บท
ตั้งค่า

2

การทำงานในวันนี้ก็เป็นดั่งเช่นทุกๆ วัน มีปัญหา ข้อผิดพลาด แรงกดดันสารพัด และเพื่อนร่วมงานบางคน ที่เป็นมลพิษทางสภาวะทางจิตใจ

ทว่าพริกหวานกลับยิ้มรับให้กับทุกเรื่องแย่ๆ เพราะวันนี้เธอมีความสุข เกินกว่าจะไปใส่ใจถือสาปัญหาเหล่านั้น ผู้ชายที่ตัวเองแอบชอบมาตลอดระยะเวลาสองปีเข้ามาพูดคุยด้วย มันอาจดูเป็นเรื่องธรรมดา สำหรับคนอื่น แต่สำหรับพริกหวานมันคือสิ่งมหัศจรรย์ ซึ่งทำให้หัวใจพองฟูได้ทั้งวัน

จะว่าไปตั้งแต่ที่เดินเข้ารั้วบริษัทมา คิมหันต์ก็กลับมาทำตัวเป็นปกติ แม้บังเอิญเดินเจอกันระหว่างทาง เขาเพียงแค่ยิ้มให้ตามมารยาท ไม่ได้ทำตัวสนิทสนมเหมือนเมื่อช่วงเช้า การวางตัวดูแตกต่างอย่างสิ้นเชิง

แม้ไม่เข้าใจแต่พริกหวานก็ไม่ได้คิดอะไรมาก บางทีคิมหันต์อาจแยกแยะเวลา ระหว่างช่วงการทำงานกับเวลาส่วนตัวอย่างชัดเจน การเข้าใจไปเองแบบนั้น มันทำให้เธอประทับใจในตัวเขามากยิ่งขึ้น

และเมื่อเวลาเลิกงานเดินมาถึง พริกหวานกลับยังไม่ยอมกลับห้อง นั่งสังเกตอย่างเฝ้ารอว่าผู้ชายที่เธอแอบชอบ จะเดินออกมาจากตึกแผนกของเขาเมื่อไหร่

จนกระทั่งเห็นการเคลื่อนไหวของเงาที่คุ้นตา เธอจึงรีบเก็บข้าวของ และเดินดิ่งออกมานอกแผนกตัวเอง ทำเหมือนกับว่าเพิ่งเสร็จงาน และกำลังจะกลับพอดิบพอดี

เป็นจังหวะที่คิมหันต์เดินมาถึงจุดที่พริกหวานยืนอยู่ ทั้งคู่ทำเพียงแค่ยิ้มเล็กๆ ให้กันเท่านั้น ไม่มีคำทักทายใดๆ ที่ดูพิเศษ

พริกหวานแอบรู้สึกเศร้าและกังวลพอสมควร เธอทำอะไรผิดพลาด หรือเผลอแสดงออกไม่น่ารักหรือเปล่า เขาถึงได้กลับมาดูนิ่งเฉย ทั้งๆ ที่เมื่อเช้าทั้งคู่เพิ่งมีโมเมนต์หวานๆ กันไปเอง

และในระหว่างทางเดินจากบริษัทมาถึงคอนโด คิมหันต์เดินนำอยู่ข้างหน้าเสมอ ไม่มีท่าทีว่าจะหันกลับมามองหรือพูดคุยอะไรด้วย จนพริกหวานรู้สึกหมดความหวัง และเข้าใจว่าเรื่องเมื่อเช้า เป็นเพียงแค่เธอคิดไปเองฝ่ายเดียว

“หวาน”

แต่ขณะกำลังจะเปิดประตูเข้าห้อง เสียงนุ่มทุ้มที่เฝ้ารอก็ได้ดังขึ้น จากผู้ชายซึ่งกำลังยืนอยู่หน้าห้องถัดไป

พริกหวานรีบหันไปตามเสียงเรียก พร้อมรอยยิ้มแห่งความหวังกระจายเต็มอยู่บนใบหน้า เป็นคิมหันต์ที่เรียกเธออยู่จริงๆ ไม่ได้คิดไปเองแต่อย่างใด แถมตอนนี้ท่าทางเขา กลับดูเปลี่ยนไปคล้ายเมื่อช่วงเช้า

“คะ?”

ร่างสูงสาวเท้าเดินจากหน้าห้องตัวเองเข้ามาใกล้ ยกมือข้างหนึ่งเกาท้ายทอยตัวเองเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังเขินอายหรือเกิดอาการประหม่าอยู่

“ถ้าไม่รังเกียจ... คืนนี้มาทานมื้อค่ำที่ห้องคิมไหม?”

เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อกับการถูกชักชวนครั้งแรก คล้ายกับว่าคิมหันต์กำลังขอเธอเดทอยู่กลายๆ แล้วมีหรือที่พริกหวานจะตอบปฏิเสธ

“ตกลงค่ะ”

ประหนึ่งถูกผู้ชายที่รักขอแต่งงาน พริกหวานไม่รอช้าที่จะตอบตกลงโดยไร้ข้อโต้แย้งใดๆ ไม่มีฉุกคิด ไม่มีตรึกตรอง โอกาสดีๆ แบบนี้มีแต่ต้องรีบคว้าเอาไว้ให้มั่น

“ดีใจจัง งั้นสักประมาณ 2 ทุ่มเจอกันนะ คิมจะรีบทำอาหารไวๆ หวานจะได้ไม่ต้องรอนาน”

ฟีลสามีทำอาหารรอภรรยาไปอีก พริกหวานวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง เคลิบเคลิ้มหลงใหลในตัวคิมหันต์มากขึ้น

“ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยว 2 ทุ่มเจอกัน”

“ครับ เจอกัน”

ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่รอยยิ้มกับสายตาของคิมหันต์หลังจากจบบทสนทนา พริกหวานรู้สึกว่ามันแปลกๆ

ตอนแรกมันก็ดูเป็นยิ้มหวานละมุนอยู่หรอก แต่จู่ๆ มันกลับมีแววของความอันตราย ดูเยือกเย็นจนน่าขนลุก แต่ก็เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น

คิมหันต์หันหลังเดินกลับไปห้องเรียบร้อยแล้ว แต่พริกหวานยังยืนจมกับความรู้สึกนั้น อยู่หน้าห้องของตัวเอง สัญชาตญาณพยายามเตือนบางอย่าง แต่ความลุ่มหลงคลั่งไคล้ กลับผลักไสไม่ให้เธอคิดมาก

คนตัวเล็กสั่นศีรษะเบาๆ ไล่ความคิดฟุ้งซ่านในหัว ปรับอารมณ์ให้กลับมาร่าเริงเป็นปกติ ก่อนเปิดประตูเดินฮัมเพลงเข้าไปในห้อง มุ่งตรงไปยังตู้เสื้อผ้าเป็นอันดับแรก เพื่อค้นหาชุดที่จะสวมใส่ไปดินเนอร์ กับผู้ชายที่แอบชอบในคืนนี้

เสื้อผ้ามากมายถูกรื้อค้นออกมาแบแผ่หลาไปทั่วบริเวณ ทั้งพื้นที่บนเตียง โซฟา และพื้น แทบไม่มีที่ว่างให้เดินไปไหนได้ จับคู่ชุดวางๆ เอาไว้เพราะยังตัดสินใจไม่ได้ ยืนเครียดอยู่หน้าตู้ เพราะไม่รู้จะใส่เสื้อผ้าชุดไหนในคืนนี้ดี

“โอ๊ย! ก็แค่เลือกเสื้อผ้า ทำไมมันยากกว่าตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตอีกนะ”

มือเล็กยกขึ้นเกาศีรษะตัวเองด้วยความหงุดหงิด เวลาผ่านไปร่วมสองชั่วโมงแล้ว พริกหวานยังเลือกชุดไม่ได้ อีกไม่ถึงชั่วโมงก็จะสองทุ่ม ถ้ายังมัวลีลาอยู่แบบนี้มีหวังไปพบคิมหันต์สายอย่างแน่นอน

ด้วยความกังวล ว่าจะมีเวลาแต่งหน้าแต่งตัวน้อยไปมากกว่านี้ พริกหวานจึงตัดสินใจหลับตาหยิบชุด ที่จับคู่วางๆ เอาไว้บนเตียงขึ้นมา เธอจิ้มได้เสื้อครอปแขนกุดรัดรูป กับกระโปรงยีนเอวสูงสั้นแค่คืบ เป็นชุดที่พริกหวานรู้สึกอยากสวมใส่มาก แต่ไม่มีความมั่นใจมากพอจะลองสวมใส่มัน

จังหวะหัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นด้วยอาการประหม่า นึกภาพตัวเองใส่ชุดนี้ไปหาคิมหันต์ที่ห้อง มันจะดูไม่ล่อแหลมเกินไปใช่ไหม แล้วเขาจะมองว่าเธอ ตั้งใจยั่วยวนเขามากกว่าน่ารักหรือเปล่า เพราะชุดมันดูน่ารักแต่แอบเซ็กซี่อยู่พอสมควร

“คิมหันต์เขาไม่ใช่คนฝักใฝ่เรื่องพวกนั้นหรอก เธอต่างหากที่ดูเป็นตัวอันตราย”

เพราะถ้าทุกอย่างไปได้ดี คิมหันต์มีท่าทีว่าจะขอพัฒนาความสัมพันธ์ แน่นอนว่าพริกหวานจะยอมทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้ผู้ชายคนนี้มาครอบครอง แม้แต่ความคิดผิดๆ ที่ว่า การใช้ร่างกายเพื่อมัดใจอีกฝ่าย

อายุปาเข้าไปยี่สิบห้าแล้ว ไม่ใช่เด็กสาวแรกรุ่นวัยกำลังหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องเป็นห่วงเรื่องผู้ชาย เพราะกลัวว่าลูกหลานจะท้องในวัยเรียน

ตอนนี้แม่ของเธอเป็นห่วงว่าจะหาผัวไม่ได้เสียมากกว่า โตขนาดนี้แล้วพรหมจรรย์ยังไม่ขาดออกจากกัน ผู้ชายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตก็มีแต่อะไรก็ไม่รู้ หาสุภาพบุรุษจริงๆ ไม่ได้สักคน

คิมหันต์นี่แหละเหมาะสมที่สุดแล้ว ที่จะได้รับสิ่งล้ำค่านี้ไป เขาจะต้องเป็นแฟนที่ดีมากแน่ๆ และในอนาคตเขาก็จะกลายเป็นสามี และพ่อของลูกที่ดีด้วย พริกหวานเชื่อมั่นแบบนั้น

เมื่อตัดสินใจได้ว่าจะใส่ชุดนี้ไปดินเนอร์ พริกหวานไม่ลืมที่จะเดินไปเปิดลิ้นชัก หยิบชุดชั้นในเซ็ทเผด็จศึก ที่ซื้อมาไว้นมนานถมถืดจนเนื้อผ้าเกือบหมดอายุ แต่ยังหาโอกาสใช้ไม่ได้สักทีออกมา

ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองจ้องสิ่งที่อยู่ในมือด้วยสายตาสั่นระริก พวงแก้มขาวกระจ่างแดงเห่อด้วยความรู้สึกเขินอาย ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองมีความคิดและกำลังจะทำเรื่องพวกนี้

เธอเป็นคนขี้อายมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่เคยมีความมั่นใจในตัวเอง จนกระทั่งได้มาพบกับคิมหันต์ ผู้ชายที่ตรงกับภาพในจินตนาการของเธอ ราวกับหลุดออกมาจากมโนภาพ

มันคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผู้หญิงขี้อายคนนี้ เปลี่ยนแปลงตัวเองจนกลายเป็นแม่เสือสาวที่พร้อมออกล่าเหยื่อ พลังความรักมันทำให้คนเรา เปลี่ยนกันได้มากขนาดนี้เลยจริงๆ เหรอ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel