ตอนที่ 12 สามีภรรยาปรับความเข้าใจ
“เชื่อสิครับ ก็คุณคือภรรยาคนเดียวของผม”และตอนนี้ชีวิตชายพิการเช่นเขาก็มีเพียงเธอเท่านั้น ซ้ำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเย็นยิ่งตอกย้ำความรู้สึกของภรรยาที่มีต่อเขาอย่างชัดเจน
แม้เธอไม่เคยพูดออกมาว่ารักสามีอย่างเขาหรือไม่ แต่ไหล่เล็กที่พยายามปกป้องเขาในตอนนั้น รวมถึงท่าทีเอาเรื่องกับคนคิดร้ายต่อสามีของเธอก็ทำให้เขารู้สึกโชคดีที่มีภรรยาเช่นจางซิ่วอิง
“แล้วเคยคิดจะหย่ากับภรรยาขี้โรคแบบฉันหรือเปล่าคะ?”เธอถามออกไปตามตรง ในขณะที่มือยังคงแกะผ้าพันแผลของเขาออกอย่างตั้งใจ
หยางซีห่าวอายุเพียงยี่สิบปี หากเขาสามารถรักษาแผลที่ขาหายและเดินได้ปกติ เมื่อกลับเข้ากรมอนาคตของเขาคงไปได้อีกไกล และสามารถเลือกผู้หญิงมาอยู่เคียงข้างที่ดีกว่าหญิงสาวหน้าตาขลาดเขลา แถมยังดูอมโรคแบบเธอได้
“ไม่เคย! และไม่มีวันนั้นเด็ดขาด”หยางซีห่าวปฎิเสธขึ้นในทันทีโดยไม่ต้องคิด แม้จะแต่งงานกันโดยไร้รัก แต่เขาก็ไม่เคยคิดเห็นแก่ตัวทอดทิ้งภรรยาให้เป็นหม้ายเลยสักครั้ง อีกอย่างเขาล่วงเกินเธอไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ชีวิตนี้ไม่ว่าอย่างไรจางซิ่วอิงก็จะเป็นภรรยาเพียงคนเดียวไม่เปลี่ยนแปลง
“ก็ดีค่ะ”หญิงสาวยิ้มบาง เธอรู้สึกพึงพอใจกับคำตอบและท่าทางหนักแน่นจริงจังของสามีตอนพูดประโยคนั้นไม่น้อย
เมื่อผ้าพันแผลถูกคลายออกจนหมด เผยให้เห็นแผลสดที่ยังมีเลือดไหลซึมบางจุด เนื้อบริเวณขอบค่อนข้างแห้งลงบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่แห้งสนิทดี ขนาดผ่านเวลามาสักพักแล้วยังสภาพนี้ เธอไม่อยากจินตนาการถึงตอนแรกที่ปฐมพยาบาลเลยว่าจะน่าสยดสยองเพียงใด และหยางซีห่าวคงผ่านความทรมานมาไม่น้อยเลย
จุดที่ลึกสุดของบาดแผลหากกะด้วยสายตาก็คงจะลึกถึงหนึ่งข้อนิ้วกว่า ๆ เห็นจะได้ ส่วนความยาวนั้นกินพื้นที่ตั้งแต่ส่วนน่องอ้อมมาทางส่วนหัวเข่าด้านหน้าและยาวขึ้นมาเกือบครึ่งของต้นขา ยังดีที่เขาถูกฝึกอย่างหนักร่างกายจึงมีกล้ามเนื้อแน่นทุกส่วน หากเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา แผลลึกขนาดนี้ไม่แน่ว่าคงอาจเห็นกระดูกไปแล้วก็ได้
นัยน์ตาคู่สวยร้อนผะผ่าวทันทีที่สำรวจบาดแผลอย่างละเอียด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นจากแผลตรงหน้า “คุณเจ็บมากไหมคะ?”
เสียงใสสั่นเครือเล็กน้อย หญิงสาวพยายามอดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา ดวงตาเรียวทอดมองใบหน้าของสามีนิ่ง
หยางซีห่าวไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมคำถามทั่ว ๆ ไปที่ออกมาจากปากของภรรยาถึงทำให้เขารู้สึกอุ่นซ่านในอกได้มากขนาดนี้ หรือเป็นเพราะที่ผ่านมาไม่ว่าเขาจะเหน็ดเหนื่อย หรือบาดเจ็บก็ไม่มีใครเคยถามคำถามนี้กับเขากัน
และเมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่เรียวที่มีหยดน้ำตาคลอหน่วยของภรรยาก็รับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่เธอมีต่อเขา ริมฝีปากหยักยิ้มตอบภรรยา พลางพยักหน้าลงเล็กน้อย เพื่อให้เธอเริ่มลงมือกับแผลของเขาได้เลย “ผมทนไหวครับ”
ชายชาติทหารแม้จะเจ็บก็ต้องอดทนและผ่านไปให้ได้ไม่ใช่หรือ…
“ฉันจะเบามือที่สุดนะคะ”จางซิ่วอิงยิ้มรับ ก่อนจะหยิบแอลกอฮอล์ขึ้นมาราดลงบนบาดแผลจนทั่ว เธอเหลือบมองใบหน้าสามีที่กำลังอดทนต่อความเจ็บปวดจนใบหน้าแดงก่ำ กรอบหน้าคมเข้มนั้นมีเม็ดเหงื่อผุดพรายเต็มไปหมด
โชคดีว่าแผลของหยางซีห่าวนั้นได้รับการดูแลมาอย่างดีจากหมอในค่าย จึงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หญิงสาวจึงทำเพียงแค่ล้างให้สะอาดและทาเบตาดีนให้เขาจนทั่ว จากนั้นจึงใช้ผ้าสีขาวสะอาดปิดแผลไว้ แต่ไม่ได้หนาเท่าตอนแรก เพื่อให้บาดแผลไม่ชื้นจนเกินไป
“ความจริงแล้ว ตอนที่คุณไม่อยู่…ฉันตายไปแล้วครั้งหนึ่งค่ะ”เรื่องนี้นับว่าหนักใจมากทีเดียวที่จะต้องเปิดเผยให้เขารู้ในตอนนี้ แต่หญิงสาวก็อยากลองเดิมพันดูสักครั้ง อย่างไรหลังจากนี้เธอยังต้องนำของในมิติออกมาขายเรื่อย ๆ เพื่อหาเลี้ยงชีพ เธอไม่อยากต้องหาเรื่องโกหกเขาในทุกวันที่มีสิ่งของแปลกใหม่โผล่ขึ้นมาในชีวิตประจำวัน แม้จะหวั่นใจมากแต่เธอเลือกแล้ว…ที่จะบอกความจริง
ชีวิตคู่หากมีความลับต่อกันแต่แรก…ต่อไปการโกหกก็คงเกิดขึ้นเรื่อย ๆ ถึงเขาจะยอมรับไม่ได้หรือมองว่าเธอเป็นภูตผีก็คงต้องยอมรับ
แถบนี้เป็นชนบทถึงจะถูกสั่งห้ามเกี่ยวกับพิธีกรรมต่าง ๆ หรือแม้แต่การเซ่นไหว้บรรพบุรุษก็ไม่มีให้เห็น แต่ชาวชนบทส่วนมากยังคงมีความเชื่อเรื่องภูตผีอยู่มากทีเดียว ถ้าหากสามีมองว่าเธอเป็นผีสางขึ้นมาแล้วยอมรับไม่ได้ขึ้นมา เธออาจจะถูกจับไปถ่วงน้ำได้ในไม่ช้า
เมื่อเห็นว่าสามียังคงนิ่งฟังอย่างตั้งใจ เธอจึงเล่าต่อในทันที
“ตอนนั้นวิญญาณของฉันล่องลอยจนไปพบกับคุณยายใจดี ท่านให้มิติที่มีสินค้าจากอนาคตอย่างไม่จำกัด ทั้งยังทำแบบนี้ได้ด้วย และคุณยายก็ให้ฉันกลับมาเกิดอีกครั้ง”ไม่พูดเปล่าทว่าหญิงสาวหยิบกล่องยาขึ้นมาวางไว้บนฝ่ามือ ก่อนจะทำให้มันหายไปในอากาศภายในชั่วพริบตาเท่านั้น จากนั้นจึงเรียกแอปเปิ้ลลูกใหญ่สดใหม่น่าทานออกมาแล้ววงลงบนมือหนาของสามี
จางซิ่วอิงเลือกโกหกในบางส่วนเพื่อให้สามีเข้าใจง่ายขึ้น อีกอย่างเธอก็รู้สึกหวั่นใจอยู่ไม่น้อย หากรู้ว่าภรรยาของเขาคือวิญญาณจากอนาคตมาสิงร่าง ไม่รู้ว่าสามีจะยังรับได้อยู่หรือไม่ แต่ในส่วนของมิติอย่างไรเธอก็ต้องบอก เพราะหากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทุกวัน วันหนึ่งเขาก็ต้องรู้อยู่ดี ซึ่งหากเก็บไว้มีแต่จะทำให้เธอเองรู้สึกอึดอัดเปล่า ๆ
“…”กล่องยาที่หายไปในอากาศอย่างรวดเร็วนั้น จากนั้นก็มีแอปเปิ้ลผลใหญ่กว่ากำปั้นของเขาโผล่ขึ้นมาบนมือของภรรยา และเธอก็วางมันลงบนมือของเขา สิ่งเหล่านี้ทำให้นัยน์ตาคมตื่นตะลึงจนอ้าปากหวอโดยไม่รักษาท่าทีนิ่งขรึมอย่างที่ชอบทำ เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าบนโลกมีสิ่งนี้ และนี่คือครั้งแรกที่เขาได้เห็นมันเต็มสองตาเช่นนี้
เมื่อเห็นสามีสติหลุดไปแล้ว ก้อนเนื้อในอกพลันบีบรัดรุนแรง ก่อนไหล่บางจะค่อย ๆ ลู่ลงพร้อมกับขอบตาแดงก่ำเริ่มมีหยาดน้ำตาคลอหน่วยและร่วงไหลอาบแก้มในที่สุด “ถ้าคุณกลัว คุณจะหย่ากับฉะ…”
“ผมขอโทษ…เพราะผมที่ทิ้งคุณให้โดดเดี่ยว นอนป่วยอยู่ในบ้านเพียงลำพัง ผมเป็นสามีที่แย่มากจริง ๆ”เขายอมรับว่าตกใจกับสิ่งตรงหน้า แต่กลับรู้สึกเสียใจมากกว่าที่เขาเป็นสามีไม่เอาไหนได้ขนาดนี้ ถ้าหากว่าภรรยาเขาไม่ได้รับโอกาสให้ฟื้นขึ้นมา เธอคงนอนสิ้นใจอยู่ภายในบ้านหลังนี้เพียงลำพัง และเขาเชื่อว่าคงไม่มีใครเข้ามาดูเธอในตอนนั้นอย่างแน่นอน กว่าเขาจะกลับมาเจอก็คงเป็นอีกสามเดือนต่อจากนี้
“คุณไม่กลัวที่ฉันเป็นแบบนี้เหรอคะ?”คิ้วคู่เรียวขมวดเข้าหากัน เอ่ยปากถามสามีออกมาอย่างนึกแปลกใจ
เห็นสีหน้าภรรยาแล้วใบหน้าหล่อเหลาจึงระบายยิ้มอบอุ่น ก่อนจะคว้ามือเรียวขึ้นมากุมไว้ แล้วสบตากับภรรยากลับไปอย่างไม่เกรงกลัว
“ผมกลัวจะไม่มีคุณมากกว่า แล้วตอนนั้นคุณคงรู้สึกโดดเดี่ยวมาก ผมขอโทษ เป็นผมที่ผิดต่อคุณ…ภรรยา”หยางซีห่าวอธิบายด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดอย่างท่วมท้น เมื่อก่อนเขายอมรับว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับภรรยามากนัก แต่ตอนนี้เมื่อเธอเล่าว่าตอนนั้นผ่านความตายมาอย่างไร กลับทำให้หัวใจแกร่งนึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“ขอบคุณนะคะ แต่คุณอย่าโทษตัวเองเลยค่ะ คุณไปทำงานหาเงินมาให้ฉันนี่คะ คุณอุตส่าห์ออกไปเสี่ยงชีวิตเพื่อฉัน ฉันจะโทษคุณได้อย่างไร”
“แต่ผม…”
เมื่อเห็นคนเป็นสามียังจมอยู่กับการคิดโทษตัวเอง จางซิ่วอิงจึงเอ่ยขัดขึ้น
“เราเริ่มต้นกันใหม่นะคะ ภรรยาคนนี้จะอยู่เคียงข้างคุณเอง”
นัยน์ตาคมเหลือบมองขาข้างที่ถูกผ้าพันไว้ ก่อนจะตอบกลับภรรยาไปอย่างเจียมตัว “แต่ผมกำลังจะเป็นชายพิการ”
ตอนนี้เขาไม่สามารถหาเงินมาจุนเจือครอบครัวได้อีกแล้ว ทั้งยังเป็นภาระให้ภรรยาต้องคอยดูแลอีกต่างหาก
“บาดแผลนี้เหรอคะ? สำหรับฉันแล้วคุณเป็นวีรบุรุษต่างหาก แล้วอีกอย่างมีฉันอยู่ทั้งคน ฉันจะไม่ยอมให้คุณพิการแน่นอน เชื่อใจฉันนะคะ”
จางซิ่วอิงพลิกฝ่ามือหงายขึ้นเป็นฝ่ายกอบกุมมือสามีไว้แทนแล้วออกแรงบีบเบา ๆ ใบหน้าสวยวาดยิ้มกว้างส่งให้คนเป็นสามี
“ขอบคุณครับภรรยา เรามาเริ่มต้นใหม่กันครับ”
กลับมาบ้านครั้งนี้แม้ขาข้างหนึ่งจะใช้การไม่ได้ แต่การที่ภรรยาเปลี่ยนไปเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นในใจมากกว่าทุกครั้งที่กลับมาเสียอีก นัยน์ตาคมมองใบหน้าของภรรยาด้วยแววตาลึกซึ้ง จางซิ่วอิงคือภรรยาและครอบครัวเพียงคนเดียวที่เขามี และเขาจะรักษาสิ่งนี้ไว้ให้ดีที่สุด
หลังจากปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว คนเป็นภรรยาจึงเก็บอุปกรณ์ทั้งกะละมังและผ้าพันแผลใช้แล้วจนเรียบร้อย ช่วยสามีลุกจากรถเข็นแล้วพยุงเขาขึ้นเตียงนอน ก่อนจะออกไปเดินตรวจตราประตูหน้าต่างอย่างเช่นทุกวัน แล้วกลับเข้าห้องนอน ว่าเมื่อเข้ามากลับเห็นสามียังคงนั่งรออยู่
“ยังไม่นอนเหรอคะ?”
“ผมรอนอนพร้อมภรรยาครับ”
จางซิ่วอิ่งยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำตอบ ก่อนจะขึ้นเตียงไปนอนเคียงข้างสามี ด้วยความรู้สึกหวานล้ำ “ฝันดีค่ะสามี”
“ฝันดีครับ ภรรยา”
