บท
ตั้งค่า

สาม เงื่อนไขเพื่อความอยู่รอด

อีกด้านหนึ่งย้อนไปเมื่อครึ่งชั่วยามก่อนหน้าภายในเรือนเล็กท้ายจวนตระกูลติง มีร่างสตรีนางหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวเก่าซอมซ่อ ดวงตาของนางดูเคร่งเครียดและกำลังจมอยู่ในความคิดลึกของตนหลังจากเผชิญหน้ากับสภาพที่อยู่อาศัยปัจจุบันของร่างนี้

ไฉนบทบาทตัวร้ายของนิยายเรื่องนี้จึงได้น่าสมเพศเช่นนี้เล่า!

เรือนหลังนี้เก่ายิ่งกว่าเรือนนอนคนรับใช้เสียอีกกระมัง

ในหนังสือนิยายรักไม่เคยบรรยายถึงเหตุการณ์เบื้องหลังของตัวละครอื่นนอกจากตัวละครพระเอกและนางเอกดังนั้นเจียหลานจึงไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วแต่ละตัวละครมีความเป็นอยู่อย่างไร

เฮ้อ...ช่างเป็นตัวร้ายที่น่าเศร้ายิ่งนัก

หน้าต่างบานเล็กที่มีแสงแดดส่องเพียงเล็กน้อยเผยให้เห็นใบหน้าขาวซีดของหญิงสาวที่แม้จะเป็นถึงบุตรีของตระกูลสูงศักดิ์ หากแต่ชีวิตของนางแทบไม่ต่างอะไรจากบ่าวไพร่ทั่วไป ชายคาเรือนที่นางอยู่นั้นผุพัง มีเพียงสาวใช้ผู้หนึ่งเท่านั้นที่คอยดูแลนาง ด้วยฐานะและสถานะที่คล้ายหญิงไร้ค่า หากเปรียบเทียบนางร้ายร่างนี้ที่ชื่อติงฉินอวี้นั้นนางคงเป็นดั่งเงาที่หลบอยู่ใต้แสงสว่างของน้องสาวคนรองในตระกูล

เอาเถอะ อย่างไรต่อจากนี้ไปเจียหลานจะต้องใช้ชีวิตใหม่ในฐานะของคุณหนูใหญ่ติงฉินอวี้อยู่แล้ว

ไม่มีอีกแล้วนักฆ่าที่ชื่อเจียหลาน

นางคือติงฉินอวี้โดยไร้ซึ้งข้อแม้...

ใบหน้างามกวาดสายตามองรอบเรือนเล็กพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ขณะที่สมองกำลังไล่คิดถึงโชคชะตาที่เล่นตลกกับตัวเอง นางไม่พอใจในชะตากรรมที่พลิกผันมาเป็นตัวร้ายในนิยายจีนโบราณเช่นนี้เนื่องจากรู้ดีว่าหากตนเองยังอยู่ที่นี่เดินตามเนื้อเรื่องเดิมของนิยายคงไม่แคล้วพบจุดจบอันโหดร้ายที่สุดตามที่นิยายลิขิตไว้

ร่างของติงฉินอวี้ขยับเล็กน้อยเมื่อนึกถึงทางหนีไปให้พ้นจากชะตากรรมนี้ หญิงสาวคิดไปไกลถึงการออกท่องยุทธภพ เริ่มต้นชีวิตใหม่เพื่อหลีกหนีจากเส้นทางอันโหดร้ายในเรื่องราวที่นางถูกบังคับให้มีส่วนร่วม หากแต่ในขณะที่คิดนางก็เผลอเคลิ้มหลับไปตมลึกในห้วงนิทราของตน

ในห้วงความฝันอันเวิ้งว้างนั้น ติงฉินอวี้ได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาจากที่ใดที่หนึ่งอันไกลแสนไกล แม้เสียงนั้นจะแผ่วเบาแต่ก็ดังก้องเข้ามาในโสตประสาทรับเสียงของนาง

“เจียหลาน เจ้าปรารถนาชีวิตใหม่และหนีจากชะตากรรมอันโหดร้ายใช่หรือไม่...”

"ใคร ใครกำลังพูดอยู่กับข้า"

“หึ หึ ข้าคือผู้ลิขิตโลกใบนี้เจ้าต้องขอบคุณความผิดพลาดครั้งสุดท้ายในชีวิตก่อนของเจ้า ถึงได้มีชีวิตใหม่ที่โลกแห่งนี้”

เสียงนั้นทุ้มต่ำแต่แฝงไปด้วยความทรงพลัง ราวกับดังมาจากสิ่งที่อยู่เหนือความเป็นจริง นางรู้ได้ทันทีว่าผู้ที่กล่าวนี้คือผู้ลิขิตชะตาชีวิตของนาง และก่อนที่ติงฉินอวี้จะได้เอ่ยคำถามใด เสียงปริศนานั้นก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง

“ในเมื่อเจ้าอยากมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อย่างอิสระ ตามใจตัวเอง ข้าจะมอบโอกาสนั้นให้เจ้า แต่มีเงื่อนไขอยู่เล็กน้อย...แน่นอนว่าไม่เกินกำลังของเข้าแน่นอน”

"เงื่อนไขอะไร!"

ติงฉินอวี้เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ในใจนางไม่ต้องการให้ใครมาออกคำสั่ง นางอยากมีอิสรภาพโดยไม่ต้องมีกรอบใดคุมขัง

เสียงปริศนาแค่นหัวเราะเล็กน้อย

“เงื่อนไขมีเพียงห้าข้อ จำไว้ให้ขึ้นใจ หากผิดข้อใดแม้แต่ข้อเดียว ชีวิตเจ้าในโลกนี้จะจบสิ้นทันที และเจ้าจะไม่มีโอกาสได้เกิดใหม่อีกครั้ง”

“...”

ติงฉินอวี้สูดลมหายใจลึกรอฟังอย่างตั้งใจ เสียงนั้นเอ่ยเงื่อนไขทีละข้อด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ข้อแรก ห้ามสังหารพระเอก

ข้อสอง ห้ามสังหารนางเอก

ข้อสาม ห้ามสังหารตัวร้าย

ข้อสี่ ห้ามหลุดจากบทบาทนางร้าย หน้าที่ของเจ้าคือเป็นตัวอุปสรรคในชีวิตรักของพระเอกและนางเอก ทำให้พวกเขารักกันอย่างแท้จริงเรื่องที่ข้าขีดเขียนไว้จึงจบลงอย่างสมบูรณ์แบบ

และข้อสุดท้ายสำคัญสุด เสียงปริศนาเน้นน้ำเสียงยิ่งขึ้น

ห้ามสังหารผู้เขียน...ซึ่งก็คือข้าเอง ขอให้โชคดีเจียหลาน ไม่สิ...ต่อจากนี้เจ้าคือติงฉินอวี้...”

สิ้นเสียงเผด็จการจากที่อันห่างไกลห้วงความฝันของติงฉินอวี้พลันดับวูบหายไป เจ้าของนามติงฉินอวี้ลืมตาตื่นขึ้นหลังจากเผลอหลับทว่าความรู้สึกหนักอึ้งยังคงติดอยู่ในจิตใจ

ฝันนี้เป็นเรื่องจริงไม่ผิดแน่!

เงื่อนไขเหล่านั้นเป็นดั่งโซ่ตรวนที่ล่ามไม่ให้นางหนีจากหน้าที่และบทบาทนางร้ายของตนได้ แต่ถึงกระนั้นหากเงื่อนไขนี้สามารถนำพานางไปสู่ชีวิตที่อิสระเมื่อนิยายเรื่องนี้จบลงนางก็พร้อมยอมทำตาม

“ข้าจะช่วยให้เรื่องราวดำเนินไปตามที่ลิขิตไว้ หน้าที่เป็นตัวอุปสรรคงั้นหรือ...น่าสนุกไม่น้อยเลย”

ก่อนที่จะวาดฝันไปไกลมากกว่านี้เสียงโหวกเหวกด้านนอกเรือนเล็กก็ดังขึ้น รบกวนบรรยากาศแห่งการจินตนาการของติงฉินอวี้จนหมดสิ้น เกิดความขุ่นเคืองใจขึ้นเล็กน้อยที่ถูกปลุกให้กลับมายังความเป็นจริงเสียงของบ่าวหลายคนดังขึ้นจากนอกเรือน

“คุณหนูใหญ่ อาหารมื้อกลางวันมาส่งเจ้าค่ะ”

เสี่ยวฮวามองเจ้านายสาวที่กำลังแสดงสีหน้ารำคาญใจราวกับรอรับคำสั่งหลังจากมีเสียงตะโกนห้วนดังเข้ามาจากหน้าประตู

“ตอนนี้ยามเท่าไหร่แล้วเสี่ยวฮวา”

“เอ่อ...เวลานี้กลางยามเว่ย แล้วเจ้าค่ะ”

เลยเวลานำส่งมื้อกลางวันมาเกือบครึ่งชั่วยามแล้วนี่นา

สงสัยบ่าวที่จวนนี้ไร้การอบรมสั่งสอนให้ตรงต่อเวลา

“เจ้าไปเปิดประตูให้พวกเขายกอาหารเข้ามา”

“เจ้าค่ะคุณหนู”

ติงฉินอวี้นั่งบนเก้าอี้เก่าในเรือนที่แทบไม่ต่างจากกระท่อมกวาดสายตาสำรับอาหารมื้อกลางวันซึ่งถูกยกมาส่งให้ช้ากว่าเวลาที่ควรจะเป็นเกือบครึ่งชั่วยามโดยมีหัวหน้าสาวใช้ ชุนซิน เดินนำมาพร้อมสาวใช้อีกหลายคนวางอาหารลงบนโต๊ะทีละคนทีละคนแล้วจบด้วยการยืนจังก้าหน้าประตูไม่แม้แต่จะทำความเคารพต่อเจ้านายคนหนึ่งของจวนเช่นนาง

เมื่อสำรับถูกวางลงตรงหน้าสิ่งที่เห็นนั้นทำให้ดวงตาของติงฉินอวี้วาวโรจน์

พวกนี้เรียกว่าเศษอาหารเหมาะกว่าคำว่าอาหารที่ดูไม่ต่างจากของเหลือ บนจานไม้มีแต่ผักเศษที่ผสมด้วยเนื้อเล็กน้อย

ดังนั้นติงฉินอวี้จึงยืดตัวนั่งตรงเปลี่ยนจากท่านั่งเอนนอนอย่างเกียจคร้านเมื่อสักครู่

จู่ ๆ บรรยากาศภายในห้องซ่อมซ่อก็ดูเยือกเย็น วังเวงเสมือนกำลังยืนอยู่ในป่าสถานที่ฝังคนไร้ลมหายใจเป็นร้อยศพ

“นี่หรือคืออาหารของข้า”

“เจ้าค่ะ แฮ่ม...” ชุนซินหัวหน้าสาวใช้วัยกลางคนของจวนตระกูลติงยิ้มเยาะเล็กน้อย ยืดคอเชิดขึ้นอย่างหยิ่งผยองเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ยโสไม่เหมือนกล่าวกับเจ้านายเลยสักนิด “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ อาหารของจวนเรามีจำนวนจำกัดเวลานี้จึงเหลือเท่าที่เห็น วันนี้งานที่ห้องครัวยุ่ง เกรงว่าคุณหนูใหญ่จะหิ้วท้องรอนานจะเสียสุขภาพจึงรีบนำมาให้ท่านโดยเร็วที่สุด...หากพอใจจะรับก็รับเสียเถิดเจ้าค่ะ”

ติงฉินอวี้มองนางนิ่ง รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก ก่อนเอ่ย

“หากอาหารหมดก็ทำใหม่สิ เอาเถอะ ข้ารอได้ ไหน ๆ ก็รอมาจนเลยเวลามากแล้ว ไป...กลับไปสั่งให้แม่ครัวปรุงอาหารมาใหม่”

ชุนซินหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย ไม่คิดว่าติงฉินอวี้จะกล้าต่อปากต่อคำกลับเช่นนี้ทว่าในฐานะที่เป็นมือซ้ายของฮูหยินใหญ่ผู้เป็นนายของจวนนี้ ชุนซินยังคงทำใจเย็น กล่าวข่มอีกครั้ง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel