บทที่ 2
กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของไอแดดลอยคลุ้งอยู่รอบตัว ความรู้สึกนุ่มนวลจากผ้าปูที่นอนแพรไหมทำให้วิเวียนค่อย ๆ รู้สึกตัว ดวงตาคู่สวยกระพริบช้า ๆ ท่ามกลางความพร่าเลือน ราวกับกำลังฝัน แต่ยิ่งพยายามลืมตาความจริงที่เห็นก็ยิ่งทำให้เธอหนาวสะท้าน
สิ่งแรกที่ปรากฏแก่สายตาคือเพดานสูงโปร่งประดับด้วยโคมไฟระย้า ที่ส่องแสงระยิบระยับอย่างหรูหราและแปลกตา ไม่ใช่เพดานคอนโดที่เธอจำได้ ไม่ใช่ห้องเล็ก ๆ ในเมืองใหญ่ แต่เป็นสถานที่แปลกตาราวกับฉากในละคร
“ที่นี่…ที่ไหน?”
เสียงวิเวียนแหบพร่าเบาเหมือนกระซิบ ใบหน้าสวยมึนงงกับภาพเบื้องหน้าไม่น้อย มือเรียวค่อย ๆ ลูบตามร่างกายตัวเอง จู่ ๆ ความรู้สึกไม่คุ้นเคยแล่นเข้ามาทันที นิ้วเรียวที่เคยมีรอยแผลเป็นเล็ก ๆ จากการทำอาหารล้วนหายไปหมด ผิวพรรณเนียนละเอียดราวกับผ่านการบำรุงมาอย่างดี เธอลุกขึ้นนั่ง หัวใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ฉันจำได้ว่า...” เธอยกมือขึ้นแตะใบหน้าตัวเอง ลูบแก้มอย่างไม่เชื่อสายตา ร่างกายยังอุ่น มีชีพจร มีลมหายใจ ทุกอย่างเหมือนจริงเกินกว่าจะเป็นความฝัน
วิเวียนพยายามนึกถึงสิ่งสุดท้ายที่เกิดขึ้น ก่อนที่ภาพร่างตัวเองที่ตกจากชั้นยี่สิบสองยังชัดเจนอยู่ในหัวใจ ความเจ็บปวด ความสิ้นหวัง และความมืดมิด
นี่เธอ…ยังไม่ตายงั้นเหรอ…หรือว่านี่คือฝันกัน?
ทันใดนั้น เหมือนมีบางอย่างไหลบ่าเข้ามาในหัว ภาพจำซ้อนทับกันเป็นระลอก ๆ เธอเห็นได้ยินเสียงคนหัวเราะเยาะ เห็นตัวเองในร่างเซเรน่าถูกประจาน ถูกหย่าอย่างอัปยศ และถูกยิงจนต้องจบชีวิตลงด้วยความโดดเดี่ยว
“ไม่…”
เธอกุมขมับแน่น ภาพเหล่านั้นเหมือนฟิล์มหนังที่ฉายรวดเร็วในหัว ความเจ็บปวด ความอับอาย ความแค้น ทั้งหมดเป็นของ เซเรน่า และตอนนี้กำลังกลายเป็นความทรงจำของเธอ
“ฉัน…ฉันเข้ามาอยู่ในร่างของเซเรน่าจริง ๆ ”
ร่างของ เซเรน่า ลูกสาวคนเล็กตระกูลนักธุรกิจพันล้าน ภรรยาตามกฎหมายของภาคิน เธอผู้หญิงที่คนทั้งวงการเรียกว่า ‘คุณหนูร้ายกาจผู้เอาแต่ใจ’ หรือนางร้ายในนิยายที่เธอเคยอ่านก่อนเสียชีวิต ตัวละครที่เธอจำได้ว่ามีจุดจบอันแสนเศร้า ถูกสามีหย่ากลางงานเลี้ยง โดนประณามอย่างน่าสมเพช และสุดท้ายก็ต้องจบชีวิตลงด้วยฝีมือคนที่เธอรักที่สุด
ครืด
ทันใดนั้นเสียงประตูห้องถูกผลักออก ก่อนหญิงสาวในชุดแม่บ้านจะก้าวเข้ามาด้วยท่าทีรีบร้อน พอเห็นวารินนั่งลืมตาอยู่บนเตียง ใบหน้าของอีกฝ่ายก็ปรากฏร่องรอยตกใจ
“คุณเซเรน่า! ฟื้นแล้วเหรอคะ? เมื่อเช้าคุณเป็นลม ดิฉันตกใจหมดเลยค่ะ” แม่บ้านรีบก้มหัวทันทีเมื่อเห็นเธอ เกรงว่าหากเผลอไปสบเข้ากับดวงตาคู่สวยนั้น เธอจะโดนตบอีกเช่นทุกวัน
วิเวียนหรือเซเรน่าในตอนนี้ชะงัก พลางกะพริบตาปริบ ๆ เสียงที่เรียกชื่อนั้นย้ำเตือนอีกครั้วว่าตอนนี้เธอไม่ใช่วิเวียนอีกต่อไปแล้ว
“เอ่อ…ฉัน…” เธอพยายามจะตอบ แต่เสียงตัวเองกลับแปลกหูจนไม่คุ้นชิน
“คุณเซเรน่าอย่าลุกเร็วสิคะ คุณพึ่งฟื้นนะคะ” แม่บ้านรีบเดินเข้ามาพยุง เจือแปลกใจเมื่อเห็นท่าทีมึนงงและเรียบร้อยเกินกว่าจะเป็นคุณหนูร้ายกาจที่เธอคุ้นชิน
“ไม่เป็นไร ฉัน…ดีขึ้นแล้ว”
เซเรน่าหันไปมองกระจกอีกครั้ง จับจ้องใบหน้าที่สะท้อนกลับมาหญิงสาวงดงามในวัยยี่สิบต้น ๆ ดวงตาสีน้ำตาลคมกริบ ผิวขาวซีดราวกับหิมะ ปากเล็กจิ้มลิ้ม แต่รอยยิ้มกลับมีความเย่อหยิ่งนิด ๆ ที่ทำให้คนรอบข้างเกรงกลัว
ตอนนี้ฉันกลายเป็นเซเรน่าแล้วจริง ๆ
“ฉันสลบไปงั้นเหรอ”
“เมื่อเช้าคุณเซเรน่าเป็นลมไปตอนคุยกับคุณผู้ชายค่ะ ดิฉันเลยพาขึ้นมาพัก พอดีคุณผู้ชายมีประชุมเช้า เลยให้ดิฉันมาดูแลแทน”
“งั้นเหรอ ขอบใจเธอมากนะ”
ไอ้หมอนี่! นี่เขาไม่แม้แต่จะขึ้นมาดูอาการของภรรยาตัวเองเลยงั้นเหรอ!
เซเรน่ากำลังก่นด่าภาคิน หรือ ชายหนุ่มมาเฟียผู้เย็นชา พระเอกของนิยายเรื่อง คนที่ขึ้นชื่อว่าคลั่งรักนางเอก และเกลียดนางร้ายอย่างเธอมาก แต่ทว่าจำใจต้องแต่งงานกับเธอ เพียงเพราะธุรกิจคำสั่งของพ่อของเขา
ให้ตายสิเซเรน่า เธอไปตกหลุมรักไอ้คนไร้หัวใจนี่ได้ยังไงนะ
“คุณผู้ชายบอกว่าไม่จำเป็นต้องมาดูแลคุณเซเรน่าด้วยตัวเอง เพราะเป็นเรื่องเล็กน้อย แล้วก็ให้ดิฉันมาบอกว่า เมื่อทานยาเสร็จแล้วให้ลงไปกินข้าวเช้าที่ห้องอาหารด้านล่างด้วยค่ะ”
“อืม…เขาคงยุ่งมากสินะ ถึงไม่มีเวลามาดูภรรยาตัวเองเลย”
เซเรน่าหัวเราะในลำคอเบา ๆ เสียงหัวเราะที่ฟังดูราบเรียบต่างจากที่เคย จนทำเอาแม่บ้านสาวอึกอัก ไม่กล้าตอบ ทำได้เพียงก้มหน้าเงียบพร้อมความรู้สึกหลากหลายผุดขึ้นภายในใจ นับตั้งแต่หญิงสาวตื่นขึ้นมา เธอรู้สึกว่าอีกฝ่ายราวกับคนละคน รวมถึงท่าทางและลักษณะคำพูด ต่างออกไปราวกับผีสิง
“ช่างเขาเถอะ” เธอเดินไปนั่งที่ขอบเตียง แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นสนามหญ้ากว้างและน้ำพุหินอ่อนกลางสวนใหญ่
“...” แม่บ้านสาวยังคงก้มหน้าเงียบ ไม่กล้าแม้แต่ขยับตัว เกรงว่าหากเธอทำอะไรให้คุณหนูตรงหน้าไม่พอใจ เซเรน่าจะอาละอาดจนทะเลาะกับภาคินเหมือนเมื่อเช้าก่อนที่เธอจะสลบไป
“บอกฉันหน่อยสิ ฉันกับเขา เราแต่งงานกันมากี่ปีแล้ว” เซเรน่าถามเสียงเรียบ
“ปีกว่า ๆ แล้วค่ะ” หญิงสาวชะงักอย่างประหลาดใจครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบ
“แล้วเรายังอยู่บ้านเดียวกันแบบนี้ตลอดเหรอ?”
“แต่…คุณผู้ชายพักอีกห้องค่ะ” หญิงสาวพยักหน้า ก่อนเอ่ยต่อ “ไม่เคยนอนเตียงเดียวกับคุณเซเรน่า”
“อืม ฉันเข้าใจแล้ว”
เซเรน่าถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อรู้ว่าเธอไม่ต้องอยู่ร่วมห้องกับเขา หญิงสาวเอื้อมมือไปหยิบแก้วชาที่เตรียมไว้ กลิ่นหอมของชาอุ่น ๆ ลอยขึ้นแตะจมูก เธอยกจิบเบา ๆ แล้ววางลง
“ขอบใจนะ เธอวางยาไว้ตรงนี้เถอะ เดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการเอง”
“ค่ะ ถ้าคุณเซเรน่าต้องการอะไรเรียกดิฉันได้เลยนะคะ”
เมื่อแม่บ้านสาวเดินจากไป ความเงียบก็ปกคลุมอีกครั้ง เซเรน่าหันกลับไปมองเงาในกระจกอีกครั้ง ดวงตาคู่นั้นยังคงงดงามและเย็นชา แต่ภายในกลับมีความดื้อรั้นซ่อนอยู่
“เซเรน่า ฉันยกย่องกับความรักของเธอที่มีต่อภาคินจริง ๆ รักจนยอมทำทุกอย่าง...แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องตายด้วยมือของเขา” เสียงหวานเต็มไปด้วยความสงสาร ไม่คิดว่าความรักจะสร้างปีศาจขึ้นมาภายในใจของหญิงสาวได้
“ถ้าชะตากำหนดให้ฉันต้องเป็นนางร้าย งั้นฉันก็จะเป็นนางร้ายที่เขียนเรื่องราวของตัวเองขึ้นใหม่ ฉันไม่มีวันนั่งรอความตายบ้า ๆ นั่นแน่”
เธอพูดกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้น เปิดม่านออกจนแสงแดดอาบทั่วห้อง บรรยากาศอุ่นขึ้นเล็กน้อย แต่ภายในใจของเธอเริ่มเย็นเฉียบ เซเรน่าพร้อมจะเริ่มต้นใหม่ในร่างนี้ แทนที่จะเห็นนางร้ายผู้เดินเส้นทางผิดจนมีตอนจบเป็นความตายอันน่าสมเพช
