Ep2 สายตาในอดีต
ประตูบานใหญ่ของคฤหาสน์ถูกเปิดออกด้วยเสียงเบาๆ ฟาเอลเดินนำหน้าเธอเข้าไปก่อน เธอเดินตามหลังเขาอย่างลังเลทั้งๆ ที่ที่นี่ก้เป็นบ้านตนเองด้วยซ้ำ ในบรรยากาศเงียบสงัดของบ้านหลังใหญ่นั้นพอทั้งคู่เดินเข้าไปในห้องโถงหรูหรา ก้พบกับแสงไฟระย้าบนเพดานส่องแสงสีอุ่นอาบใบหน้าของเขาชัดเจน ฟาเอลหยุดเดินช้าๆ หมุนตัวมาหาเธอ ก่อนยกมือขึ้นถอดหน้ากากสีดำขลับออก
ใบหน้าคมคาย สันกรามชัด ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคมกริบ…
จารุวรรณใจเต้นแรง เธอยกมือสั่นๆ ถอดหน้ากากของตัวเองออกเช่นกัน เมื่อดวงตาของเธอประสานกับสายตาของเขา เธอชะงักนิ่งไปทันที ราวกับเวลาหยุดหมุน
“ฟาเอล…” เธอพร่ำชื่อเขาในใจอย่างเงียบงัน
ใช่…เธอจำเขาได้ดี เขาคือชายหนุ่มคนนั้น คนที่เป็นรักแรกของเธอ แม้เธอจะรักเขาเพียงข้างเดียวก็เถอะนะ เธอจำได้ว่าเขาคือนักแม่นปืนดาวรุ่ง ในโรงเรียนกีฬาที่เดียวกันกับเธอเมื่อสิบปีก่อน ตอนนั้น…เธอแค่เด็กสาวที่ฝึกการเต้นรำในห้องข้างๆ สนามยิงปืนเท่านั้นเอง พูดไปแล้วตลกตัวเองชะมัด และเขา…คือผู้ชายที่เงียบขรึมคนนั้น คนที่เธอเคยแอบลอบมองจากที่ไกลๆ
ทั้งคู่สบประสานสายตากันอยู่ครู่หนึ่ง
จารุวรรณทำตัวไม่ถูก เธอพยายามทำใจให้เย็น เพราะเชื่อว่าเขา…คงจำเธอไม่ได้ และก็เธอคิดไม่ผิด ฟาเอลเพียงมองเธอด้วยแววตาเรียบนิ่ง ไร้แววจดจำหรือความทรงจำใดๆ
“ห้องของคุณอยู่ชั้นไหน”
เขาถามด้วยน้ำเสียงเรียบมันดูสงบแต่เด็ดขาด ราวกับคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เธอถอนหายใจออกมาน้อยๆ อย่างโล่งอก ก่อนตอบไปว่า
“ชั้นบนค่ะ”
“งั้นห้องตรงข้ามคุณก็ว่าง ผมพักที่ห้องนั้น”
จารุวรรณเม้มริมฝีปากพยักหน้ารับทราบเบาๆ เธอเดินตามเขาไปโดยไม่พูดอะไรอีก แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยคำถาม เขาคงเป็นบอดี้การ์ดของเธอจริงๆ สินะ ถึงได้รู้ตำแหน่งบ้านของเธอดีขนาดนี้ เขาเป็นคนมีฝีมือ ก็ไม่แปลกที่พ่อของเธอจะจ้างเขาให้มาดูแลเธอ
เมื่อประตูห้องบานใหญ่ถูกปิดลง…
ฟาเอลเหลือบมองรอบห้องหรูหราเล็กน้อย ก่อนจะถอดเสื้อสูทสีดำพาดไว้บนพนักเก้าอี้ มือหนาปลดเนกไทสีเข้มหลวมๆ คลายความอึดอัดก่อนจะวางมันลง
เขาทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้ไม้สักตัวใหญ่ เอนหลังพิงพนัก ลมหายใจของเขาหนักอึ้งขึ้นเล็กน้อย แต่ในแววตาคมเข้มกลับมีเพียงความนิ่งสงบ นิ้วมือแกร่งกดสันกรามตัวเองเบาๆ อย่างคนครุ่นคิด ขณะที่สายตาจ้องไปยังหน้าต่างกระจกสูง…
“ผู้หญิงคนนั้น…จารุวรรณ”
เธอยังเหมือนเดิม ดวงตาอ่อนโยน รอยยิ้มสดใส…แต่ตอนนี้…เธอคือเป้าหมายที่เขาต้องจัดการอย่างนั้นหรอ เขาพึมพำกับตัวเองเสียงต่ำ ริมฝีปากหยักหนาเม้มเข้าหากันแน่น
“สิบปีมาแล้ว…เธอคงจำฉันได้สินะ”
เพราะดูจากแววตาเขาก็น่าจะรู้
ฟาเอลก้มลงหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา ปัดหน้าจอไล่ดูข้อมูลอย่างรวดเร็ว สายตาของเขายังคงนิ่งและคมดุ พร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ ในใจลึกๆ เขารู้ว่า… “ไม่ควรใจอ่อน…เพราะนี่คืองาน” แต่ทำไมต้องเป็นเธอวะ?
คนตัวสูงสบถเสียงต่ำในลำคอ ก่อนจะเดินดุ่มๆ ไปยังห้องอาบน้ำ ร่างสูงใหญ่ผลักประตูห้องน้ำเปิดออก ร่างเงาสูงตระหง่านสะท้อนในกระจกบานใหญ่ เขาถอดเสื้อเชิ้ตออกช้าๆ กล้ามเนื้อแน่นตึงสะท้อนในกระจก มือแกร่งเอื้อมเปิดฝักบัว ปล่อยสายน้ำเย็นกระแทกร่างเขาจนทุกอย่างกลายเป็นเสียงสายน้ำที่ไหลกระทบพื้น
น้ำเย็นจัดชะล้างความคิดฟุ้งซ่าน แต่กลับทำให้หัวใจยิ่งว้าวุ่น
“ทำไมต้องเป็นเธอ…”
เสียงพร่าแผ่วในใจ ก่อนเขาจะพ่นลมหายใจแรงระบายอารมณ์ที่อัดแน่นในอก
แต่แล้ว…
เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
ก๊อก ก๊อก…
คนตัวสูงชะงักทันที เขาปิดน้ำ และเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ
“คุณฟาเอลคะ…”
เสียงหวานนุ่มนวลดังลอดเข้ามา เสียงที่เหมือนจะคุ้นเคยจากอดีต แม้ตอนนี้เธอจะเป็น “ภารกิจ” ของเขาก็ตาม
“ฉันทำมื้อดึกง่ายๆ ไว้ให้คุณนะคะ อยู่ที่ห้องอาหาร…”
เขายืนนิ่งในความมืดของห้องอาบน้ำ สายน้ำหยดแผ่วจากฝักบัว กลิ่นสบู่จางๆ ยังคงตลบอบอวล ฟาเอลพ่นลมหายใจแรง ขบกรามแน่นก่อนตอบกลับไปเสียงต่ำ
“ครับ”
แค่นั้น เขาเดินออกมาจากห้องน้ำ คว้าผ้าขนหนูพันรอบเอวชั่วคราว สายตาคมเข้มจ้องตัวเองในกระจกเหมือนเตือนสติ
หลังจากอาบน้ำและแต่งตัวใหม่ ฟาเอลเดินลงบันไดช้าๆ กลิ่นอาหารหอมกรุ่นลอยมาแตะปลายจมูก มื้อดึกที่เธอทำให้เขา มันไม่ใช่อาหารหรู แต่เรียบง่ายและอบอุ่นเกินกว่าจะเป็นแค่มื้อของบอดี้การ์ดกับเจ้านาย
เสียงเท้าเปล่าของเขาดังบนพื้นไม้เนื้อแข็ง เมื่อเขาเดินเข้าไปในครัว ไฟสีส้มสลัวจากโคมไฟเหนือโต๊ะทานข้าวให้บรรยากาศเหมือนบ้านจริงๆ
ฟาเอลนั่งลงเรียบร้อยแล้ว เขาใส่เสื้อยืดสีดำธรรมดา กางเกงผ้าลำลอง แต่แม้จะสบายๆ ทว่าร่างสูงใหญ่และแววตาคมเข้มของเขายังคงดูอันตรายราวกับปีศาจในคราบสุภาพบุรุษเขากำลังทานมื้อดึกง่ายๆ ที่เธอจัดไว้ให้ ข้าวต้มอ่อนๆ กับไข่ต้มและผักลวกเรียงในจานไม่ได้พิถีพิถันมากนัก บ่งบอกได้ว่าหญิงสาวไม่ช่ำชองงานครัวสักเท่าไหร่
เธอปรากฏตัวเงียบๆ ในกรอบประตูครัว จารุวรรณเดินลงมาเพื่อหาน้ำดื่ม อันที่จริงเธอก็อยากมาดูว่าเขาทานมื้อค่ำของเธอแล้วหรือยัง แต่แล้วดวงตาของเธอก็เห็นคนตัวสูงที่นั่งอยู่ในครัวจริงๆ คนตัวสูงนั่งอยู่ที่โต๊ะทานข้าว สายตาเขามองจานตรงหน้าเหมือนกำลังพิจารณา แต่ริมฝีปากหยักหนากลับขยับยิ้มบางๆ แบบที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
“เอ่อ…” เธอกระซิบเบาๆ ราวกับกลัวทำลายความสงบในครัวกลางดึกนี้ “ขอโทษค่ะ…ฉันลงมาหาน้ำดื่ม…”
ฟาเอลละสายตาจากจาน เงยหน้ามองเธอเต็มๆ ดวงตาคมนั้นนิ่ง เรียบเฉย แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไร
“…ตามสบาย”
ไม่นานนักเธอก็เดินไปหยิบน้ำที่ตู้เย็น และก็หยิบเอาบรั่นดีมาด้วย เธอยืนอ้ำอึ้งอยู่สักพัก ก่อนจะเอ่ยอะไรออกมา
“ขอนั่งด้วยคนได้ไหมคะ”
….
“…เอาสิ”
เสียงเขาเรียบต่ำแต่เหมือนเชื้อเชิญอย่างแปลกประหลาด
จารุวรรณเดินมานั่งตรงข้ามเขา โต๊ะไม้ระหว่างพวกเขากว้างพอสมควร แต่ระยะสายตากลับดูใกล้กันจนเธอได้ยินเสียงช้อนกระทบจานเบาๆ อย่างชัดเจน เธอพยายามไม่สบตาเขาตรงๆ แต่ในใจกลับเต้นแรงขึ้นทุกครั้งที่ได้ยินเสียงทุ้มต่ำเวลาที่เขาเอ่ยอะไรเล็กน้อย
“อร่อย…ขอบคุณสำหรับมื้อดึก”
คำชมสั้นๆ ของเขา ทำให้เธอเผลอใจเต้นแรงหนักกว่าเดิม หญิงสาวเผลอมองผู้ชายในอุดมคติ เธอรู้ว่าเขาถูกไล่ออกจากวงการ ซึ่งนั่นมันเป็นเรื่องที่เธอเองก็รู้มาแค่นั้น ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางมากไปกว่านี้ แต่ที่เธออยากรู้ที่สุดในตอนนี้คือ เขามีคนในใจแล้วหรือยัง….
‘บ้าจริงยังจา คิดอะไรของเธอไปได้ ‘
หญิงสาวว่าให้ตัวเองในใจ
เธอรินบรั่นดีลงแก้วช้าๆ เสียงน้ำสีทองไหลกระทบแก้วคริสตัลดังเบาๆ ราวกับเสียงนั้นดังพอจะสะกดหัวใจทั้งคู่เอาไว้
“ดื่มด้วยสิ”
เขาพูดแผ่ว เสียงทุ้มต่ำสะกดเธอในความเงียบ
จารุวรรณพยักหน้าช้าๆ
มือเล็กยื่นแก้วให้เขา ฟาเอลรับมันไปอย่างมั่นคง ปลายนิ้วสากเฉียดมือเธอเพียงน้อยนิด แต่กลับทำให้หัวใจเธอสั่นไหวราวกับต้องมนตร์สะกด
จากนั้นเธอก็รินบรั่นดีให้ตัวเองอีกแก้ว ก่อนจะยกขึ้นจรดริมฝีปากกลิ่นฉ่ำหวานของเหล้าเคลือบปลายลิ้น ร้อนวาบแต่แผ่วเบา ราวกับสายตาของเขาที่ทอดมองมา
เขายกแก้วขึ้นแนบริมฝีปาก ลิ้มรสบรั่นดีด้วยท่าทางสบายๆ แต่ดวงตาคมยังคงจับจ้องเธอ ไม่ได้เอ่ยคำใดๆ อีก แต่แค่แววตานิ่งลึกล้ำนั้นก็ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกเปิดเปลือยหัวใจอย่างบอกไม่ถูกชอบกล
เธอรู้ดี…คนตรงหน้าคือผู้ชายที่เธอเคยแอบมองอยู่ในเงามืดของโรงเรียนกีฬาเมื่อสิบปีก่อน และคืนนี้ เธอได้ดื่มเหล้ากับเขาในบ้านเดียวกัน มันตลกใช่ไหมล่ะ
“ขอบคุณนะคะ…”
เธอพูดเสียงเบา แทบไม่แน่ใจว่ากำลังพูดกับเขา…หรือแค่พูดกับหัวใจของตัวเองกันแน่
“ขอบคุณเรื่องอะไร”
เขาถามเธอกลับเสียงเรียบ
“ขอบคุณเรื่องวันนี้”
ฟาเอลไม่ได้ตอบทันที เขาแค่วางแก้วลงช้าๆ แววตาคมจับจ้องเธอครู่หนึ่ง…ราวกับพยายามอ่านความลับในใจเธอ ก่อนเอ่ยคำตอบเสียงนิ่ง
“ผมแค่ทำหน้าที่…”
นั่นสินะ เขาแค่ทำหน้าที่ เธอแอบหัวเราะตัวเองในใจ ก่อนจะกระดกดื่มน้ำสีอำพันในรวดเดียวจนหมดแก้ว เขาเองก็มองเธอแปลกไปจากเดิมเล็กน้อย ผู้หญิงตัวน้อยที่ดูไร้เดียงสาในวันนั้น ทว่าวันนี้เธอน่าจะดื่มเก่งไม่เบา แต่นี่ก็ไม่ใช่กงการอะไรของเขาซะหน่อย ที่จะมาอยากรู้เรื่องส่วนตัวของเธออะไรทำนองนั้น เขาไม่ได้มาตามสืบความชอบหรือไม่ชอบอะไรของเธอสักหน่อย แต่แล้วเสียงลุคก็ลอยดังเข้ามาในหัว คือเขาจะต้องทำอะไรก็ได้ให้เธอไว้ใจ และเชื่อใจเขา คนตัวสูงเม้มริมฝีปาก ในมือก็ถือแก้วคริสตัลแกว่งไปมา
“เป็นอะไรคะ อึดอัดที่ได้อยู่กับฉัน?”
เพราะฤทธิ์ของน้ำเมา มันทำให้เธอกล้าพูด ก็ดูท่าทางของเขาเหมือนจะอึดอัดจริงๆ นี่
“เมาแล้วหรอ?”
เขาถาม เพราะสีหน้าเธอเริ่มแดงก่ำ อีกทั้งกล้าพูดกล้าถามเขาเยอะขึ้น
“เปล่าซะหน่อย” เธอตอบเสียงอู้อี้ “แล้วทำไมถึงรับงานนี้คะ?”
“ไม่รู้สิ … คงเพราะ…เงินล่ะมั้ง”
ดูเขาตอบเข้า หญิงสาวแค่นยิ้มในใจ
“คุณนี่ก็ตอบตรงเกินนะคะ ยังเหมือนเดิมเลยนะคะ …เย็นชา ไร้ความรู้สึก”
ในที่สุดคนเมาก็เผลอปากพูดอะไรออกไป
“ผมเนี่ยนะ เย็นชา ไร้ความรู้สึก?”
เขาถามเธอย้ำ
“ค่ะ .. ถ้าไม่ใช่คุณแล้วจะใคร”
….
