่งความเพียบพร้อมของสตรีอย่างที่น่าจะเป็น" พลางหันมาชมติงลี่เหมย ผู้ซึ่งยังคงรินชาให้หยางเจี้ยนหมิงอย่างอ่อนโยน “ไม่เหมือนน้องสาวของนาง หากทำสิ่งใดให้ท่านไม่พอใจท่านกั๋วกงโปรดอย่าได้ถือสา”
“...”
"เจ้าไปตามคุณหนูใหญ่มาต้อนรับกับท่านกั๋วกงเสีย"
“ขอรับท่านประมุข”
"เฮ้อ บุตรีคนนี้ของข้าน้อยไม่ได้ความสักนิด" ติงเจี้ยนหาวเอ่ยเบา ๆ อย่างอดไม่ได้ เสียงนั้นเต็มไปด้วยความขมขื่น ราวกับปลงกับนิสัยที่ขัดแย้งกับความหวังของเขาเอง แต่สายตาเขาก็หันกลับไปยังติงลี่เหมย แล้วจึงเอ่ยชมอย่างนุ่มนวลว่า "หากนางเอาแบบอย่างเหมยเอ๋อร์ของข้าน้อย ที่ทั้งสุภาพอ่อนหวาน รู้จักมารยาท ใครเล่าจะไม่อยากได้เป็นคู่ครอง"
หยางเจี้ยนหมิงยิ้มเพียงบาง ๆ ดวงตาคมมองติงลี่เหมยอย่างพิจารณา บุตรีรองแห่งตระกูลติงมีท่าทางอ่อนน้อมและสง่างามจริง แถมนางยังรู้จักวางตัวดี คำพูดคำจาระมัดระวัง แต่ถึงกระนั้นสิ่งเหล่านี้ล้วนน่าเบื่อเนื่องจากคุณหนูทุกคนในเมืองหลวงนั้นล้วนมีท่าทีเช่นนี้กันหมด แววตาของชายหนุ่มแฝงไว้ด้วยความเย็นชาคล้ายซ่อนแผนการบางอย่างไว้ภายใต้ท่าทางสุภาพนั้น
วาจาบ่นทีเล่นทีจริงอีกหลายประโยคไม่นานก็ถูกขัดโดยบ่าวคนเดิมที่ไม่นานก็วิ่งกลับเข้ามาด้วยใบหน้าตื่นตกใจ ร่างกายสั่นเทิ้มเหมือนมีบางสิ่งทำให้หวาดหวั่นอย่างถึงที่สุด ทั้งที่ไร้เงาคุณหนูใหญ่เดินตามหลัง บ่าวคนนั้นรีบคุกเข่าลงกับพื้น กล่าวเสียงสั่นรัว
"ท่านประมุขเจ้าคะ ที่เรือนนอนของคุณหนูใหญ่...เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ! โปรดรีบไปดูเถิด ก่อนที่บางคนจะชีวิตหามะ...ไม่..."
คำพูดของบ่าวที่ขาดหายไปทำให้ทุกคนในห้องโถงต่างตระหนกตกใจ
ติงเจี้ยนหาวลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อนึกถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปเป็นแข็งกระด้างไม่เห็นหัวใครเมื่อตอนเช้า โบกมือให้ทุกคนตามมา พลางสั่งเสียงขรึมว่า "พวกเจ้าจงรีบล่วงหน้าไปยังเรือนเล็กโดยเร็ว ข้าจะดูให้เห็นกับตาว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!"
“ขอรับ”
แม้แต่แขกคนสำคัญอย่างหยางเจี้ยนหมิงก็ยังไม่รอช้า เขาขมวดคิ้วด้วยความสงสัยและก้าวเดินตามพวกเขาไปโดยไม่มีคำถาม รัศมีอันเย็นชาฉายชัดในสายตาขณะที่เขามองตามด้านหลังติงเจี้ยนหาวราวกับจับตามองเหยื่อที่น่าสนใจอย่างเงียบงัน
