บทที่7 เจ้าอารามแห่งความมืด
บทที่7 เจ้าอารามแห่งความมืด
เมื่อชายวัยกลางคนผู้นั้นเห็นว่าดรุณีน้อยมีท่าทีเรียบเฉยก็เอ่ยขึ้นมา " นังหนูหญ้าแสงจันทร์แบ่งขายให้พวกเราได้หรือไม่ "
หานจินอี้มองชายวัยกลางคนผู้นั้นอย่างสำรวจ อาภรณ์สีเทาที่ชายวัยกลางคนผู้นั้นสวมใส่อยู่นั้นล้วนแต่เป็นผ้าไหมเนื้อดีดูแล้วน่าจะเป็นคนมีเงิน จากนั้นนางจึงพยักหน้าตกลงก่อนจะเอ่ยขึ้นดวงตาเป็นประกาย " ผู้อาวุโสจะให้ราคาเท่าไหร่ "
ชายวัยกลางคนเห็นดรุณีน้อยนางนี้เปลี่ยนท่าทางไวอย่างกับกิ้งก่าเปลี่ยนสีก็หัวเราะชอบใจ เขาถูกซะตากับเด็กคนนี้นัก " นังหนูเจ้าเสนอราคามาเถอะ "
เมื่อหานจินอี้ได้ยินชายวัยกลางคนกล่าวก็ยกยิ้มขึ้นมา เมื่อเป็นเช่นนั้นก็เข้าทางนางพอดี " ถ้าข้าเอาไปโรงประมูลคงได้หลายหมื่นเหรียญทอง เช่นนั้นข้าแบ่งขายให้พวกท่านต้นหนึ่งในราคาห้าพันเหรียญทองก็เเล้วกัน "
หญ้าเเสงจันทร์เป็นสมุนไพรหายากและมีราคาสูงยิ่งกอที่นางได้มาก็เป็นกอใหญ่เสียด้วย ถ้าเอาเข้าโรงประมูลก็ยิ่งได้ราคาดี ทว่านางไม่อยากขายมันทั้งหมดเพราะนางก็จำเป็นต้องใช้เช่นเดียวกัน
" ได้ ตกลงตามนี้ "
จากนั้นชายใหญ่ที่มีนามว่าลี่เจวี๋ยก็เดินเอาหานางเเล้วก็เอาตั๋วเงินจำนวนหนึ่งพันเหรียญทองทั้งหมดห้าใบมาให้นาง หานจินอี้จึงนำหญ้าแสงจันทร์ส่วนหนึ่งส่งให้ชายผู้นั้นแล้วเขาก็เดินกลับไปที่เดิม
" จริงสินังหนู เจ้าคงมีหญ้าคืนวิญญาณอยู่ไม่น้อยเช่นนั้นแบ่งขายใช้พวกข้าได้หรือไม่" ชายวัยกลางคนเอ่ยถามขึ้นอย่างหยั่งเชิง เป็นที่รู้กันว่าที่ใต้หน้าผาแห่งนั้นเป็นที่ที่มีหญ้าคืนวิญญาณอยู่ นังหนูคนนี้ขึ้นมาจากด้านล่างผาคงจะลงไปเก็บหญ้าวิญญาณเป็นแน่
" ข้าคงจะขายให้ผู้อาวุโสมากไม่ได้เพราะก่อนมาป่าวิญญาณข้าได้ตกลงกับคนผู้หนึ่งเอาไว้ " หานจินอี้เอ่ยตอบ เงินมากองอยู่ตกหน้ามีหรือนางจะไม่อยากได้ ทว่านางได้รับปากกับเก่าแก่ร้านสมุนไพรไว้แล้วนางไม่ใช่คนที่จะผิดคำพูด
" เพียงเล็กน้อยก็ได้ " ชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาหานจินอี้
หานจินอี้จึงเอาหญ้าคืนวิญญาณออกมาจากกำไลมิติออกมาก่อนจะยื่นให้กับชายวัยกลางคนและรับเงินมาจากคนผู้นั้น การเเลกเปลี่ยนผ่านไปด้วยดี การขายค้าในครั้งนี้ถึงว่าได้กำไลมากพอสมควรหานจินอี้จึงยิ้มแก้มปริบ
เมื่อชายวัยกลางคนเห็นท่าทางของดรุณีน้อยที่อยู่ตรงหน้าก็อดเอ็นดูเสียไม่ได้จึงเอ่ยขึ้นมา " นังหนูเจ้าสนใจมาเป็นศิษย์ข้าหรือไม่ ข้าสามารถช่วยเจ้าสร้างรากปราณขึ้นมาใหม่ได้ "
" ข้าไม่รบกวนผู้อาวุโสเจ้าคะ เรื่องรากปราณของข้า...ข้าก็ย่อมมีวิธี " หานจินอี้เอ่ยขึ้น
ส่วนคนที่เหลือได้แต่ตกตะลึงมิเคยมีผู้ใดกล้าปฏิเสธเจ้าอารามมาก่อน ดรุณีน้อยนางนี้ช่างอาจหาญยิ่งนัก!
" ฮ่าๆๆ....ข้าไม่รีบ เจ้าเก็บเสนอของข้าไปคิดก็ไม่เสียหาย ถ้าตกลงเมื่อไหร่ให้ไปหาที่อารามแห่งความมืดได้ทุกเมื่อ " จากนั้นชายวัยกลางคนก็ยื่นป้ายยกมาให้หานจินอี้ก่อนจะเอ่ยประโยคต่อมา " ข้ามีนามว่าป๋ายซ่าง เจ้านำป้ายหยกนี้ให้ยามที่เฝ้าอยู่หน้าประตูพวกเขาก็พาเจ้ามาหาข้าเอง "
หานจินอี้จึงเอื้อมมือไปหยิบป้ายหยกมาจากชายวัยกลางคนที่มีนามว่าป๋ายซ่างก่อนนางก็เอ่ยขอบคุณและใช้วิชาตัวเบากระโจนขึ้นไปตามกิ่งไม้ทันที
ป๋ายซ่างได้มองร่างของหานจินอี้จนลับตาไปก็แล้วมีชายชุดดำผู้หนึ่งเดินเข้ามา " จะดีหรือขอรับท่านเจ้าอารามที่จะรับนางเป็นศิษย์เช่นนี้ "
" ดีสิ พวกเจ้าก็เห็นไม่ใช่หรือว่านางมีความสามารถ ขนาดไม่มีพลังวิญญาณก็มาได้ถึงขนาดนี้เเล้ว ถ้าได้รับการสั่งสอนอีกสักนิดข้าเชื่อว่านางจึงยืนอยู่บนจุดสูงสุดเป็นแน่ " ป๋ายซ่างเอ่ยจบก็หายตัวไปในทันที ส่วนที่เหลือเมื่อเห็นเจ้าอารามของตนหายไปแล้วก็รีบตามไป
ทางด้านหานจินอี้ที่แยกตัวออกมาแล้วนางจึงหยุดพักที่บนต้นไม้แห่งหนึ่งแล้วเอาถุงน้ำมาจากกำไลมิติออกมาแล้วกระดกขึ้นดื่มแล้วนั้นพิงอยู่บนต้นไม้ คืนนี้แกร่งว่านางต้องนอนพักอยู่บนต้นไม้นี้เสียแล้วพรุ่งนี้ค่อยไปหาสถานที่เหมาะๆแล้วสร้างรากปราณขึ้นมาใหม่
ในระหว่างที่หานจินอี้นั่งหลับอยู่บนต้นไม้จู่ๆนางก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของป่าดังขึ้นมา นางก็พลันลืมตาขึ้นแล้วคว้ากริชที่เหน็บอยู่ที่เอวเล็กของตนออกมา
ทันใดนั้นเองนางก็ได้ยินเสียงต่อสู้ดังออกมาจากพื้นที่ด้านล่างต้นไม้ที่ตนอยู่นางจึงล้มลงดูว่าเป็นผู้ใด ปรากฏว่าภาพที่นางเห็นอยู่นั้นคือบุรุษผู้หนึ่งที่กำลังต่อสู้กับหมาป่าเพลิงอยู่
บุรุษผู้นั้นสวมอาภรณ์สีคราม ท่วงท่าการต่อสู้ดูสง่างามสูงส่งคล้ายกับเทพเซียนที่อยู่เหนือโลกีย์ทั้งปวง เคลื่อนไหวได้ไหลลื่นไม่มีสะดุดราวกับกำลังร่ายรำอยู่อย่างไรอย่างงั้น พอส่องจันทร์สอดส่องกระทบร่างของบุรุษผู้ใบหน้าหล่อเหล่าชวนให้หลงใหลของเขาก็ประจักขึ้นในสายตาของหานจินอี้
หานจินอี้เมื่อเห็นหน้าบุรุษผู้นั้นหล่อเหล่าจนชวนตะลึงหัวใจของนางเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทันใดนั้นเองดวงไฟอัคคีของหมาป่าเพลิงก็พุ่งตกมาที่ต้นไม้ที่นางอยู่
" บ้าเอ๊ย! " หานจินอี้สบถขึ้นอย่างหัวเสีย จากนั้นนางก็ดีดตัวพุ่งลงออกจากต้นไม้ทันทีและยืนประจันหน้ากับบุรุษรูปงามผู้นั้น
เว่ยตงหนานที่กำลังต่อสู้กับหมาป่าเพลิงอย่างเอาเป็นเอาตาย หมาป่าเพลิงตัวนี้อยู่ในระดับนภาซึ่งระดับห่างจากตนอยู่หนึ่งขั้นใหญ่ เว่ยตงหนานเขาออกมาทำภารกิจของทางสำนักที่ป่าวิญญาณ ในระหว่างทางก็พบกับหมาป่าเพลิงตัวนี้เข้าจึงได้เกิดการปะทะขึ้น
จู่ๆหมาป่าเพลิงก็พ่นลูกไฟออกมาจากป่าเขาจึงกระโดดหลบไปอยู่อีกด้าน ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของสตรีดังขึ้นมาจากบนต้นไม้หลังจากนั้นร่างของดรุณีน้อยนางหนึ่งก็ปรากฏตัวตนหน้าของเขา
เมื่อหานจินอี้ประจันหน้ากับบุรุษผู้นั้นนางยังไม่ทันได้เอ่ยปากขึ้นเสียด้วยซ้ำหมาป่าเพลิงก็พุ่งเข้ามาโจมตีทั้งสองทันที
เว่ยตงหนานสังเกตดรุณีน้อยนางนี้อย่างละเอียดก็พบว่าในตัวของนางไม่มีพลังวิญญาณจึงคว้าเข้าไปที่เอวเล็กของนางแล้วพานางกระโดดหลบวิถีการโจมตีของหมาป่าเพลิง ใบหน้าของทั้งสองคนอยู่ใกล้กับมากชนิดที่ว่ารับรู้ถึงลมหายใจของและกันได้ ที่งดงามทั้งสองคู่สบตากันไปมา เจ้ามองข้า...ข้ามองเจ้า ราวกับโลกหยุดหนุนไปชั่วขณะ
ทันใดนั้นเองลูกไฟของหมาป่าเพลิงก็พุ่งเข้าใส่ทั้งสอง หานจินอี้จึงผลักเว่ยตงหนานออกไปแล้วใช้วิชาตัวเบาหมุนตัวหลบลูกไฟได้อย่างหวุดหวิด นางจึงหันไปมองเว่ยตงหนานด้วยสายตาคาดโทษ แทนที่นางจะได้นอนหลับดีๆกลับได้มาสู้กับหมาป่าเพลิงระดับสูงเสียได้ ยาพิษนางก็ใช้ไปจนหมดแล้ว
เว่ยตงหนานเหมือนจะดูออกว่าสายตาที่หานจินอี้ส่งมาให้ตนหมายความว่าเช่นไร แล้วเขาก็กระตุกยิ้มขึ้นที่มุมปากก่อนจะเร่งพลังวิญญาณสายหนึ่งพุ่งเข้าไปโจมตีใส่หมาป่าเพลิงโดยที่มันไม่ทันได้ตั้งตัว
บูม! บูม! ตู้ม!
เมื่อหานจินอี้เห็นว่าหมาป่าเพลิงที่โดนบุรุษรูปงามซัดพลังวิญญาณใส่เต็มๆตอนนี้มันกำลังสับสนมึนงง นางจึงใช้โอกาสนี้ใช้กรีซที่อยู่ในมือของตนแล้วก็สไลด์ตัวลงไปด้านล่างท้องของหมาป่าเพลิง จากนั้นก็กริชในมือแทงเข้าไปที่ท้องของมันลึกๆและลากยาวจนสุด
โฮ่วววววววว!
หมาป่าเพลิงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด มันมิคิดเลยว่ามนุษย์ที่ไม่มีแม้แต่พลังวิญญาณจะสามารถสังหารมันได้ง่ายดายเช่นนี้ แล้วร่างของหมาป่าเพลิงก็ล้มลงทับร่างของหานจินอี้
เว่ยตงหนานเห็นว่าหมาป่าเพลิงถูกจัดการโดยสตรีที่ที่เขาสัมผัสพลังวิญญาณไม่ได้ก็อดทึ่งเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปช่วยเอาร่างของหมาป่าเพลิงที่ทับตัวของนางออก
เมื่อหานจินอี้ออกมาจากร่างของหมาป่าเพลิงได้ก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเย็นชา " ถือว่าท่านยังมีน้ำใจอยู่บ้าง "
" หมาป่าเพลิงคือเยื่อของข้า " เว่ยตงหนานเอ่ยขึ้นมาแล้วก็ลงมือควักแก่นวิญญาณของหมาป่าเพลิง
หานจินอี้ได้ยินก็ถึงกับหางคิ้วกระตุกขึ้นมา นั้นไม่เท่ากับว่านางรอดมือเข้าไปยุ่งเรื่องที่มิให้เรื่องจองตนหรอกหรือ หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปหาบุรุษผู้นั้นโดยที่ร่างของนางเปียกโชกเต็มไปด้วยเลือดของหมาป่าเพลิง
เมื่อเว่ยตงหนานควักแก่นวิญญาณหมาป่าเพลิงได้เเล้วก็โยนให้กับหานจินอี้ที่ยืนอยู่ " แก่นวิญญาณนี้ข้าให้เจ้า ถือว่าสตรีไร้ค่าเช่นเจ้าก็พอมีประโยชน์อยู่บ้าง " แล้วจบเว่ยตงหนานก็เก็บร่างของหมาป่าเพลิงเข้าไปในแหวนมิติก่อนจะจากไป
ส่วนหานจินอี้ก็ได้ที่ยืนอ้าปากค้างอยู่กับที่ นางได้แต่มองดูเขาเดินหายไปจนลับตาโดยที่ทำสิ่งใดไม่ได้ 'เคยดูเถิด ข้ามีพลังวิญญาณเมื่อไหร่ข้าจะจัดการบุรุษปากร้ายเช่นเท่าเป็นคนแรก...หึ'
นางทำได้เพียงคาดโทษไว้ในใจ หากนางไปเอาเรื่องเขาในตอนนี้มีหวังได้โดนคนผู้นั้นทุบตีกลับมา จากนั้นก็พุ่งตัวออกจากที่นี่ทันทีเพื่อหาแหล่งน้ำ
