บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 วางแผนชีวิต

ถ้วยยาจีนถูกวางลงบนโต๊ะข้างเตียง ดวงตาที่เคยหมองหม่นด้วยความเหนื่อยล้าของเจ้าของห้องเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย เขามองเจียงหมิ่นด้วยแววตาที่ห่วงใย

“คิดได้ไงไปทะเลาะกับซูอี้” หลี่หมิงเหว่ยบ่นให้เธอเล็กน้อย พลางส่ายหน้า

“ก็ซูอี้ อ๋อ.. แม่นางเอกนั่นนะหรือ ก็เธอมาดูถูกฉันก่อนนี่” เธอตอบแล้วยกถ้วยยามาดม ก่อนจะจิบมันเล็กน้อยเพื่อรักษาน้ำใจสหายรัก

เจียงหมิ่นมองปฏิกิริยาของเขาแล้วรู้สึกเอ็นดู ชายหนุ่มคนนี้ดูเป็นสหายที่ซื่อตรงและจริงใจ ใบหน้าของเขาไม่มีร่องรอยของการเสแสร้งใดๆ เลยแม้แต่น้อย

“แล้วนายล่ะ ไปโผล่ที่สถานีโทรทัศน์ได้ยังไง เอาบทละครไปเสนออีกแล้วเหรอ”

“อืม ไม่ผ่านเหมือนเดิม” เขาพูดเสียงเบาด้วยความผิดหวัง

“แต่สุดท้ายสิ่งที่นายนำไปเสนอที่พวกนั้นไม่ให้ผ่าน ก็ถูกซ่งเหยาเอาไปดัดแปลงมาเขียนเป็นบทละครจนโด่งดังอยู่ดี นายควรจะร้องเรียนเรื่องพวกนี้ได้แล้วนะ” ในความทรงจำ คนขี้แพ้ที่ส่งบทละครให้สถานีโทรทัศน์ไม่เคยผ่าน แต่กลับถูกลอกพล็อตเรื่องไปเขียนใหม่ แต่เขาก็ไม่เคยโวยวาย

“แต่เขาเขียนได้ดีกว่าฉันจริงๆ ที่นา” หลี่หมิงเหว่ยเงยหน้าขึ้นมองเธออีกครั้ง คราวนี้ใบหน้าของเขาแดงก่ำกว่าเดิมชัดเจน

“เอาเถอะ หากนายอยากแพ้ต่อไปก็แล้วแต่”

ดวงตาของเขาเบิกโพลงราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขาไม่เคยเห็นเจียงหมิ่นกล้าที่จะพูดหรือคิดอะไรแบบนี้มาก่อน มันช่างแตกต่างจากเจียงหมิ่นที่เขารู้จักโดยสิ้นเชิง

“เอ่อ... เธอ... เธอสบายดีแน่นะอาหมิ่น” เขาถามเสียงอ้อมแอ้ม มือไม้ไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนดี

“ฉันเห็นเธอพูดจาแปลกๆ ตั้งแต่ในกองถ่ายแล้ว และตอนนี้ก็ด้วย”

หญิงสาวถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เธอรู้ว่าคงต้องสร้างเรื่องโกหกขึ้นมาเพื่ออธิบายเรื่องทั้งหมดนี้

“ฉัน... ฉันอาจจะเหนื่อยมากไปหน่อยน่ะ แล้วก็ไม่อยากถูกรังแกอีกต่อไปแล้ว ความอดทนของคนเรามันมีจำกัด” เธอเริ่มปั้นสีหน้าให้ดูอ่อนเพลีย เงยหน้าขึ้นสบตากับเพื่อนรัก

“ฉันขอโทษนะ ที่ทำให้นายเป็นห่วง แต่ฉันไม่อยากเป็นเจียงหมิ่นคนเดิมอีกแล้ว” เจียงหมิ่นมองเห็นแววความห่วงใยอย่างแท้จริงในดวงตาของเขา เธอตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องเริ่มแผนการของเธอ

“อาเหว่ย นายอยากเห็นบทละครของนายได้รับการยอมรับไหม” เธอเอ่ยเรียกชื่อเขาอย่างตั้งใจ คำถามของเพื่อนวัยเยาว์ทำให้หลี่หมิงเหว่ยถึงกับชะงัก

“ทำไม... ทำไมเธอถึงถามแบบนั้นล่ะ บทละครของฉัน... ไม่มีใครสนใจหรอก” เขาก้มหน้าลงมองพื้นอย่างอ่อนแรง

“ไม่จริงหรอก” เจียงหมิ่นตอบอย่างหนักแน่น เธอยื่นมือออกไปจับแขนเสื้อของเขาเบาๆ เพื่อให้เขารู้สึกถึงความจริงใจของเธอ

“ฉันเชื่อในความสามารถของนาย เพียงแต่นายต้องเปลี่ยนวิธีคิด” หลี่หมิงเหว่ยเงยหน้าขึ้นมองเธอช้าๆ แววตาของเขาสะท้อนความสับสนและความหวังที่ริบหรี่ปะปนกันไป

“ฉันอยากเขียนบทละครที่ยอดเยี่ยม อยากให้มันถูกสร้างเป็นหนัง อยากให้ผู้คนจดจำ แต่มันก็เป็นแค่ความฝันลมๆ แล้งๆ เท่านั้นแหละ” เสียงของเขาแผ่วลงในตอนท้าย

“ไม่ใช่ความฝันลมๆ แล้งๆ หรอก” เจียงหมิ่นกระชับมือที่จับแขนเสื้อเขาเบาๆ เธอจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและเปี่ยมด้วยพลังที่หลี่หมิงเหว่ยไม่เคยเห็นมาก่อน

“ฉันจะช่วยทำให้ความฝันของนายเป็นจริง”

“เธอ... เธอหมายความว่ายังไง”

“ฉันจะบอกบทละครให้นายเป็นคนเขียน ส่วนฉันจะแสดงให้มันโด่งดัง” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยว

“เราจะร่วมมือกัน นายจะเป็นนักเขียนบทชื่อดัง และฉันจะเป็นนักแสดงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนี้”

ดวงตาของหลี่หมิงเหว่ยเบิกกว้างขึ้นอีกครั้ง เขาจ้องมองเจียงหมิ่นที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งตอนนี้ดูราวกับเป็นคนละคนกับที่เขารู้จัก

แววตาของเธอไม่ได้อ่อนไหวหรือสิ้นหวัง เป็นคนที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ เหมือนเดิมอีกแล้ว แต่เต็มไปด้วยประกายของความแข็งแกร่งและความมุ่งมั่น

“เธอ... เธอแน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นไข้” เขาเอ่ยถามเสียงสั่นๆ ด้วยความไม่แน่ใจ พลางยกมือขึ้นแตะหน้าผากเธอเบาๆ เจียงหมิ่นยิ้มกว้าง เธอรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงของเธอจะต้องทำให้เขาตกใจ แต่ก็เป็นเรื่องดีที่จะทำให้เขาเชื่อในตัวเธอ

“ฉันสบายดี” เธอตอบ พลางลดมือของเขาลงจากหน้าผากของเธอ

“ฉันจริงจังอาเหว่ย นี่คือโอกาสของเราทั้งสองคนที่จะเปลี่ยนชะตาชีวิต นายจะยอมให้โอกาสนี้หลุดลอยไปเหรอ”

คำพูดของเจียงหมิ่นทำให้หลี่หมิงเหว่ยตกอยู่ในภวังค์แห่งความคิด เขามองใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของหญิงสาวตรงหน้า แววตาที่เคยหม่นหมองของเขากลับปรากฏประกายบางอย่างที่จุดขึ้นมา

“แต่เธอ... เธอเนี่ยนะจะบอกบทให้ฉันเขียน” น้ำเสียงของหลี่หมิงเหว่ยยังคงแฝงความไม่มั่นใจ

“ใช่” เธอตอบอย่างหนักแน่น เว้นช่วงไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยวขึ้น

“สิ่งที่ฉันต้องการตอนนี้คือการ เปลี่ยนชะตาชีวิตของตัวเอง ฉันจะสร้างชื่อเสียงให้เจียงหมิ่นเป็นที่จดจำ ไม่ใช่แค่ในฐานะนักแสดงตัวประกอบไร้ค่า แต่เป็นนักแสดงที่ทุกคนต้องยอมรับ และนายคือคนที่ฉันเชื่อว่าจะสามารถร่วมทางไปกับฉันได้” เธอตอบพลาง

หลี่หมิงเหว่ยจ้องมองเธออย่างพิจารณา สีหน้าของเขายังคงสับสนปนลังเล แต่ในใจก็เริ่มมีความหวังริบหรี่ผุดขึ้นมา เขาอยากจะเชื่อเธอเหลือเกิน แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าจะต้องผิดหวังอีกครั้ง

“ถ้าอย่างนั้น...” หลี่หมิงเหว่ยเอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว แต่แววตาของเขากลับฉายความมุ่งมั่นที่ไม่เคยมีมาก่อน

“ถ้าเธออยากจะเปลี่ยนชะตาชีวิตของเธอจริงๆ และช่วยดันบทละครให้ฉัน เราจะต้องฝ่าด่านเส้นสายอย่างซ่งเหยาไปให้ได้ บทละครดีแค่ไหนฉันก็คงไม่ผ่าน แล้วถูกเขาเอาไปอยู่ดี”

“จริงด้วย งั้น ฉันมีความคิดใหม่” เธอพูดพลางมองไปยังเครื่องพิมพ์ดีดของเขา ที่อุตส่าห์เก็บเงินซื้อกว่าจะได้มันมา

“อะไร” เขาถามแล้วกะพริบตาปริบๆ จริตออกสาวหน่อยๆ ต่อหน้าสหายรักโดยไม่ปิดบังตัวตน

“นายพิมพ์เป็นนิยายออกวางขาย ถ้านิยายของนายได้รับการตีพิมพ์และมียอดขายที่สูง เชื่อเถอะว่าต้องมีคนมาติดต่อขอซื้อไปทำเป็นละคร นายไม่ต้องลำบากเขียนบทละครส่งสถานีโทรทัศน์อีกต่อไป แต่งหนังสือนิยายขายดีกว่า” เจียงหมิ่นรีบออกความเห็น

“นิยายหรือ แต่รัฐบาลไม่สนับสนุนนิยายรักที่มีฉากโรแมนติก เน้นให้เขียนแต่แนวรักชาติ หนังสือฉันจะขายได้เหรอ” เขาถามอย่างเป็นกังวล เพราะว่าบทละครนั้นสามารถกล่าวถึงได้

สถานีโทรทัศน์มีข้ออ้างว่าพัฒนาอุตสาหกรรมละครและภาพยนตร์ให้เข้าสู่ระดับนานาชาติ แต่ในนิยายที่ขายภายในประเทศ การมีฉากวาบหวิวแค่กอดจูบกันก็มีข้อจำกัดอยู่มาก

“แนวรักใคร่เขียนไม่ได้ งั้นก็เขียนแนว ‘ฉันคือประธานบริษัท’ รับรองเลยว่าขายดีเชียวล่ะ”

“แนวฉันคือประธานบริษัทเหรอ มันคืออะไร ฉันไม่เห็นเคยได้ยิน” เขาถามพลางเลิกคิ้วสูง ไม่รู้ว่าสหายวัยเยาว์คนนี้ไปเอาความคิดแปลกๆ เหล่านี้มาจากไหน

“ยกตัวอย่างเช่น พระเอกร่ำรวยมาก แต่เพราะมีแต่คนเข้าหาเพราะความร่ำรวยจึงปลอมตัวเพื่อตามหารักแท้ เป็นพนักงานระดับล่างในบริษัทของตนเอง ถูกคนอื่นดูถูก ยกเว้นนางเอกที่ไม่เคยดูถูกและเลือกรักเขาในสถานะที่ยากจน ระหว่างนั้นก็มีการกลั่นแกล้งพระเอกนางเอกสารพัดจากคนในบริษัท จนสุดท้ายก็มาเฉลยว่าพระเอกนั่นแหละคือเจ้านายของพวกเขา ไม่เน้นฉากรัก แต่เน้นฉากการกลั่นแกล้ง และการเอาคืนแบบกรรมตามสนอง” หญิงสาวอธิบายอย่างไหลลื่น

หลี่หมิงเหว่ยอ้าปากค้าง สิ่งที่เธอพูดมานั้นเป็นความคิดที่ไม่เลวเลยทีเดียว

“จริงสิ อีกแนวหนึ่ง แนวย้อนเวลา” เธอนึกได้ถึงนิยายในยุคปัจจุบัน

“พระเอกในยุคปัจจุบันตายแล้วเกิดใหม่ในยุคโบราณ ใช้ความรู้ในยุคปัจจุบันทำการค้าจนร่ำรวย แนวเหนือธรรมชาติแบบนี้ น่าตื่นเต้น และน่าจะเรียกความสนใจจากคนอ่านได้ไม่น้อย”

“เธอนี่มันสุดยอดเลยจริงๆ ฉันจะเริ่มลงมือเขียนเลย ขนาดแค่ฟังเธอเล่าฉันยังชอบเลย”

“และถึงตอนนั้น นายต้องดันฉันเป็นนักแสดงด้วยนะ”

“ได้สิ ไม่มีปัญหา เพื่อนรักของฉัน” หลี่หมิงเหว่ยพูดด้วยความดีใจ แสงแห่งความหวังของเขาเริ่มสว่างขึ้นอีกครั้ง

************************
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel