บทที่ 8 เดี๋ยวจะเสียการใหญ่
เจียงเฉิงยิ้มแล้วเดินจากไป ส่วนจ้าวหน่า เจ้าหน้าที่รับสมัคร ยังคงได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นระรัว
เธอจ้องมองแผ่นหลังของเจียงเฉิง รู้สึกสังหรณ์ใจว่าโรงเรียนภาคค่ำแห่งนี้กำลังจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
เจียงเฉิงเดินออกจากห้องธุรการ ทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เดินตรงไปที่ประตูใหญ่ ทักทายลุงหวัง
"ลุงหวังคะ พรุ่งนี้ฉันจะมาเรียนแล้วนะคะ"
"ดีเลย นั่นไง คนที่บ้านมารับเธอแล้ว"
คนที่บ้าน?
เจียงเฉิงมองตามทิศที่ลุงหวังชี้ไป ก่อนจะยิ้มอ่อนโยนอย่างจนใจ ก็เห็นคุณย่าเสิ่นยืนอยู่ตรงกลาง โดยมีเสิ่นเยว่กับเสิ่นซิงยืนขนาบซ้ายขวา
ทั้งสามคนมีรอยยิ้มแหยๆ ที่ดูเก้ๆ กังๆ เหมือนกันเปี๊ยบ พอเห็นเจียงเฉิง ก็เผลออยากจะหันหลังกลับ แต่ก็รู้สึกว่ามันจะโจ่งแจ้งเกินไป เลยได้แต่ยืนทำท่าจะหันก็ไม่หัน
"คุณย่าเสิ่นออกมาเดินเล่นเหรอคะ?" เจียงเฉิงรีบหาทางลงให้
"ใช่ๆๆ กินอิ่มแล้วก็เลยออกมาเดินย่อย"
คุณย่าเสิ่นรีบรับคำ ส่วนเสิ่นซิงแอบเบ้ปาก ก็ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่นั่งไม่ติดอยู่ที่บ้าน เอาแต่ชะเง้อมองประตู
แต่ก็นะ ในเมื่อพี่เจียงเฉิงย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน ในฐานะลูกผู้ชายของเจ้าบ้าน เขาก็ควรจะดูแลเธออยู่บ้าง
เจียงเฉิงเดินเข้ามา จูงมือเสิ่นเยว่อย่างเป็นธรรมชาติ "ดีเลยค่ะ งั้นเรากลับบ้านพร้อมกัน"
"ดีๆๆ!"
คุณย่าเสิ่นรับคำติดกันหลายครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านทำอะไรแบบนี้ เลยรู้สึกเก้ๆ กังๆ อยู่บ้าง โชคดีที่ฟ้ามืดแล้ว ไม่มีใครเห็น
ท่านเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นอะไร อาจจะเพราะสงสาร หรือเพราะหัวอกเดียวกันก็ไม่ทราบได้ แต่พอเจียงเฉิงออกไป แล้วฟ้าเริ่มมืด ในใจท่านก็เริ่มกระสับกระส่าย
สุดท้ายก็เลยลากเด็กสองคนออกมาด้วยกัน เดินไปเดินมาก็มาโผล่ที่หน้าโรงเรียนภาคค่ำ
เจียงเฉิงเปิดไฟฉาย ลำแสงสีเหลืองนวลส่องสว่างนำทางทั้งสี่คน
เสียงฝีเท้าดังกุบกับชัดเจนเป็นพิเศษในความเงียบยามค่ำคืน
เจียงเฉิงถือไฟฉายส่องวูบวาบอยู่ด้านหลังเสิ่นเยว่ ทำให้เงาของเสิ่นเยว่เดี๋ยวยาวเดี๋ยวสั้น เดี๋ยวอ้วนเดี๋ยวผอม กระทั่งเสิ่นเยว่อดร้องออกมาอย่างตื่นตาตื่นใจไม่ได้ ตะโกนเสียงดังขึ้นหลายส่วน "พี่เจียงเฉิงคะ เอาอีกๆ! เอาอีกค่ะ! ..พี่เก่งจังเลย!"
เสิ่นซิงที่อยู่ข้างๆ มองแล้วก็คันไม้คันมืออยากเล่นบ้าง แต่เขาก็ไม่พูดออกมา แม้ว่าปกติเขาจะเป็นเด็กช่างพูด แต่ในบางเวลาเขาก็เงียบขรึมอย่างน่าประหลาด อย่างเช่นตอนนี้ ต่อให้เสิ่นซิงอยากเล่นแค่ไหน เขาก็จะไม่พูด
มันเปลืองถ่าน! ถ่านไฟฉายแพงจะตาย!
ประหยัดเงินไว้เขียนจดหมายถึงพี่ใหญ่ไม่ดีกว่าเหรอ
"สหายนักเรียนเสิ่นซิง รู้ไหมว่าทำไมเงาถึงเปลี่ยนไปมาแบบนี้ได้?" เจียงเฉิงขยับไปยืนอยู่หลังเสิ่นซิง ใช้ไฟฉายส่อง ทำให้เงาของเขาเปลี่ยนรูปร่างไปมา
"ฮ่าๆๆๆ! พี่อ้วนจังเลย!"
เสิ่นเยว่ชี้ไปที่เงาของเสิ่นซิงแล้วหัวเราะร่า เสียงหัวเราะสดใสของเด็กน้อยทำให้ทุกคนอารมณ์ดีไปด้วย
เสิ่นซิงที่เมื่อครู่ยังนึกเสียดายถ่านอยู่ พอได้ยินคำถามของเจียงเฉิง ก็ตั้งใจคิดอย่างจริงจัง "เพราะว่าพี่ถือไฟฉายในระยะที่ไม่เท่ากันครับ"
เจียงเฉิงพยักหน้าชมเสิ่นซิง "ช่างสังเกตมาก ใช่แล้ว มันเกี่ยวกับตำแหน่งและระยะห่างของไฟฉาย"
"ความสัมพันธ์ระหว่างเงากับแสงเป็นปรากฏการณ์ทางแสงอย่างหนึ่ง รูปร่าง ขนาด และตำแหน่งของเงาจะเปลี่ยนไปตามตำแหน่งของแหล่งกำเนิดแสง ตำแหน่งของวัตถุที่บังแสง และมุมที่แสงตกกระทบ..."
ขณะที่เจียงเฉิงอธิบาย เธอก็ขยับไฟฉายในมือไปตามตำแหน่งต่างๆ เพื่อให้เสิ่นซิงเข้าใจได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
เส้นทางที่เงียบเหงาในตอนขามา บัดนี้ขากลับกลับเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
พอกลับถึงบ้าน เสิ่นซิงก็ยังรู้สึกเหมือนยังเล่นไม่จุใจ ส่วนเสิ่นเยว่ก็มีแต่ความสุขกับความสุข สำหรับความรู้ที่ได้ยินมานั้น มันก็เป็นแค่สายลมที่พัดผ่านหูเธอ เข้ามาแล้วก็ผ่านไป
เสิ่นซิงกับเสิ่นเยว่ล้างหน้าล้างตานอน พวกเขาพักอยู่ห้องเดียวกับคุณย่าเสิ่น
ที่ห้องโถง คุณย่าเสิ่นที่เงียบมาตลอดทาง ในใจทั้งรู้สึกซับซ้อนและยินดีปะปนกันไป "เจียงเฉิง... ขอบใจนะ"
เจียงเฉิงรีบประคองคุณย่าเสิ่น "หนูต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณย่า ถ้าคุณย่าไม่ให้หนูอาศัยอยู่ด้วย ป่านนี้หนูคงต้องไปนอนข้างถนนแล้ว"
"ไม่หรอก หนูเป็นคนมีความสามารถ"
"มิน่าล่ะ เขาถึงว่ามีผู้สูงอายุอยู่ในบ้านเหมือนมีสมบัติล้ำค่า สายตาคุณย่านี่เฉียบแหลมจริงๆ ค่ะ!"
เจียงเฉิงชมตัวเองหน้าตาเฉยจนคุณย่าเสิ่นหัวเราะออกมา ทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้ม ก่อนจะแยกย้ายกลับเข้าห้องพักผ่อน
พอกลับถึงห้อง เจียงเฉิงก็ปิดประตูหน้าต่างเรียบร้อย ดึงม่านเตียงลง แล้วซุกตัวอยู่บนเตียง หยิบแท็บเล็ตกับพัดลมชาร์จไฟตัวเล็กออกมาจากในมิติ แล้วเริ่มเรียนหนังสือ
เธอเชี่ยวชาญห้าภาษา แต่เธอก็ยังไม่พอใจ
ในชาติก่อน เจียงเฉิงก็กำลังเรียนภาษาอื่นๆ เพิ่มเติมอยู่ เพียงแต่ยังไม่ถึงขั้นเชี่ยวชาญพอจะแปลได้ แค่พอสื่อสารในชีวิตประจำวันได้เท่านั้น แต่ในเมื่อได้มีชีวิตเพิ่มมาอีกชาติ เธอก็ต้องอัปเกรดทักษะให้เต็มพิกัด
โชคดีที่เธอเตรียมเอกสารการเรียนไว้ในรถ และมิติในรถก็ยังสามารถชาร์จไฟให้แท็บเล็ตได้ด้วย ขณะที่เจียงเฉิงกำลังดำดิ่งอยู่กับการเรียน เสิ่นซิงห้องข้างๆ ก็กำลังคิดว่า พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าๆ มาเขียนจดหมายถึงพี่ใหญ่ พี่ใหญ่บอกไว้ว่า ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ในบ้านก็ให้เล่าให้เขาฟังได้หมด ไม่ต้องกลัวเปลืองจดหมาย
ณ พื้นที่ห่างไกลแห่งหนึ่ง เสิ่นเชว่จามออกมาหลายครั้งติดๆ กัน เขากำซองจดหมายที่เพิ่งได้รับมาแน่น พลางคิดในใจ ใครจะไปนึกว่าการมีน้องชายที่เชื่อฟังมันจะเปลืองแสตมป์ขนาดนี้
ฝั่งนี้ เสิ่นซิงที่วางแผนเสร็จเรียบร้อยก็หลับตาลง พลางทบทวนความรู้ที่เจียงเฉิงเพิ่งสอนเขาไปในหัว
ส่วนเสิ่นเยว่ที่นอนอยู่อีกฝั่งของม่านกั้น ก็หลับเข้าสู่ห้วงนิทราไปนานแล้ว
เช้าวันต่อมา เจียงเฉิงก็ตื่นขึ้นมาโดยไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุก
ไม่รู้ว่าบ้านไหนในลานเลี้ยงไก่ตัวผู้ไว้ มันขันเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวไม่หยุด ดังยิ่งกว่านาฬิกาปลุกเสียอีก ไม่เพียงแต่นาฬิกาปลุกธรรมชาติ แต่ยังมีเสียงความเคลื่อนไหวจากบ้านต่างๆ ที่ดังขึ้นมาโดยไม่ได้นัดหมาย กลายเป็นบทเพลงบรรเลงแห่งชีวิตอีก
เจียงเฉิงที่ตื่นแล้วยังไม่ออกไปทันที แต่ยืนอยู่บนพื้นที่ว่างในห้อง เริ่มร่ายรำ 'ท่ากายบริหารห้าสัตว์'¹ ฉบับย่อ
วิชากังฟูลึกล้ำอะไรเธอไม่เป็นหรอก นี่ทำไปเพื่อรักษาสุขภาพล้วนๆ
เหตุผลที่เจียงเฉิงคอยเตือนตัวเองให้ออกกำลังกายก็คือ 'ถ้าฉันป่วยขึ้นมา มันจะเสียการใหญ่ของบ้านเมือง' ต้องยอมรับเลยว่า พอระดับความคิดมันสูงขึ้น แรงฮึดในการทำอะไรๆ มันก็มีมากขึ้นจริงๆ พอเหงื่อออกซึมๆ การออกกำลังกายยามเช้าก็สิ้นสุดลง
เจียงเฉิงตรวจสอบซ้ำอีกครั้งจนแน่ใจว่าไม่มีของจากมิติหลงเหลืออยู่ข้างนอกแล้ว จึงค่อยรูดม่านหน้าต่างเปิดออก
"เก่งจริงๆ เลย นี่เพิ่งกลับมาก็ได้งานทำแล้ว ที่โรงงานเครื่องจักรซะด้วย นั่นมันโรงงานใหญ่ที่สุดแถวนี้เลยนะ!"
"งานอะไรเหรอ?"
"แผนกรักษาความปลอดภัยน่ะสิ วันนี้เริ่มงานวันแรกเลย"
เสียงของแม่หลินที่ดังมาจากนอกหน้าต่าง ทั้งอยากอวดแต่ก็แกล้งทำเป็นไม่ตื่นเต้น ทำให้เจียงเฉิงเบ้ปาก
ดูเหมือนว่าหลินเฉิงหย่วนจะไปรายงานตัวเข้าทำงานแล้วสินะ ยังคงเป็นงานเดิมตามในหนังสือ... แผนกรักษาความปลอดภัยของโรงงานเครื่องจักร
ในหนังสือบอกไว้ว่า หลังจากหลินเฉิงหย่วนเข้าทำงานได้หนึ่งเดือน หัวหน้างานสายตรงของเขาจะเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่พลเมืองดี ทำให้หลินเฉิงหย่วนส้มหล่นได้เลื่อนตำแหน่งแทน
การเลื่อนตำแหน่งครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นชีวิตที่ราบรื่นโรยด้วยกลีบกุหลาบของหลินเฉิงหย่วน
คิ้วของเจียงเฉิงเลิกขึ้น เธอพึมพำกับตัวเอง "เราจะทำให้วีรบุรุษพลเมืองดีต้องเสียใจไม่ได้... ปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปดีกว่า"
ยังเหลือเวลาอีกตั้งเดือน ไม่ต้องรีบ
เจียงเฉิงเดินออกจากห้องนอน ตรงไปยังห้องครัวที่คุณย่าเสิ่นกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหาร
"คุณย่าเสิ่นคะ มีอะไรให้หนูช่วยไหม?"
คุณย่าเสิ่นกำลังยุ่งหัวหมุนแต่ก็ยังเป็นระเบียบดี พอโดนขัดจังหวะเข้าหน่อยกลับทำอะไรไม่ถูก
"ถอยไปไกลๆ เลย"
คุณย่าเสิ่นที่กำลังผัดผักอยู่พูดโพล่งออกมา พอพูดจบก็เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอใช้น้ำเสียงไม่ดี ผลก็คือ เจียงเฉิงกลับไม่ถือสา แถมยังถอยหลังกรูดไปสามก้าวใหญ่ "รับทราบ! รับรองเลยจะปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จลุล่วงค่ะ!"
คุณย่าเสิ่นถึงกับชะงักมือที่กำลังผัดผัก ส่วนเสิ่นเยว่ที่อยู่ข้างๆ ก็เอามือปิดปากแอบขำ เธอรู้สึกว่าพี่เจียงเฉิงพูดจาตลกดี ทุกครั้งที่พูดทำเธออยากหัวเราะ แต่พอนึกถึงฟันหน้าซี่เล็กๆ ที่หลออยู่ เธอก็ไม่กล้าหัวเราะออกมา
ช่างเป็นความสุขที่น่าอึดอัดใจจริงๆ!
"เจียงเฉิง นังคนหลอกลวง! กล้าดียังไงมาหลอกเอางานของพี่สะใภ้ฉันไป ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!"
(จบตอน)
เชิงอรรถจากผู้แปล:
¹ ท่ากายบริหารห้าสัตว์ (五禽戏): กายบริหารจีนโบราณที่เลียนแบบท่าทางของสัตว์ 5 ชนิด (เสือ, กวาง, หมี, ลิง, นก) เชื่อกันว่าช่วยบำรุงสุขภาพ
