บท
ตั้งค่า

บทที่ 9 หน้าหนาเข้าไว้ ได้กินแน่

เจียงเฉิงหันไปมองนอกบ้านอย่างรู้อยู่แล้ว เด็กสาวที่บุกมาหาเรื่องถึงที่ก็คือน้องสาวสามีของตู้หยุนนั่นเอง

หลี่ชุนเซียง อายุสิบแปด เพิ่งเรียนจบมัธยมปลาย ผมเปียสองข้างของเธอสะบัดไปมาจนแทบจะเกิดพายุ

ชาวบ้านที่อยู่รอบๆ ทำหน้าตาเหมือนรอชมเรื่องสนุก... งานนี้ต้องมีตบกันแน่ๆ!

งานสมัยนี้มันหายากจะตาย ถึงจะเป็นแค่สองเดือน แต่มันก็ได้เงินจริงๆ นะ

ในขณะที่ทุกคนกำลังส่งซิกขยิบตากันอยู่นั้น เจียงเฉิงกลับทำหน้าตื่นเต้นดีใจ พรวดพราดเข้าไปคว้ามือของหลี่ชุนเซียงไว้แน่น

"สหายหลี่ชุนเซียง ขอบคุณเธอมากจริงๆ นะ!"

ประโยคเดียวของเจียงเฉิงทำเอาหลี่ชุนเซียงที่เตรียมมาด่าเต็มที่ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก... ขอบคุณฉันทำไม?

"ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ตู้หยุนบอก ฉันก็คงไม่รู้มาก่อนเลยว่าในลานบ้านเรามีคนที่มีความตื่นตัวรักชาติบ้านเมืองสูงส่งแบบเธออยู่ด้วย!"

หลี่ชุนเซียงเริ่มมึนๆ งงๆ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครชมเธอขนาดนี้มาก่อน

"ทุกคนดูสิคะ สหายหลี่ชุนเซียงทั้งฉลาดและเด็ดเดี่ยว พอเรียนจบมัธยมปลายก็มุ่งมั่นที่จะเป็นเยาวชนผู้มีปณิธานอันยิ่งใหญ่ เพื่อสร้างคุณประโยชน์ เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับการสร้างชาติของเรา เธอไม่กลัวความยากลำบาก ไม่หวั่นเกรงอุปสรรค ความตื่นตัวและจิตวิญญาณเช่นนี้ ช่างควรค่าแก่การเรียนรู้ของเราทุกคนจริงๆ!"

"แปะๆๆๆๆ" เจียงเฉิงปรบมืออีกแล้ว

เสิ่นเยว่กับเสิ่นซิงเป็นหน่วยสนับสนุนที่ร่วมวงปรบมือเป็นคนแรกๆ ส่วนคนอื่นๆ ก็ปรบมือตามอย่างงงๆ

"สหายหลี่ชุนเซียงรู้ดีอยู่แล้วว่า ด้วยความสามารถของเธอจะต้องมีอนาคตที่กว้างไกลกว่านี้แน่นอน การทำงานแทนแค่สองเดือนมันไม่เพียงพอที่จะให้เธอได้แสดงความรู้ความสามารถออกมาได้เต็มที่ สมแล้วที่เรียนจบถึงมัธยมปลาย วิสัยทัศน์กว้างไกลแบบนี้ ฉันเทียบไม่ติดจริงๆ ค่ะ"

หลี่ชุนเซียงเริ่มลอยแล้ว

และเมื่อโดนเจียงเฉิงปั่นต่อไปอีก เธอก็เดินกลับบ้านไปอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม

แม่ของหลี่ชุนเซียงโกรธจนเขี้ยวแทบงอก พยายามดึงแขนลูกสาวไว้ให้ตื่นจากภวังค์

"แม่ จะทำอะไรเนี่ย? หรือแม่คิดว่าคนมีความมุ่งมั่นที่จบมัธยมปลายอย่างหนู ยังสู้เจียงเฉิงที่ไม่ได้เรียนหนังสือไม่ได้เหรอ?"

เจียงเฉิง: (พูดถูกเผง)

แม่หลี่ชุนเซียง: (เออ! สมควรแล้วที่ฉันลากแกกลับ! อยากทำอะไรก็เชิญ!)

เจียงเฉิงยืนมองตามหลี่ชุนเซียงไปด้วยสีหน้าซาบซึ้งและเลื่อมใสสุดๆ... ก่อนจะหันขวับกลับมาจ้องหม้อบนเตาของบ้านเสิ่นในวินาทีถัดมา "คุณย่าเสิ่นคะ ผัดผักสุกรึยังคะ?"

คุณย่าเสิ่น: (นี่แกจะเปลี่ยนหน้าเร็วกว่านี้สักหน่อยก็ได้นะ??)

และข้อเท็จจริงก็พิสูจน์แล้วว่า เจียงเฉิงทำได้

"พูดซะเยอะ หิวเลยค่ะ!"

คุณย่าเสิ่นมองออก คนอื่นๆ ในลานบ้านรวมก็มีคนที่ดูออกเหมือนกัน แต่ต่อให้ดูออก แล้วใครจะกล้าพูดว่าคำพูดยกยอของเจียงเฉิงเมื่อกี้มันผิด?

ไม่เห็นเหรอว่าขนาดบ้านหลี่เองยังไม่โวยวายเลย?

อีกอย่าง เจ้าของงานอย่างตู้หยุนเขายินยอมเอง คนอื่นจะไปโวยวายอะไรได้

"กินจ้ะๆ กินเลย!"

คุณย่าเสิ่นตักผัดมันฝรั่งเส้นในกระทะใส่จาน เจียงเฉิงรีบเข้าไปช่วยยกชามโจ๊กข้าวฟ่าง เสิ่นซิงก็หั่นผักดองใส่จาน เตรียมเปิดศึกมื้อเช้า

บ้านเสิ่นเข้าบ้านไปกินข้าว ส่วนหลินเฉิงหย่วนที่ยืนอยู่หน้าประตูบ้านฝั่งตรงข้ามโดนเหอตานผลักเบาๆ

"เฉิงหย่วน"

หลินเฉิงหย่วนเพิ่งได้สติ เขารีบเก็บสีหน้า หันไปมองเหอตานที่อยู่ข้างๆ แล้ว "อืม" คำหนึ่ง

เหอตานแกล้งทำเป็นไม่เห็นสีหน้าตกตะลึงของหลินเฉิงหย่วน ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนเดิม "ทานข้าวเถอะค่ะ เดี๋ยวต้องไปทำงานวันแรก ไปสายจะไม่ดีนะ"

"จริงด้วย! คุณพูดถูก"

หลินเฉิงหย่วนรีบเข้าบ้านทันที เรื่องงานสำคัญกว่า

ส่วนเรื่องเจียงเฉิง... ช่างเจ้าแผนการจริงๆ

ก่อนหน้านี้ก็ซ่อนรูปโฉมไว้ พอตอนนี้มาเปิดเผยหน้าตา แถมยังย้ายมาอยู่ห้องตรงข้ามกันอีก คิดจะทำอะไรกันแน่? ช่างเป็นวิธีที่ไร้ระดับจริงๆ เขา…หลินเฉิงหย่วน เป็นคนตื้นเขินขนาดนั้นหรือไง?

เจียงเฉิงไม่รู้หรอกว่าหลินเฉิงหย่วนกำลังคิดอะไรอยู่ ถ้ารู้เข้าคงสวนกลับไปว่า "อย่ามาดูถูกคำว่า 'ตื้นเขิน' หน่อยเลย!"

หลังจากเจียงเฉิงกินข้าวเสร็จ ก็โดนคุณย่าเสิ่นไล่ออกมา เธอเดินไปพร้อมกับเสิ่นซิงและเสิ่นเยว่ พอดีเป็นทางผ่านช่วงหนึ่ง

ระหว่างทาง มีเด็กคนอื่นๆ เดินกันเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย สะพายกระเป๋าหนังสือ วิ่งไล่กันบ้าง หยอกล้อกันบ้าง หัวเราะคิกคักกันไป

เสิ่นซิงกับเสิ่นเยว่ช่างดูแตกต่างจากเด็กเหล่านั้นอย่างสิ้นเชิง ทั้งคู่ก้มหน้าก้มตาเดินอย่างสงบเสงี่ยม ตลอดทางก็ไม่ได้ทักทายใคร

เด็กน้อยทั้งสองราวกับมีโลกส่วนตัวของตัวเอง ไม่ยอมให้ใครเข้าไป และพวกเขาก็ไม่เดินออกมา เจียงเฉิงสังเกตเห็นว่ามีเด็กสองสามคนทำท่าอยากจะแลบลิ้นปลิ้นตาใส่หรือพูดอะไรบางอย่างกับเสิ่นซิงและเสิ่นเยว่ แต่พอเห็นเธอ เด็กพวกนั้นก็วิ่งหนีไปไกล

เสิ่นซิงกับเสิ่นเยว่ ช่างเหมือนเธอในชาติก่อนเหลือเกิน... พวกเขาไม่มีพ่อแม่คอยปกป้อง โลกของเด็กนั้นเรียบง่าย แต่ในขณะเดียวกันก็โหดร้ายอย่างยิ่ง เมื่อเดินมาถึงทางแยก เจียงเฉิงก็ย่อตัวลง แบมือออกมา ให้เสิ่นซิงกับเสิ่นเยว่ทำหน้างงเพราะตามไม่ทัน

เจียงเฉิงยิ้มจนตาหยี "ขอให้เป็นวันที่ดีนะ"

"แปะมือ!" เธอจับมือเล็กๆ ของเสิ่นเยว่มาแปะที่ฝ่ามือเธอ ก่อนจะหันไปมองเสิ่นซิง เสิ่นซิงทำท่าอิดออดเล็กน้อย นิสัยที่ชอบทำตัวเป็นผู้ใหญ่ทำให้เขาเขินอาย

"สหายนักเรียนเสิ่นซิง หรือว่าฉันหน้าตาไม่ดีพอ หรือฉันฉลาดไม่พอ เธอถึง…"

"พอเลยๆๆ! พี่ไม่ต้องพูดแล้ว แปะมือ!" เสิ่นซิงทนฟังเจียงเฉิงหลงตัวเองต่อไปไม่ไหว รีบแปะมือกับเธอเร็วๆ แลกกับการโดนเจียงเฉิงขยี้หัวหนึ่งที

เสิ่นซิงก้มหน้า พยายามกลั้นยิ้มจนมุมปากกระตุก

"โอเค งั้นพี่ไปล่ะ ทำยังไงก่อน"

เสิ่นเยว่เงยหน้าขึ้นอย่างว่าง่าย แก้มแดงระเรื่อ "พี่เจียงเฉิง สวัสดีค่ะ"

ส่วนเสิ่นซิงได้แต่สบตากับสายตาที่จ้องมาตรงๆ ของเจียงเฉิง ถอนหายใจเหมือนผู้ใหญ่ แล้วพูดอย่างจำยอม "สวัสดีครับ"

เจียงเฉิงยิ้มอย่างพอใจ โบกมือให้ แล้วยืนมองเด็กทั้งสองเดินไปได้สามวินาที ก็หันหลังกลับ... ไปทำงาน

พอมาถึงสถานีรับซื้อของเก่า เจียงเฉิงก็จัดการเก็บกวาดห้องทำงานอย่างคล่องแคล่ว อันที่จริงก็ไม่ได้ทำอะไรมาก ห้องทำงานขนาดสิบกว่าตารางเมตร กวาดพื้น เติมน้ำ ก็เสร็จแล้ว

เจียงเฉิงไม่ได้ทำตัวเป็นแม่พระไปช่วยพี่ชายอีกสี่คนคัดแยกของ เธอทำแค่ในส่วนที่ตัวเองต้องรับผิดชอบเท่านั้น

ปกติช่วงเช้าจะยุ่งหน่อย พอเลยสิบโมงไปแล้ว ทุกคนก็เริ่มว่าง และในช่วงเวลานี้เอง พี่หวัง เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนอีกคน ก็ถือไหมพรมมาที่ทำงาน เจียงเฉิงเอาสมุดบัญชีไปให้พี่หวังตรวจ พี่หวังก็ถือโอกาสนี้แก้ไขข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ที่เห็นได้ชัดไปสองสามจุด ในใจก็รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่ง

เจียงเฉิงจึงได้เลื่อนขั้นจาก 'เจียงเฉิง' กลายเป็น 'น้องเจียง' สมใจ

แน่นอนว่าข้อผิดพลาดนั้นเธอจงใจทำขึ้นมา ถ้าไม่ทิ้งร่องรอยไว้บ้าง แล้วหัวหน้าจะรู้ได้ยังไงว่าเธอทำงาน

พอถึงช่วงที่ไม่ยุ่ง เจียงเฉิงก็เอ่ยปากขออนุญาต แล้วไปหาหนังสือแถวๆ นั้นมานั่งอ่านเงียบๆ

ตอนเที่ยง ที่นี่มีโรงอาหารด้วย

ตอนนี้สถานีรับซื้อของเก่ามีเจ้าหน้าที่ลงทะเบียน 2 คน, เจ้าหน้าที่คัดแยก 4 คน, แม่ครัว 1 คน, คุณลุงขายของเก่าด้านหน้า 1 คน, ยามกะดึก 1 คน, และหัวหน้าอีก 1 คน รวมทั้งหมดสิบคนถ้วน

คนน้อย ความสัมพันธ์ไม่ซับซ้อน งานไม่หนัก

เจียงเฉิงไม่มีคูปองอาหาร เลยต้องใช้เงินสดซื้อ เธอกินหมั่นโถวหนึ่งลูกกับผัดผักหนึ่งอย่าง

พอตอนบ่าย พี่หวังก็นั่งถักไหมพรมจนถึงบ่ายสองโมงก็กลับบ้าน ขณะที่เจียงเฉิงอยู่จนถึงสี่โมงครึ่งก็เอ่ยปากลาทุกคน แล้วก็เลิกงานกลับบ้านไปกินข้าว

ตอนค่ำเธอต้องไปเรียนที่โรงเรียนภาคค่ำอีก เวลาก็ค่อนข้างกระชั้นชิดอยู่เหมือนกัน เธออดคิดไม่ได้ว่า ถ้ามีจักรยานสักคันก็คงดี

ไม่เป็นไร ไม่ต้องรีบ... เดี๋ยวก็มีเอง

เจียงเฉิงเดินเท้ากลับ ยังไม่ทันจะถึงลานบ้านรวม ก็เห็นเสิ่นเยว่ยืนชะเง้อชะแง้มองอยู่ที่หัวมุมตรอก ให้เจียงเฉิงยิ้มกว้าง เธอยืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์ยามเย็นที่ส่องมาจากด้านหลัง ยกมือขึ้นสูง

"เสิ่นเยว่!"

"พี่เจียงเฉิง!"

เจียงเฉิงยิ้มสดใส ทำเอาเสิ่นเยว่ผู้มีแวว 'คลั่งรักคนสวย' ตั้งแต่เด็ก ถึงกับอ้าปากค้าง ตาเป็นประกายด้วยความดีใจ

เจียงเฉิงเดินเข้าไปหา เสิ่นเยว่ก็วิ่งตื๋อเข้ามา เธอรวบรวมความกล้าจับมือเจียงเฉิงไว้ พลางแอบชำเลืองมองพี่สาวคนสวย

พอเธอรู้สึกว่าเจียงเฉิงกุมมือเธอตอบแน่นขึ้น ใบหน้ากลมป๊อกก็ปรากฏลักยิ้มบุ๋มสองข้าง

เธอได้จับมือพี่สาวคนสวยอีกแล้ว!

เจียงเฉิงพอจะจับทางรสนิยมคลั่งคนสวยของเสิ่นเยว่ได้ เธอจึงยิ้มหวานที่สุด ย่อตัวลง แล้วสวมบทบาทล่อลวงเด็กทันที "น้องสาวจ๋า ให้พี่สาวซื้อขนมให้กินเอาไหมจ๊ะ?"

เสิ่นเยว่: (คำพูดของพี่สาว เหมือนคนร้ายในจดหมายของพี่ใหญ่เปี๊ยบเลย)

(แต่ว่า... คนร้ายจะหน้าตาสวยขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ?)

(จบตอน)

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel