ภรรยาท่านรอง 4 ตลอดชีวิต
และเมื่อวิวาห์กลับเข้ามานั่งในรถท่านรองของเธอก็วางสายพอดี แล้วยังวางท่านิ่งขรึมตามเคย ภายในรถเงียบกริบไม่ต่างจากเวลาอยู่ในห้องทำงาน
เงียบจนมาถึงบริษัท สายตาพนักงานหลายคนเริ่มจับสังเกตทันทีที่เห็นเลขาสาวมาพร้อมท่านรองประธาน ทว่าสายตาพวกนั้นไม่ได้มีค่าสำหรับท่านรองประธาน
@ห้องทำงานท่านรอง
“คุณตกลงรับข้อเสนอของผมใช่มั้ย” ท่านรองวรวิทย์เอ่ยถามในจังหวะที่เลขาสาววางแก้วกาแฟลงที่โต๊ะทำงานให้ท่าน
“ค่ะ วารับข้อเสนอท่านรอง” โกหกแม่ไปขนาดนั้นแล้วไม่รับได้เหรอ แม่จับได้ว่าโกหกวาได้แต่งกับใครก็ไม่รู้อีก
“นี่ใครไปรับลูกคุณ”
“แม่กับพ่อของวาค่ะ”
“วันนี้ผมต้องทำอะไรบ้าง ผมมีเวลาถึงเที่ยง ตารางหลังจากนั้นเลื่อนให้หมด”
“แล้วนัดของแม่วา…” ท่านรองพูดแบบนี้หมายความว่ามีนัด แบบนี้เขาลืมนัดของแม่ไหม ถ้าลืมแย่แน่ ท่านรองรับปากแม่ไปแล้วนะคะ แม่ยังจ้องจับพิรุธอยู่ด้วย
“ผมจะกลับบ้านแม่ คุยเรื่องงานแต่งของเรา คุณก็ไปด้วย”
“ฮะ! อะไรนะคะ”
“บางทีคุณควรเช็กประสาทหูบ้าง” นั่นไง เอาอีกแล้ว
“…”
“ถ้าคุณจำเรื่องที่ผมเสนอเมื่อวานได้คุณจะไม่ยืนงงและคงรีบไปจัดการงานต่าง ๆ ตามตาราง”
‘แต่งงานกับผม’
“ค่ะ วาเข้าใจแล้วค่ะท่านรอง” เลขาสาวยิ้มเจื่อนและเดินออกจากห้องไป ท่านรองประธานมองตามก่อนจะทอดถอนใจด้วยความเครียด มือล้วงสมาร์ตโฟนขึ้นมาดูภาพพักหน้าจอ ยังคงเป็นรูปคู่รักวัยรุ่นเมื่อ 20 กว่าปีที่ผ่านมา
“พี่รักนุ่มนะ รักนุ่มคนเดียว” ยิ่งได้กลับมาใกล้ชิด หัวใจที่พยายามปิดไว้ยิ่งคุกรุ่น เขารู้ว่าผิด รู้ว่าควรจบความรู้สึก เป็นพระยังพอให้ธรรมะยับยั้ง แต่เป็นคนปกติที่มีรักโลภโกรธหลง มันช่างยากเย็นเพราะต้องอยู่ใกล้กัน ต้องเจอหน้า ได้พูดคุย
บวชมายี่สิบปีก็ไม่ช่วยอะไร
แต่ก็ไม่คิดจะแย่งเธอคนนั้นกลับคืนมา
เวลา 12.00 น.
“ท่านรองยังไม่ได้ทานข้าว แวะทานก่อนมั้ยคะ” เลขาสาวถามระหว่างเดินมาที่รถ ตั้งแต่รู้ว่าจะไปหาแม่ท่านรอง ซึ่งเป็นท่านประธานวิวาห์ก็เกร็ง ทำงานไม่มีสมาธิมาครึ่งค่อนวัน
“ไม่” เพราะเขาจะกลับไปกินที่บ้าน มีคนรอเขาอยู่
“ค่ะ”
“คุณทนไหวหรือเปล่า?” เขาลืมไปเลยว่าคนละกระเพาะ
“ทนอะไรคะ” วาทำงานกับท่านรองมาได้ขนาดนี้เท่ากับทนมากแล้วนะคะ คงไม่มีใครทนคุณได้เท่าวาแล้วค่ะ
“หิว”
“อ้อ ทนได้ค่ะ วาก็ไม่ได้หิวอะไรมาก” แค่อยากยื้อเวลาเจอท่านประธานเท่านั้น
“อืม” ถ้าเธอบอกทนได้ก็คงจะทนได้
“วาขอถามได้มั้ยคะ” รวบรวมความกล้าเป็นอย่างมากเลยนะกว่าจะพูดคำพวกนี้ได้
“อืม”
“เราจะแต่งงานกันนานเท่าไหร่คะ” แบบในละคร ในซีรีส์ ในนิยายไง ที่ว่าคุณต้องแต่งงานกับผมตามสัญญาว่าจ้างหนึ่งปี สองปี สามปี เท่าไหร่ก็ว่ากันไป
เธอถามเพราะจะได้ทำใจยอมรับ
“ตลอดไป”
“ฮะ!” อันนี้ทำใจไม่ได้แน่นอน
“คุณวา…” ท่านรองหันมาทำหน้าเอือมทันทีที่เธอแผดเสียง
“ขอ ขอโทษค่ะ” ตลอดไปงั้นเหรอ แบบนี้วาจะทำใจได้ไง
“หลังจากที่แต่งงานกันแล้ว คุณไปอยู่คอนโดของผม”
“ฮะ! ไหนว่าไม่นอนกับวาไงคะ” หน้าแตกตื่นของเลขาสาวทำให้ชอปเปอร์เหนื่อยใจ นี่เลือกถูกคนจริงหรือเปล่าวะ
ทำไมดูจะวุ่นวาย
“ช่วงนี้ผมอยู่บ้านเพื่อน และผมไม่คิดจะทำอะไรคุณแน่ ๆ”
“อ่อ ค่ะ วาก็นึกว่า…”
“คุณวา ผมจะพูดชัด ๆ อีกครั้งนะครับ”
“ค่ะ”
“เราแต่งงานกันแค่ในนาม”
“ค่ะวาทราบ”
“หัวใจผมมีเจ้าของ ผมไม่มีทางรักคุณ”
“วาไม่ได้อยากได้หัวใจคุณค่ะ” จะบอกวาทำไมคะ หลงตัวเองหรือเปล่า คิดว่าวาจะตกหลุมรักหรือไงคะ คนเย็นชาแบบท่านรองวาจินตนาการภาพแสดงความรักที่มีต่ออีกฝ่ายไม่ออกเลยค่ะ
“นั่นแหละเหตุผลที่คุณเหมาะจะเป็นภรรยาของผม ผมให้คุณได้ทุกอย่างยกเว้นความรัก”
“ค่ะ” หันหน้าไปยิ้มให้ท่านรองหนึ่งที วาเองก็ไม่คิดจะรักท่านรองค่ะ ความรักของท่านรองวาไม่ต้องการ
“หวังว่าคุณจะเข้าใจที่ผมพูด”
“คะ?” รอบนี้เธอทำหน้างง อะไรกัน ยิ่งใกล้ชิดยิ่งคุยไม่รู้เรื่อง
“เหตุผลที่ผมเลือกคุณไง เพราะผมมั่นใจว่าคุณจะไม่รักผม คุณจะไม่วุ่นวายกับชีวิตของผม เคลียร์ชัดมั้ย”
“ชัดค่ะ ชัดแล้วค่ะท่านรอง” โอเคชัดแจ๋ว แจ่มแจ้งวาเข้าใจทุกอย่างแล้ว หรือเปล่านะ เข้าใจจริง ๆ ไหมเนี่ยวิวาห์
แต่ตลอดชีวิตมันยังไงอยู่นะ มันนานเลยนะ
