บทที่ 5 พนักงานชั่วคราวที่สถานีรับซื้อของเก่า
เด็กสาวเพิ่งเคยโดนทักทายอย่างเป็นทางการแบบนี้เป็นครั้งแรก แก้มใสๆ ของเธอจึงแดงระเรื่อ ก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะชี้มือไปทางหนึ่ง "อ่างล้างหน้าอยู่ตรงนั้นค่ะ"
พอพูดจบ เสิ่นเยว่ก็ขยับตัวหลีกทางให้ ยืนจ้องพื้นอย่างประหม่า
เจียงเฉิงมองเสิ่นเยว่ในวัยเจ็ดขวบที่อยู่ตรงหน้า สูงราวๆ หนึ่งร้อยยี่สิบเซ็น สวมเสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน ถักเปียสองข้าง ดวงตาเรียวสวย ขนตายาวงอน แก้มป่องๆ ทำให้ทั้งตัวดูอ้วนกลมน่ารักเป็นพิเศษ
"ขอบใจนะ" เจียงเฉิงเอ่ยขอบคุณ ขอยืมอ่างล้างหน้าของบ้านเสิ่นมาล้างหน้า
ไม่รู้ว่าเสิ่นเยว่มายืนอยู่ข้างๆ เจียงเฉิงตั้งแต่เมื่อไหร่ ในมือของเธอมีผ้าขนหนูสีขาวผืนหนึ่ง เธอยืนนิ่งอย่างว่าง่าย พอเห็นเจียงเฉิงล้างหน้าเสร็จก็รีบยื่นผ้าขนหนูสีขาวให้ทันที พลางพูดรัวเร็วเพราะกลัวเจียงเฉิงจะเข้าใจผิด "ของใหม่นะคะพี่ใหญ่ส่งไปรษณีย์กลับมาให้"
"จ้ะ ขอบใจนะ" คำขอบคุณอีกครั้งของเจียงเฉิงทำให้เด็กสาวเขินอายขึ้นมาอีกรอบ
ในหัวสมองน้อยๆ ของเสิ่นเยว่กำลังคิดว่า พี่เจียงเฉิงสุภาพจังเลย ใจดีจัง
เจียงเฉิงซับน้ำบนใบหน้า ขณะที่เธอเช็ดหน้า ผมหน้าม้าที่เคยปิดหน้าปิดตาอย่างหนาเตอะก็ถูกเสยเปิดขึ้น
ปากเล็กๆ ของเสิ่นเยว่ค่อยๆ อ้าค้างเป็นรูปวงกลม ดวงตาเป็นประกายวิบวับ... พี่เจียงเฉิงสวยจังเลย!
สวยกว่า...
ใบหน้ากลมป๊อกของเสิ่นเยว่พยายามเค้นสมองคิด แต่ก็นึกไม่ออกว่าสวยกว่าอะไร สรุปก็คือ เธอรู้สึกว่าพี่เจียงเฉิงเป็นพี่สาวที่สวยที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมา
"กำลังคิดอยู่ล่ะสิว่าทำไมฉันถึงได้สวยขนาดนี้ ใช่ไหม?" เจียงเฉิงชมตัวเองอย่างหน้าตาเฉย ถือโอกาสหยอกล้อเสิ่นเยว่ตัวน้อยที่อยู่ตรงหน้า
ใบหน้าเล็กๆ ของเสิ่นเยว่ยังคงแดงก่ำ แต่เธอก็พยักหน้าอย่างจริงจัง "สวยค่ะ! สวยที่สุด! ที่สุดๆๆๆๆ สวยที่สุดเลยค่ะ!"
เสิ่นเยว่ที่ยังนึกคำคุณศัพท์อื่นไม่ออก ใช้คำว่า "ที่สุด" ถึงห้าครั้งเพื่อแสดงความเห็นด้วย
ให้เจียงเฉิงยิ้มกว้าง รอยยิ้มของเธอสดใสและดูสง่างาม เธอย่อตัวลงสบตากับเสิ่นเยว่ "ขอบใจสำหรับคำชมนะจ๊ะ เสิ่นเยว่ก็เป็นเด็กหญิงที่สุภาพน่ารักที่สุดๆๆๆๆ และน่ารักที่สุดๆๆๆๆ เท่าที่พี่เคยเจอมาเหมือนกัน"
ใบหน้าของเสิ่นเยว่แดงก่ำยิ่งกว่าเดิม เจียงเฉิงยิ้มกว้างขึ้นอีก นิ้วอดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มยุ้ยๆ ของเสิ่นเยว่เบาๆ "ทำไมช่างน่ารักขนาดนี้นะ"
เจียงเฉิงยังไม่รู้ตัวเลยว่า คำชมแบบตรงไปตรงมาของเธอในครั้งนี้ ได้ทำให้เธอได้แฟนคลับตัวยงอันดับหนึ่งไปครองเรียบร้อยแล้ว
หลังจากล้างหน้าเสร็จ เจียงเฉิงก็มานั่งที่โต๊ะอาหารพร้อมกับเสิ่นเยว่ บ้านเสิ่นคือห้องสามห้องเล็กทางขวาของปีกตะวันออก มีห้องนอนสองห้อง ส่วนตรงกลางเป็นทั้งห้องรับแขก ห้องกินข้าว และห้องครัวในตัว
ทั้งสี่คนนั่งล้อมวงกัน บนโต๊ะมีแป้งจี่ข้าวโพดวางอยู่หนึ่งชามใหญ่ กับซุปมะเขือเทศใสๆ ใส่ไข่น้อยอีกหนึ่งชามเล็ก และผักกาดดองถั่วฝักยาวที่ดองเองอีกหนึ่งจาน
คุณย่าเสิ่นเอ่ยว่า "กินข้าวเถอะ" แล้วท่านก็หยิบแป้งจี่ไปชิ้นหนึ่ง จากนั้นเสิ่นซิง พี่ชายวัยเก้าขวบก็หยิบแป้งจี่ข้าวโพดชิ้นหนึ่งใส่ลงในชามของเสิ่นเยว่
"กินข้าว! กินให้อิ่มนะ เราจะได้รีบเขียนจดหมายถึงพี่ใหญ่ เดี๋ยวฟ้าก็จะมืดแล้ว ถ้าไม่รีบเขียนจะเปลืองไฟ"
"เยว่เยว่ คิดออกรึยังว่าจะเขียนอะไร? ต้องคิดให้ดีๆ นะ ตอนเขียนจะได้ไม่เขียนผิด ถ้าเขียนผิดแล้วลบ กระดาษมันจะขาดง่าย"
"แล้วก็ต้องเขียนให้เต็มทั้งหน้าทั้งหลังเลยนะ จะได้ประหยัดเงินเยอะๆ"
"เมื่อคืนฉันคิดไว้แล้วล่ะว่าจะเขียนอะไ--- อู้อี้ๆ"
เสิ่นซิงที่กำลังพูดเจื้อยแจ้วถูกแป้งจี่ข้าวโพดยัดเข้าปากจนพูดไม่ออก
คุณย่าเสิ่นลดมือลง ไม่แม้แต่จะชายตามองเสิ่นซิง แต่หันไปพูดกับเจียงเฉิงว่า "ถ้าไม่เอาอะไรอุดปากไว้ เขาพูดคนเดียวได้เป็นชั่วโมง"
"ไม่ใช่นะครับ!" เสิ่นซิงถือแป้งจี่ข้าวโพดไว้ในมือ ทำหน้าจริงจังหันมาอธิบายกับเจียงเฉิง "วันนี้ผมต้องเขียนจดหมายถึงพี่ใหญ่ ไม่พูดเป็นชั่วโมงหรอกครับ"
เจียงเฉิงเข้าใจแล้ว เธอเพียงยิ้มบางๆ ไม่ได้ตอบอะไร ทั้งสี่คนนั่งกินข้าวกันไป โดยมีเสียงเจื้อยแจ้วอันเป็นเอกลักษณ์ของเด็กหนุ่มอย่างเสิ่นซิงดังขึ้นเป็นระยะ
หลังอาหารเย็น เจียงเฉิงอาสาล้างจานเอง คุณย่าเสิ่นก็ไม่ได้ห้ามปราม
หลังจากล้างจานเสร็จ คุณย่าเสิ่นก็ช่วยเล็มผมให้เจียงเฉิง
คุณย่าเสิ่นมองใบหน้าที่งดงามหมดจดของเจียงเฉิง พลางเตือนว่า "จะออกไปไหนก็อย่ากลับดึกล่ะ รีบกลับบ้าน"
"ค่ะ คุณย่าพูดถูกแล้ว" เจียงเฉิงไม่โต้แย้ง รับคำอย่างว่าง่าย
คุณย่าเสิ่นยิ้ม ไม่ได้พูดอะไรต่อ... คนที่สามารถทวงเงินจากบ้านหลินได้ แถมยังเตรียมหาบ้านเช่าไว้ล่วงหน้าอย่างเจียงเฉิง ไม่มีทางเป็นคนโง่แน่
เมื่อความมืดมาเยือน ขณะที่เจียงเฉิงกลับเข้าห้องไปพักผ่อน เสิ่นซิงก็กำลังยัดกระดาษจดหมายห้าแผ่นที่เขียนจนเต็มทั้งหน้าหลังลงในซอง
ประโยคแรกของจดหมายเขียนไว้ว่า พี่ใหญ่ครับ ตอนนี้มีพี่สาวคนสวยมากๆ คนหนึ่งย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านเรา เธอชื่อ เจียงเฉิง
เช้าวันรุ่งขึ้น เจียงเฉิงตื่นแต่เช้าตรู่ และอาศัยจังหวะที่ทุกคนยังไม่ทันสังเกต เดินตามหลังตู้หยุนออกไป
เช้าวันใหม่ในลานบ้านรวมเริ่มต้นขึ้นด้วยเสียงกระทบกันของเครื่องครัว
แต่ละบ้านต่างก็วุ่นวายกับการทำอาหารเช้า บ้างก็รีบไปทำงาน บ้างก็รีบไปโรงเรียน บางคนก็เพิ่งกลับมาจากกะดึก ทักทายกันไปมา ถามไถ่กันตามประสาว่า "กินข้าวรึยัง?"
พวกเด็กๆ จับกลุ่มกันสองคนบ้าง สามคนบ้าง สะพายกระเป๋านักเรียนสีเขียวสายเดี่ยว ในมือหิ้วปิ่นโตอลูมิเนียม พอออกตัววิ่งกระเป๋านักเรียนก็เหวี่ยงไปมาตามแรงดึงของสายสะพาย
ท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคัก ก็มีเสียงแม่ตะโกนด่าไล่หลังมา แต่เด็กๆ ก็หาได้สนใจไม่ พากันวิ่งออกจากประตูทางเข้าลานบ้านรวมไป
ส่วนเหล่าแม่บ้านในลานที่ไม่ต้องไปทำงาน ก็มารวมตัวกันที่ริมบ่อน้ำ ตักน้ำ ซักผ้า ล้างจาน ต่างคนต่างหิ้วม้านั่งตัวเล็กมาคนละตัว แลกเปลี่ยนข่าวสารกันคนละประโยคสองประโยค
และแน่นอนว่า หัวข้อยอดนิยมในตอนนี้ก็ยังคงเป็นเรื่องของเจียงเฉิงกับบ้านหลิน
"พวกเธอว่า... ทางการเขาจะยอมให้เจียงเฉิงมาอาศัยอยู่บ้านเสิ่นเหรอ ในเมื่อเธอก็ไม่มีงานทำ"
"นั่นสิ ตอนอยู่บ้านหลินยังอ้างว่ามาเยี่ยมญาติได้ แต่บ้านเสิ่นนี่ไม่ใช่ญาติกันสักหน่อย"
"ก็ให้ทางการเขาปวดหัวไปสิ เราจะไปยุ่งทำไม ว่าแต่เมื่อเช้าบ้านหลินตลกมากเลยล่ะ ตอนต้มผักกาดขาวจะเติมน้ำ สงสัยเทแรงไปหน่อย ผักกระเด็นออกมาหมดหม้อเลย!"
"ฮ่าๆๆๆ! ก็จริง สามปีเต็มๆ ที่ไม่เคยต้องทำงาน เผลอทำตัวเป็นคุณนายผู้ดีไปแล้ว"
ปัง! ประตูบ้านหลินถูกผลักเปิดออก หลินเจียวเจียวเดินฟึดฟัดออกมา ถลึงตาใส่กลุ่มแม่บ้านที่ริมบ่อน้ำ
เหอตานที่ยืนอยู่ข้างๆ ต้องรีบดึงแขนหลินเจียวเจียวไว้ หลินเจียวเจียวจึงละสายตาแล้วเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับเหอตาน
กลุ่มแม่บ้านริมบ่อน้ำเบ้ปาก แล้วก็เริ่มพูดคุยกันต่อ แถมยังจงใจพูดเสียงดังขึ้นกว่าเดิมด้วย
ในเวลาเดียวกัน เจียงเฉิงก็เดินตามตู้หยุนมาถึงสถานีรับซื้อของเก่าในตัวเมือง
ป้ายพื้นขาวอักษรแดงถูกแขวนไว้ในแนวตั้งบนกำแพงอิฐแดงหน้าประตู พอเดินเข้าไป ข้างในก็มีคุณลุงอยู่หลายคน แต่บรรยากาศกลับไม่ได้รกรุงรังหรือเปิดให้เลือกของได้ตามใจชอบเหมือนในนิยายเสียงที่เธอเคยฟัง
เจียงเฉิงเดินตามหลังตู้หยุน ตรงไปที่ห้องทำงานของหัวหน้าสถานีรับซื้อของเก่าทันที
หลังจากตู้หยุนอธิบายสถานการณ์ หัวหน้าที่นั่งอยู่ก็ไม่ได้ทำให้ลำบากใจอะไร เขาขอดูจดหมายแนะนำตัวและเอกสารยืนยันตัวตนของเจียงเฉิง จากนั้นก็ทำเรื่องให้ทั้งคู่เป็นพนักงานชั่วคราว
"ตู้หยุน อธิบายงานให้เธอเข้าใจให้ชัดเจนด้วยล่ะ"
"หัวหน้าวางใจได้เลยค่ะ ฉันจะอธิบายให้เคลียร์ทุกอย่างแน่นอน"
ตู้หยุนพาเจียงเฉิงซึ่งยืนเงียบๆ ไม่ได้พยายามแสดงตัวตนอะไรเป็นพิเศษ ออกไปข้างนอก
"ฉันรับผิดชอบงานฝ่ายลงทะเบียน ของที่ถูกส่งมาจะมีคนคัดแยกทั้งหมดสี่คนนะ ส่วนฉันกับพี่หวังจะรับผิดชอบเรื่องการลงทะเบียนของ"
เจียงเฉิงตั้งใจฟัง เดินตามตู้หยุนเข้าไปในลานด้านหลังของสถานี ได้พบกับพี่ชายสี่คนที่รับผิดชอบงานคัดแยก และพี่หวัง ซึ่งเป็นคนลงทะเบียนอีกคน
หลังจากทักทายกันพอเป็นพิธี เจียงเฉิงก็เดินตามตู้หยุนไปเรียนรู้งาน
สถานีรับซื้อของเก่าตรงหน้านี้ มีการจัดการที่เป็นระบบอย่างมาก กระบวนการทำงานเป็นขั้นเป็นตอน และการจัดสรรก็เป็นระเบียบ
เมื่อเทียบกับที่นี่แล้ว การคัดแยกขยะในยุคที่เธอจากมายังเทียบไม่ติด
ประเภทของที่รับซื้อกลับมานั้น ถูกแบ่งย่อยละเอียดจนน่าตกตะลึง!
ขนไก่ ขนเป็ด หลอดยาสีฟัน กระดูกสัตว์ กระดองตะพาบ เปลือกส้ม เศษแก้ว นุ่นเก่าๆ เส้นผม และอื่นๆ อีกมากมาย มีแต่ของที่คุณคิดไม่ถึง ไม่มีของที่พวกเขาไม่รับ
นี่ยังไม่จบแค่นั้น แม้แต่ขนไก่กับขนเป็ดก็ยังต้องถูกแบ่งย่อยลงไปอีก!
ไม่ว่าจะเป็น ขนไก่สีขาวละเอียด ขนอ่อนเป็ดขนาดใหญ่ ขนอ่อนเป็ดขนาดเล็ก และอื่นๆ
เมื่อเห็นดังนี้ เจียงเฉิงก็มีความคิดเพียงอย่างเดียว การ 'จะเจอของดีๆ' เหมือนในนิยาย... มันยากยิ่งกว่าการปีนขึ้นสวรรค์เสียอีก!
(จบตอน)
