บทที่5 ป่าวิญญาณ
บทที่5 ป่าวิญญาณ
เฉินเซียวมาอยู่ในร่างของหานจินอี้ได้เกือบหนึ่งปีแล้วและนางเริ่มคุ้นชินกับการใช้ชีวิตในโลกที่ไม่คุ้นเคยนี้บ้างแล้ว
ตลอดหลายเดือนที่พามานางก็รวบรวมทั้งสมุนไพรที่เป็นส่วนผสมของโอสถสร้างรากปราณได้จนเกือบจะครบทุกอย่างแล้วขาดเพียงแค่อย่างเดียวคือหญ้าคืนวิญญาณที่มีอยู่เฉพาะในป่าวิญญาณเท่านั้น นางจึงเตรียมตัวออกเดินทางไปที่ป่าวิญญาณที่อยู่ในทิศเหนือของดินแดน
" คุณหนูจะไม่ให้ข้าตามไปด้วยจริงๆหรือเจ้าคะ " รั่วหลินเอ่ยขึ้นในระหว่างจัดเตรียมอาหารเเห้งให้กับนายของตน
หานจินอี้ที่นั่งศึกษาลวดลายอักขระโบราณที่นางได้มาจากร้านขายตำราที่ไปซื้อเมื่อคราก่อนอยู่ไม่ไกลจากที่รั่วหลินจัดเตรียมของมากนัก หานจินอี้จึงละสายตาจากตำราที่ตนกำลังอ่านอยู่แล้วหันไปมองรั่วหลิน " ถ้าเจ้าไปด้วยแล้วผู้ใดจะรับหน้าแม่นมฉินได้เล่า ทุกวันนี้แม่นมฉินก็เหมือนจะเริ่มสงสัยข้าขึ้นมาบ้างแล้ว "
" แต่ว่าคุณหนูไม่มีพลังวิญญาณนะเจ้าคะ จะเข้าไปในป่าวิญญาณได้เช่นไร ในป่ามีแต่สัตว์อสูรดุร้ายกันทั้งนั้นเลย " รั่วหลินเอ่ยขึ้นมาอย่างเป็นห่วง
" เรื่องนี้มิต้องเป็นห่วงหรอกข้าย่อมมีวิธีเอาตัวรอด อีกอย่างเจ้าก็น่าจะรู้ถึงฝีมือข้าแล้วไม่ใช่หรือ " หลังจากเอ่ยจบหานจินอี้จึงเดินเข้าไปหารั่วหลิน
รั่วหลินเมื่อได้ยินสิ่งที่นายของตนกล่าวก็พลันทำให้นางนึกถึงเรื่องเมื่อหลายวันก่อนตอนที่นางกับหานจินอี้ประลองยุทธ์กัน ในตอนนั้นคุณหนูบอกให้นางใช้พลังวิญญาณเดิมทีนางก็ยังยั้งมือไว้บาง ทว่าพอโดนคุณหนูรุกหนักขึ้นเรื่อยๆจนต้องงัดพลังวิญญาณมาใช้แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับคุณหนูอยู่ดี ทักษะการต่อสู้ของคุณหนูทั้งรวดเร็วและเเม่นยำในแต่ละจุดที่โจมตีก็เข้าจุดตายทั้งสิ้น นางอยู่กับคุณหนูมานานยังไม่รู้เลยว่าคุณของคนมีทักษะการต่อสู้ดีเช่นนี้จนอดสงสัยขึ้นมาเสียไม่ได้ ทว่าในเมื่อคุณหนูไม่เอ่ยปากนางก็ไม่อยากถามอะไรให้มากความนัก " เเต่ว่า คุณหนู... "
" เสร็จแล้วใช่หรือไม่ " หานจินอี้เอ่ยขัดขึ้นมาแล้วก็ยื่นมือไปรับอาหารแห้งที่คนสนิทของตนจัดเตรียมให้ ส่วนรั่วหลินก็ได้แต่ส่งของให้กับนายของตนอย่างไม่เต็มใจนัก
พอตกดึกหานจินอี้จึงเปลี่ยนอาภรณ์แบบชาวยุทธ์และหยิบเสื้อคลุมสีดำติดมือมาด้วย จากนั้นนางก็ลอบออกไปจากจวนตอนกลางดึกและหายเข้าไปในความมืดมิดของรัตติกาล
หานจินอี้ให้วิชาเบาตัวจากที่ตนเคยฝึกชาติที่แล้วมุ่งหน้าไปป่าวิญญาณ ด้วยความเร็วของนางใช้เวลาเพียงเจ็ดวันเท่านั้น นางเป็นคนที่ไม่เรื่องมากก็เลยค่ำไหนนอนนั้น ในชาติก่อนนางเคยไปทำภารกิจอยู่ในป่าหลายครั้งเลยค่อนค้างจะคุ้นชินในการใช้ชีวิตในป่าพอสมควร
พอหานจินอี้มาถึงเขตชายป่าก็ตรงเข้าไปด้านในทันที ที่เขตชายป่าสัตว์อสูรไม่ค่อยมีให้เห็นมากนัก ส่วนมากพวกมันอยู่เขตป่าชั้นในมากกว่า ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามเถ้าแก่ร้านสมุนไพรบอกกับนาง อีกทั้งแผนที่ที่อยู่ในมือนางตอนนี้ก็เป็นเถ้าแก่ร้านสมุนไพรมอบให้นางด้วยเช่นกัน คนผู้นี้ถือว่าเป็นคนดีไม่ใช่น้อย....ดีกว่าบรรดาพี่น้องสายเลือดเดียวกันกับนางเสียอีก
หานจินอี้จึงเอาแผ่นที่ของป่าวิญญาณออกมาจากกำไลมิติแล้วก็เปิดออกดู ในเเผนที่ได้ระบุตำเเหน่งของหญ้าคืนวิญญาณไว้อย่างชัดเจน ระหว่างทางที่ในมุ่งเข้าไปเขตกลางป่าที่มีหญ้าคืนวิญญาณอยู่นางก็เเวะเก็บสมุนไพรเพื่อนำเอาไปขาย ในระหว่างนี้นางยังพบสมุนไพรที่เป็นส่วนผสมของโอสถชำระไข้กระดูกอีกด้วย นับว่านางมีดวงไม่น้อยเลยไปที่ไหนก็พบแต่ของดีๆ
นางเดินทางเข้าไปในส่วนลึกของป่าเรื่อยๆและยังมีสัตว์อสูรเข้ามาโจมตีนางอยู่ประปราย ในเมื่อเหยื่อมาถึงมือมีหรือที่คนอย่างนางจะปล่อยไป นางจึงเริ่มลงมือสังหารสัตว์อสูรที่เข้ามาโจมตีนางโดยใช้กริชเงินที่เป็นอาวุธวิญญาณระดับต้นที่นางซื้อมาในระหว่างทาง
ทุกครั้งที่นางลงมือสังหารล้วนแต่โจมตีที่จุดตายภายในครั้งเดียว สัตว์อสูรที่เข้ามาโจมตีนางเป็นแค่ระดับล่างเท่านั้นเลยทำให้นางเอาตัวรอดมาได้อย่างเฉียดฉิว พอนางสังหารเสร็จก็ยังไม่ลืมควักแก่นอสูรออกมา แกนอสูรพอนี้สามารถใช้เพื่อพลังวิญญาณได้และก็สามารถนำเอาไปขายที่ร้านขายแกนอสูรได้ด้วยเช่นกัน
แก่นอสูรพวกนี้เท่าที่นางเคยได้ฟังรั่วหลินเล่ามามันมีสีเเดง สีส้ม สีชมพู สีเขียว สีเหลือง สีคราม สีน้ำเงิน สีม่วง สีเงินยวง เเละสีทอง แก่นอสูรทั้งสิบสีนี้มันขึ้นอยู่กับระดับพลังวิญญาณของสัตว์อสูรตัวนั้นๆ
นางช่างโชคดีเสียจริง...อยู่ดีๆก็มีเงินวิ่งเข้ามาหานางแค่ลงเเรงแค่เล็กน้อยเท่านั้น หานจินอี้นางใช้เวลากว่าสองวันก็มาถึงหน้าผาที่เป็นจุดที่เถ่าแก่ร้านสมุนไพรบอกเอาไว้ นางจึงเอาเชือกที่นางเตรียมเอาไว้ออกมาจากกำไลมิติ
จากนั้นก็ผูกเชือกไว้กับต้นไม้ที่ดูเเข็งแรงและเอาเชือกอีกด้านมาผูกเข้ากับเอวเล็กของตน เมื่อทำทุกอย่างเสร็จสับหานจินอี้ก็ค่อยหย่อนตัวเองลงไปยังหน้าผาทีละนิด
ตามที่เถ้าแก่ร้านสมุนไพรบอกนางหญ้าคืนวิญญาณเกิดขึ้นอยู่ตามซอกหินที่ริมหน้าผาสูงชัน หานจินอี้ถึงเตรียมเชือกมาด้วยเหตุนี้
หานจินอี้ค่อยโรยตัวลงจากหน้าผามาช้าๆไม่นานนางก็พบกับต้นหญ้าวิญญาณ หญ้าวิญญาณมีลักษณะคล้ายกับต้นหญ้าทั่วไปทว่าใบของสีมันเป็นสีน้ำเงินอมม่วง เมื่อนางพบกับเป้าหมายก็ดีดตัวพุ่งไปเก็บมาโดยไม่ลังเลก่อนเก็บเข้าในกำไลมิติ
พอนางโรยตัวลึกลงไปเรื่อยๆก็พบว่ามีหญ้าคืนวิญญาณเยอะมากขึ้น หานจินอี้จึงรับพุงเข้าไปเก็บทันที นางทำสัญญาไว้กับเถ้าแก่ร้านสมุนไพรไว้ถ้าหากเถ้าแก่บอกจุดที่หญ้าคืนวิญญาณอยู่นางจะแบ่งขายหญ้าคืนวิญญาณครึ่งหนึ่งให้ ข้อเสนอดีเช่นนี้มีหรือเก่าแก่ร้านสมุนไพรจะปฏิเสธ เขาจึงรีบบอกจุดที่มีหญ้าคืนวิญญาณอยู่และจัดหาแผนที่ให้กับนางเสร็จสับ
หานจินอี้สนุกกับเก็บสมุนไพรจนลืมเวลา ในตอนนี้ดวงดาวก็ปรากฏขึ้นเต็มท้องฟ้าเเล้ว นางจึงได้แค่ตัดใจเท่านั้นอย่างไรเสียนางก็ได้เยอะแล้วจากนั้นก็ค่อยๆปีนเชือกขึ้นไป
ในระหว่างที่นางกำลังปีนเชือกขึ้นไปสายตาของนางก็สะดุดกับกอหญ้าที่ขึ้นอยู่ในซ่อนหินไม่ไกลจากตัวของนางมากนัก กอหญ้าที่นางเห็นอยู่คล้ายกับหญ้าคืนวิญญาณ ทว่ามันกับสะท้อนแสงจันทร์ส่องแสงระยิบระยับคล้ายกับหมู่ดวงบนฟากฟ้า เมื่อนางครุ่นคิดอยู่นานดวงตาหงส์ของนางก็เบิกตากว้างขึ้น นี่มัน....หญ้าเเสงจันทร์มิใช่หรือ!
