บทที่12 พบเจอ
บทที่12 พบเจอ
ในที่สุดวันเกิดครบสิบสามปีของหานจิ้นอี้ก็มาถึง ตั้งแต่นางลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้ารั่วหลินก็เป็นคนแรกที่อวยพรวันเกินครบสิบสามปีของนาง
" ขอให้คุณหนูสุขภาพแข็งแรงและสมหวังทุกประการเจ้าค่ะ " รั่วหลินเอ่ยขึ้นมาพลางช่วยผู้เป็นนายจัดแต่งทรงผม
" ขอบใจเจ้ามากรั่วหลิน "
จากนั้นหานจินอี้ก็หยิบกำไลหยกขาวของนางมอบให้รั่วหลินเเทนคำขอบคุณที่รั่วหลินกล่าวคำอวยพรให้แก่ตน ส่วนรั่วหลินก็รับกำไลหยกขาวมาจากหานจินอี้โดยไม่อิดออด
ในระหว่างที่รั่วหลินกำลังช่วยหานจินอี้แต่งตัวอยู่นั้นก็มีสาวรับใช้นางหนึ่งมาเเจ้งว่าท่านผู้นำหรือผู้เป็นบิดาของเจ้าของร่างเดิมต้องการพบ เมื่อรั่วหลินได้ยินเช่นนั้นก็รีบช่วยผู้เป็นนายแต่งตัวให้เสร็จโดยเร็ว
ส่วนหานจินอี้ก็อดรู้สึกฉงนใจอยู่บางที่บิดาเจ้าของร่างเดิมต้องการพบนาง เป็นที่รู้ๆกันอยู่ว่าหานหยางเจียนผู้นี้ไม่เคยดูดำดูดีบุตรีที่เกิดจากภรรยาเอกผู้นี้เลยแล้วเหตุใดจู่ๆถึงนึกอยากพบนางขึ้นมาได้....
ตอนนี้หานจินอี้อยู่ในอาภรณ์สีแดงสดซึ่งขับให้ผิวขาวรวมหิมะให้ดูเด่นขึ้นราวกับเหมยแดงที่เบ่งบานอยู่ท่ามกลางหิมะ ทำให้วันนี้หานจินอี้ดูโด่ดเด่นขึ้นเป็นพิเศษ
เมื่อรั่วหลินช่วยผู้เป็นนายแต่งตัวเสร็จแล้วก็มองสำรวจผู้เป็นนายอีกรอบอย่างภาคภูมิใจพลางคิดในใจว่า....ไม่มีผู้ใดงดงามไปกว่าคุณหนูของนางอีกแล้ว
จากนั้นทั้งสองจึงตรงไปยังห้องอักษรที่หานหยางเจียนอยู่ทันที ในระหว่างนั้นทั้งสองก็เดินผ่านสวนบุปผชาติที่อยู่ในจวนและได้ยินเสียงสตรีสองนางโต้เถียงกันอยู่ไม่ไกลนักทั้งสองจึงหยุดดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
" คุณหนู นี่มันคุณสามกับคุณหนูหกมิใช่หรือเจ้าคะ " รั่วหลินกระซิบข้างหูของผู้เป็นนายราวกับว่ากลัวคนอื่นมาได้ยิน หานจินอี้ก็ยินว่าเป็นผู้ใดจึงเลิกคิ้วขึ้นพลางมองดูทั้งสองคนยืนโต้เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใครเลยก็นึกอยากดูเรื่องสนุกให้นานหน่อย
คนที่สวมอาภรณ์สีเขียวหน้างดงามหยาดเยิ้มคือหานอิงฮวา ส่วนคนที่อายุน้อยกว่าคือหานเยี่ยเซียงถึงนางจะไม่ได้หน้าตางดงามหยาดเยิ้มดังเช่นหานอิงฮวาหรืองามงมล่มเมืองเช่นกับหานจินอี้ ทว่าก็มีเสน่ห์เย้ายวนน่าหลงใหล
" พี่สามท่านทำเช่นนี้มิได้นะ นี่เป็นกำไลหยกที่องค์ชายสี่มอบให้ข้า " หานเยี่ยเซียงเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับน้ำตาร่วงลมราวกับหยาดฝนก็ไม่ปาน ที่เห็นผู้เป็นพี่สาวของตนทำลายกำไลหยกเนื้อดีแตกสลายเป็นปุยผงต่อหน้าต่อตาโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
" หึ!...ลูกอนุเช่นเจ้ามีสิทธิ์อันใดที่ได้รับของจากองค์ชายสี่ " หานอิงฮวาเอ่ยขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด ในจวนนี้มีผู้ใดไม่รู้บางว่านางชอบพอองค์ชายสี่
ทว่าสตรีที่อยู่ตรงหน้าของนางกลับได้รับของขวัญกับบุรุษที่ตนหมายปอง แต่บุรุษผู้นั้นกับมิเคยเหลียวแล่หรือให้ของขวัญแก่นางเลยสักครั้งเดียวยิ่งคิดก็ยิ่งน่าเจ็บใจนัก คงเป็นเพราะนังแพศยาผู้นี่ต้องไปยั่วยวนองค์สี่ของนางแน่ๆ
จู่ๆไอสังหารก็แผ่กระจายออกจากร่างของหานอิงฮวาจนทำให้หานเยี่ยเซียงถึงกับเดินถอยหลังไปหลายก้าวเนื้อตัวสั่นเทาด้วยหวาดกลัว
หานจินอี้ที่อยู่ดูเหตุการณ์อยู่นานก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน องค์ชายสี่อีกแล้ว....ในหลายวันมานี้นางได้ยินชื่อของจากปากแม่นมฉินครั้งแล้วครั้งเล่า นางอยากรู้เหลือเกินว่าองค์ชายสี่ผู้นี้มีอะไรดีถึงได้มีคนผู้ถึงเช่นนี้
" คุณหนูข้าว่าพวกเราเดินเลี่ยงดีกว่าเจ้าค่ะ เดี๋ยวคุณหนูสามก็พาลมาถึงพวกเราเอาได้ " รั่วหลินเอ่ยขึ้น
ผู้ใดไม่รู้บ้างว่าคุณหนูสามแห่งตระกูลหานเป็นพวกอันธพาลชอบหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว ถือดีว่าคนเป็นคนที่มีพรสวรรค์เลื่อนระดับได้อย่างรวดเร็วดีกว่าคนทั่วไปแค่เล็กน้อยก็ทำตัวยโสโอหังมิเห็นผู้ใดอยู่ในสายตาเช่นนี้ นานวันเข้าจึงไม่ค่อยมีผู้ใดคบหามากนัก
หานจินอี้จึงปรายตามองทั้งสองคนก่อนจะพยักหน้ารับ หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกไปจากสวนบุปผชาติเเห่งนี้ ไม่ใช่ว่าหานจินอี้นางกลัวหานอิงฮวาแต่เป็นเพราะวันนี้เป็นคล้ายวันเกิดของเจ้าของร่างเดิม นางไม่อยากทำให้วันดีๆเช่นนี้ถูกทำลายไปโดยใช่เหตุ
ไม่นานหานจินอี้กับรั่วหลินก็มาถึงห้องอักษรของหานหยางเจียน เมื่อพ่อบ้านเห็นนางก็รายงานประมุขของจวนทันที " ท่านนาย คุณหนูห้ามาถึงแล้วขอรับ "
" ให้นางเข้ามา " เสียงทุ้มลึกดังออกมาจากด้านใน
เมื่อหานจินอี้ได้รับอนุญาตให้เข้าไปแล้ว นางจึงผลักประตูเข้าไปด้านในโดยมีรั่วหลินรออยู่ด้านนอกกับพ่อบ้าน
" จินอี้คารวะท่านพ่อ " เมื่อหานจินอี้เข้าไปถึงก็ย่อตัวคารวะผู้เป็นบิดาโดยที่ไม่ทันได้สังเกตเห็นว่ามีคนผู้หนึ่งอยู่ด้านในด้วย
วันนี้เว่ยตงหนานเจรจาธุระสำคัญกับผู้นำตระกูลหานอยู่ และจู่ๆก็มีดรุณีน้อยนางหนึ่งผลักประตูเข้ามาด้านใน หลังจากที่เขาได้ยินเสียงของนางแล้วก็รู้สึกว่าน้ำเสียงของนางช่างคุ้นหูยิ่งนักราวกับว่าเขาเคยได้ยินมาจากที่ใดมาก่อน เขาจึงเงยหน้าจากถ้วยชาที่ตนกำลังจิบอยู่และมองไปยังผู้มาใหม่
หานหยางเจียนเห็นบุตรีที่ตนมิได้เจอนานก็พลันรู้สึกว่ากลิ่นอายนางมีบางอย่างที่แปลก เขาจึงจ้องมองหาความผิดปกติจากร่างของบุตรสาวของตนอยู่สักพักแต่กลับหาไม่เจอเขาจึงเลิกสนใจก่อนจะพยักรับการคารวะของผู้เป็นบุตร
เมื่อหานจินอี้ได้รับสัญญาณจากผู้เป็นบิดาก็เงยหน้ามองผู้เป็นบิดาก็พบว่า บิดาของนางผู้นี้ถึงจะอายุเข้าสี่สิบแล้วหน้าตายังหล่อเหลาดูดี บนใบหน้าก็ไม่ปรากฏริ้วรอยของอายุให้เห็นแม้แต่น้อย
ทันใดนั้นสายตาของนางบังเอิญไปสบตาของบุรุษรูปงามผู้หนึ่งเข้าแล้วดวงตาหงส์ของนางก็เบิกกว้างขึ้น เหตุใด.....เขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้! หานจินอี้ได้แต่ภาวนาอยู่ในใจขอให้คนผู้นั้นจำนางมิได้
เมื่อหานหยางเจียนเห็นว่าทั้งสองคนมองกันไปมาอย่างไม่วางตาจึงกระแอมคอเล็กน้อยก่อนเอ่ยขึ้นมา " จินอี้อย่าเสียมารยาท รีบทำความเคารพจวิ้นอ๋องซื่อจื่อเร็วเข้า! "
" จินอี้คารวะจวิ้นอ๋องซื่อจื่อ " หานจินอี้คารวะเว่ยตงหนานเสร็จแล้วก็พริบตาถี่ๆและเอียงคอถามบิดาด้วยท่าทางไร้เดียงสา " ท่านพ่อบุรุษรูปงานผู้นี้เป็นใครหรือเจ้าคะ " เอ่ยจบพลางชี้นิ้วไปที่เว่ยตงหนานที่นั่งอยู่
หานหยางเจียนที่ได้ยินบุตรีของตนกล่าวขึ้นมาก็ถึงกับหางคิ้วกระตุกก่อนจะเอ่ยขออภัยจากเว่ยตงหนาน " ซื่อจื่อ กระหม่อมต้องขออภัยแทนบุตรสาวของกระหม่อมด้วย นางเป็นคนสติไม่ดีจึงไม่รู้ที่ต่ำที่สูง "
เว่ยตงหนานได้ยินว่าคนที่มาใหม่เป็นคนสติไม่ดีก็กระตุกยิ้มขึ้นมา ' หึ!...คนสติไม่ดีที่ไหนจะไปป่าวิญญาณด้วยตัวคนเดียวได้ หลอกลวงกันชัดๆ '
หานหยางเจียนรู้ว่าเว่ยตงหนานคงไม่เชื่อที่ตนเองจึงได้อธิบายให้กับเขาฟัง " นางเป็นบุตรคนที่ห้าของกระหม่อม ทุกคนต่างรู้ดีนางเป็นคนโง่งม ขอให้ซื่อจื่ออย่าถือสานางเลย "
เว่ยตงหนานเมื่อรู้ว่านางเป็นผู้ใดริมฝีปากหยักได้รูปของเขาก็คลี่ยิ้มออกมาบางๆ หึ!....ดรุณีน้อยนางนี้ช่างมีความสามารถแสดงละครได้เก่งเสียจริงเขาอยากรู้นักว่านางจะเเสร้งเป็นคนโง่งมได้ถึงไหน ดังนั้นเขาจึงแสร้งทำเป็นเข้าใจ " อ๋อ....ที่เเท้ก็คุณหนูห้าหานที่เอง เช่นนี้ข้าก็มิได้ติดใจสิ่งใดแล้ว อีกทั้งธุระของข้าก็หมดแล้ว เช่นนั้นข้าไม่อยู่รบกวนท่านแล้วขอตัวก่อน " เเล้วเขาก็ลุกขึ้นเเละเดินหานจินอี้ออกจากห้องอักษรไป
เมื่อเว่ยตงหนานออกไปแล้วหานจินอี้จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก นางลุ้นแทบตายนึกว่าเขาจะเปิดโปงนางเสียแล้ว จากสายตาเมื่อครู่ที่คนผู้นั้นมองมาต้องจำนางได้เป็นแน่
" ข้าได้ยินว่าช่วงนี้เจ้าสนใจตำราสมุนไพรงั้นหรือ " หานหยางเจียนเปิดปากเอ่ยถามขึ้นก่อน
" เจ้าค่ะ ท่านแม่บอกว่าถึงข้าจะมิสามารถฝึกฝนพลังวิญญาณได้ แต่ถ้าเรียนรู้สมุนไพรกับวิชาแพทย์ได้บ้างก็เป็นเรื่องดี " หานจิมอี้ก้มหน้าตอบผู้เป็นบิดาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
หานหยางเจียนจ้องมองหานจินอี้อยู่สักพักก็ไม่พบว่ามีสิ่งใดผิดไปจากเดิมจึงส่งตำราโอสถเล่มหนึ่งให้กับหานจินอี้
หานจินอี้จึงมองตำราโอสถที่ลอยมาอยู่ตรงหน้าของตนอย่างเงียบๆ ทว่านางก็ไม่กล้าจะเอื้อมมือเข้าไปหยิบมัน ทั้งที่ในใจของนางกลับเต้นระรัวเมื่อได้เห็นชื่อของตำราเล่มนั้น
" ตำราหมื่นสมุนไพรของปรมาจารย์โอสถ มีคนเอาเข้ามาประมูล ข้าได้ยินจากแม่เจ้าว่าเจ้ากำลังศึกษาสมุนไพรอยู่จึงได้เก็บมันไว้ให้เจ้า ถือเสียว่าข้าเป็นขวัญวันเกิดของเจ้า "
หานจินอี้ได้ยินก็เงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นบิดาอย่างฉงนใจ คนผู้นี้ให้ตำราเล่มนี้กับนางด้วยเหตุผลอะไรกันแน่ เเต่ทว่านางก็มิใคร่จะสนใจมากนัก ตำราหมื่นสมุนไพรนี้รวบรวมรายชื่อสมุนไพรกว่าหมื่นชนิดไว้ในเล่มเดียวผู้ปรุงโอสถทุกคนต่างก็อยากได้มาไว้ครอบครองนางได้มันมาก็มิต่างจากเสือติดปีกแล้ว จากนั้นนางก็เอื้อมมือหยิบตำราเข้ามากอดแนบอกของตนราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าก่อนเอ่ยขอบคุณผู้เป็นบิดาและเดินออกไปจากห้องอักษร.....
