บท
ตั้งค่า

บทที่16 ความลับแตก

บทที่16 ความลับแตก

    ตูม! ตูม! ปัง! เปรี้ยง!

ทั้งเจ็ดต่างก็ปล่อยทักษะพลังของตนอย่างบ้าคลั่งเพื่อต้องการล้มอสรพิษยักษ์ตัวนั้นให้จงได้ ถึงเเม้ว่าทักษะพลังที่หานจินอี้ปล่อยออกมานั้นถือว่าธรรมดามาก แต่ที่ทำให้คนจากสำนักศึกษาหมื่นเมฆาตกตะลึงได้เพราะสีของพลังที่นางปล่อยออกมานั้นเป็นสีเขียวผสมกับสีดำเห็นได้ชัดว่านางเป็นผู้ใช้พลังสองสายดังเช่นเว่ยตงหนาน

เว่ยตงหนานเมื่อว่าหานจินอี้นางมีพลังสองสายดังเช่นกับตนก็รู้สึกฉงนใจอยู่บ้าง เขาไม่ได้รับรายงานจากคนของตนที่เฝ้าติดตามเลยว่านางใช้พลังวิญญาณได้ ครั้งก่อนเขาเจอกับนางที่จวนตระกูลหานเขาน่าจะสัมผัสพลังวิญญาณของนางแต่เขากลับสัมผัสถึงพลังวิญญาณของนางมิได้เลย ช่างเป็นคนที่ซ่อนตัวตนได้ลึกจน....น่ากลัว

ระหว่างการต่อสู้อยู่นั้นรั่วหลินก็โดนหางของอสรพิษยักษ์ฟาดเข้าอย่างจังจนกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้ใหญ่

       " รั่วหลิน! " หานจินอี้พุ่งตัวเข้าไปดูอาการบาดเจ็บของคนสนิททันที เมื่อสำรวจร่างกายของรั่วหลินอย่างละเอียดก็พบว่ามิได้เป็นอะไรมากนางจึงรู้สึกโล่งใจก่อนจะเอ่ยขึ้น " รั่วหลินเจ้ารออยู่นี่แหละ มิต้องเข้าร่วมต่อสู้แล้ว " 

รั่วหลินพยักหน้ารับคำผู้เป็นนายเพราะตอนนี้พลังวิญญาณของนางก็ไม่เหลือแล้วเช่นกัน จากนั้นหานจินอี้ก็พุ่งไปเข้าร่วมเข้าร่วมการต่อสู้อีกครั้ง

ด้านของอสรพิษยักษ์ตัวนั้นถึงมันมีระดับสวรรค์ที่ทรงพลังแค่ไหน ทว่าพอมันโดนคนหลายรุมเข้าโจมตีอย่างบ้าคลั่งเช่นนั้นมันก็เริ่มบาดเจ็บแล้วเช่นกัน จึงตัดสินใจใช้ท่าไม้ตายของมันในที่สุด

       " แย่แล้ว! มันกำลังใช้ท่าไม้ตายของมันแล้ว! " หนึ่งในศิษย์ของสำนักศึกษาหมื่นเมฆาเอ่ยขึ้นเตือนทุกคน

อสรพิษยักษ์มันก็พ้นไอพิษเย็นเข้าใส่คนที่อยู่ตรงหน้ามันก่อนผู้ใดและคนผู้นั้นก็คือหานเจี้ยนเฉิงนั้นเอง หานจินอี้เห็นว่าพี่ชายของตนกำลังจะโดนไอพิษของอสรพิษยักษ์พ้นใส่จึงรีบพุ่งตัวเข้าไปหา ทว่านางกลับไปไม่ทันเสียแล้ว

         ฟู่! ฟู่! ตึง!

ภาพที่นางเห็นตรงหน้าคือเว่ยตงหนานก็เข้ามาขวางระหว่างหานเจี้ยนเฉิงกับอสรพิษยักษ์ตัวนั้นและเขาก็สร้างตาข่ายเเสงตรึงร่างของมันเอาไว้ จนอสรพิษยักษ์ตัวนั้นล้มลงสิ้นฤทธิ์อยู่ที่พื้นโดยมีตาข่ายแสงของเว่ยตงหนานที่คุ้มตัวมันไว้อีกที แต่ทว่าเขากลับรับพิษไอเย็นของอสรพิษยักษ์ตัวนั้น

เมื่อหานจินอี้ได้สติขึ้นมานางจึงตรงเข้าไปหาพี่ชายของตนทันที " คุณชายท่านเป็นอะไรหรือไม่ "

หานเจี้ยนเฉิงรู้สึกฉงนใจขึ้นมาว่าเหตุใดแม่นางน้อยนางนี้ถึงได้ดูเป็นห่วงเป็นใยตนนัก ทันใดนั้นเองเข้าก็สังเหตุเห็นกำลังหยกมันเเพะสีขาวเนื้อดีที่สลักลวดลายดอกไห่ถังที่ตนเคยมอบไว้ให้น้องสาวของตนเมื่อนานมาแล้ว เขาถึงหรี่ตามองไปยังแม่นางน้องนางนั้นพลางคิดว่าจะเป็นน้องห้าของตนได้เช่นนางไม่ได้มีพลังวิญญาณเสียหน่อยก่อนจะเข้าไปดูเว่ยตงหนานที่เป็นสหายคนสนิทของเขา

เมื่อครู่หานจินอี้เห็นสายตาผู้เป็นพี่มองมาก็รู้สึกเกร็งขึ้นมาเสียดื้อๆ พอเห็นเขาเดินไปหาเว่ยตงหนานที่บาดเจ็บอยู่ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่นึกว่าความแตกเสียเเล้ว 

จากนั้นนางก็เข้าไปดูอาการของเว่ยตงหนานตามผู้เป็นพี่ ถึงนางไม่อยากเข้าใกล้เว่ยตงหนานมากนัก ทว่าคนผู้นั้นก็ช่วยพี่ชายของนางไว้ หากนางไม่ไปดูอาการของเขาเสียหน่อยมันคงดูไม่ดี

เหตุผลที่นางไม่ชอบหน้าของเว่ยตงหนานก็เพราะเวลาที่เขามองนางมันเหมือนกับว่ามองนางอย่างทะลุปรุโปร่งอย่างไรอย่างงั้น ตอนที่ต่อสู้อยู่กับอสรพิษยักษ์ก็เช่นเดียวกันเหมือนกับว่าเขามองออกว่าคือนาง ทั้งที่นางสวมหน้ากากปิดบังในหน้าอยู่แท้ๆคนผู้นี้อัตรายมากควรอยู่ให้ห่างไว้เป็นดีที่สุด ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะเอาคืนเขา

พอหานจินอี้เข้าไปก็พบว่าแขนของเว่ยตงหนานโดนไอพิษของเจ้าอสรพิษยักษ์จนเริ่มจับตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็งบ้างแล้ว " บ้ารึเปล่า...ทั้งที่สามารถหลบได้แท้ๆแล้วเหตุใดไม่หลบล่ะ " 

 ถึงแม้หานจินอี้จะกล่าวเช่นนั้นแต่หัวใจของนางกลับรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด นางพอรู้เหตุผลที่เว่ยตงหนานไม่หลบการโจมตีของอสรพิษยักษ์ตัวนั้นเป็นเพราะนางอยู่ในวิถีการโจมตีของมันหากเขาหลบมันก็จะโดนนางเต็มๆ ก่อนนั่งลงข้างกับเว่ยตงหนานแล้วถ่ายพลังวิญญาณธาตุไม้ของตนยับยั้งพิษไม่ให้กับอีกฝ่าย

       " คุณหนู " รั่วหลินปรากฏขึ้นทันทีที่เรื่องทุกอย่างจบลงไปแล้ว

ระหว่างนี้หานจินอี้นางใช้พลังวิญญาณธาตุไม้ของด้วยช่วยระงับการแผ่กระจายของพิษไอเย็นของอสรพิษยักษ์ให้แก่เว่ยตงหนานอยู่พลางเอ่ยถามสาเหตุที่พวกเขาต่อสู้กับอสรพิษยักษ์ตัวนั้น " เหตุใดพวกท่านถึงได้ต่อสู้ของกับอสรพิษตัวนี้ได้เล่า "

        " พวกเราออกมาทำภารกิจของสำนักศึกษาแล้วหลงเข้ามาในอาณาเขตของมันโดยมิได้ตั้งใจ ตงหนานคงมิเป็นไรใช่หรือไม่ " หนึ่งในศิษย์ของสำนักศึกษาหมื่นเมฆาเอ่ยขึ้น 

        " พวกท่านมิต้องห่วงข้าได้ระงับการแผ่กระจายของพิษของอสรพิษให้แล้ว เหลือก็แค่หายาถอนพิษให้เขา " 

     " แล้วจะหามาจากไหนได้เล่า พิษของอสรพิษตัวนั้นใช่ว่าจะสามารถแก้กันได้ง่ายๆเสียเมื่อไหร่กัน " ชายร่างใหญ่อีกคนเอ่ยขึ้น

แต่ทว่าหานจินอี้มิได้ตอบแต่กลับส่งสายตาให้รั่วหลิน เมื่อรั่วหลินได้รับสัญญาณจากผู้เป็นนายก็เข้าไปหาอสรพิษยักษ์ตัวนั่นที่นอนสิ้นฤทธิ์ จากนั้นนำขวดหยกออกมาจากแหวนมิติก่อนจะลงมือรีดพิษอสรพิษยักษ์อย่างมิเกรงกลัว รั่วหลินนางเคยทำเช่นนี้หลาบครั้งแล้วช่วงสามสี่เดือนที่ผ่านมา ส่วนหานเจี้ยนเฉิงมองดูการกระทำของแม่นางน้อยทั้งสองอย่างเเคลงใจ 

        " ได้เเล้วเจ้าคะ คุณหนู " เมื่อรั่วหลินรีดพิษเสร็จแล้วก็ส่งขวดหยกที่บรรจุพิษของอสรพิษยักษ์ตัวนั้นให้กับนายของตน

หานจินอี้ได้รับพิษของอสรพิษมาแล้วก็นำอุปกรณ์ปรุงโอสถและสมุนไพรที่เป็นส่วนผสมของยาถอนพิษออกมาจากกำลังมิติโดยมิได้สังเกตเห็นสีหน้ามืดครึ้มของหานเจี้ยนเฉิงแม้เเต่น้อย เมื่อเตรียมของทุกอย่างครบแล้วนางจึงเริ่มหลอมโอสถทันทีเพราะหากปล่อยไว้นานกว่านี้คนผู้นั้นแย่แน่

ถ้าจะทำยาถอนพิษของอสรพิษนั้นก็มิใช่เรื่องยากแต่อย่างใดเพียงแค่มีพิษของอสรพิษชนิดนั้นอยู่ มันก็เหมือนกับเซรุ่มแก้พิษงูในโลกก่อนของนางเหตุผลที่นางรู้เรื่องนี้ได้ก็เพราะมันเขียนไว้ในตำราหมื่นโอสถที่นางซื้อมาจากร้านขายตำราเขียนบอกเอาไว้

จากนั้นหานจินอี้ก็เริ่มหลอมโอสถโดยมีรั่วหลินคอยคุ้มกันให้ หานจินอี้นางใส่ส่วนผสมลงไปในหม้อหลอมและหยดน้ำทิพย์วารีลงไปด้วย ไม่นานยาถอนพิษสีฟ้าเเวววาวก็ปรากฏขึ้นในหม้อหลอมเป็นจำนวนห้าเม็ด ถึงมันจะเป็นแค่โอสถระดับหนึ่งทว่าความบริสุทธิ์ของโอสถนั้นมีถึงเจ็ดส่วน 

เมื่อการหลอมโอสถบรรลุเป้าหมายแล้วหานจินอี้จึงเก็บเม็ดโอสถเข้าขวดหยกสี่เม็ดอีกหนึ่งเม็ดก็ยื่นให้กับเว่ยตงหนาน 

เว่ยตงหนานมองเม็ดโอสถสีฟ้ามันวาวที่หานจินอี้มอบให้แก่ตนอย่างพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบมันเข้าปาก พอยาออกฤทธิ์เกล็ดน้ำแข็งที่แกะอยู่บนตัวของเขาก็หายไปจนหมดเว่ยตงหนานก็จึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงก่อนเเรง" ขอบใจ " 

เมื่อหนึ่งในศิษย์ของสำนักหมื่นเมฆาสังเหตุเห็นขวดน้ำทิพย์วารีที่หานจินอี้ใส่ลงไปในหม้อหลอมเมื่อครู่ก็เอ่ยขึ้นถาม " เเม่นาง น้ำที่ใส่ลงไปเมื่อครู่นี้คือน้ำทิพย์วารีใช่หรือไม่ " หานจินอี้พยักหน้าคนผู้นั้นจึงเอ่ยต่อ " เช่นนั้นไม่ทราบว่าเเม่นางพอจะแบ่งขายให้กับข้าได้หรือไม่ "

หานจินอี้ยังมิทันได้เอ่ยตอบจู่ๆเสียงของหานเจี้ยงเฉิงก็ดังขึ้นขัดเสียก่อน " เเม่นาง ข้าขอคุยกับเจ้าสักครู่ "

จากนั้นหานเจี้ยนเฉิงก็เข้ามาจูงมือของหานจินอี้ไปทางที่ไม่มีผู้คนอยู่ ซึ่งมันก็สร้างความแปลกใจกับสหายร่วมสำนักของเขามาก ส่วนรั่วหลินก็ได้แต่ส่งสายตาให้กำลังใจผู้เป็นนายอยู่เงียบๆ 

เมื่อทั้งสองทางเดินมาไกลจากกลุ่มพอสมควรก็หยุดฝีเท้าลงก่อนที่หานเจี้ยนเฉิงจึงหันกลับมาเผชิญหน้ากับผู้เป็นน้องสาว " เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้เช่นไรอี้เอ๋อร์ " 

หานจินอี้ได้ยินก็พลันถอนหายใจเฮือกใหญ่ คิดปกปิดคนผู้นี้มิได้จริงๆสมแล้วที่เป็นพี่น้องกันที่รักใคร่กัน นางจึงสะบัดมือสร้างอาคมสกัดกั้นเพื่อมิได้เสียงที่นางสนทนากับหานเจี้ยนเฉิงหลุดรอดออกไป

      " เจ้า! " หานเจี้ยนเฉิงได้เห็นพลังสายสีดำของน้องสาวก็ตกตะลึงจนเอ่ยสิ่งใดมิออก เป็นเวลานานกว่าที่เขาจะได้สติก่อนจะเอ่ยถามขึ้นเสียงเรียบ " เจ้ามาอยู่ที่นี่ท่านแม่รู้หรือไม่ "

      " ท่านเเม่รู้เจ้าค่ะ ท่านเเม่เป็นคนส่งข้าออกจากจวน " หานจินอี้เอ่ยตอบ

      " แล้วพลังเมื่อครู่ท่านแม่ก็รู้เช่นกันอย่างงั้นหรือ " หานเจี้ยนเฉิงเอ่ยถามผู้เป็นน้องด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดเพราะพลังเมื่อครู่คือศาสตร์แห่งความมืดที่หายสาบสูญไปนาน เมื่อเขาเห็นว่าหานจินอี้นิ่งเงียบก็พลันเข้าใจว่ามารดายังมิได้รู้เรื่องนี้เขาจึงเอ่ยขึ้นต่อ " เจ้ารู้หรือไม่ว่าถ้าคนอื่นรู้ว่าเจ้าใช้วิชาต้องห้ามเจ้าจะเป็นศัตรูของทั้งสองดินแดนทันที เเม้แต่ตระกูลหานก็ยังไม่สามารถพบปกป้องเจ้าได้ "

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel