บทที่11 ชำระไขกระดูก
บทที่11 ชำระไขกระดูก
หานจินอี้กำลังหยิบเม็ดโอสถชำระไขกระดูกเก็บเข้าไปในขวดกระเบื้องขนาดเล็กที่นางเตรียมไว้ก่อนหน้า โอสถทั้งสามเม็ดนางเก็บลงในขวดกระเบื้องละหนึ่งเม็ดจึงไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มที่ซุกซนของรั่วหลินที่ยืนอยู่ด้านหลังของตน
เมื่อหานจินอี้เก็บโอสถทั้งสามเม็ดเรียบร้อยแล้วก็หันกลับไปหารั่วหลินที่ยืนอยู่ด้านหลังของตนพร้อมยื่นขวดกระเบื้องที่บรรจุโอสถชำระไขกระดูกให้กับรั่วหลิน
" ขวดนี้ข้าให้เจ้า "
รั่วหลินมองขวดกระเบื้องที่อยู่ในมือของหานจินอี้อย่างลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจรับขวดกระเบื้องมาจากมือของผู้เป็นนาย เพราะนางรู้ดีว่าถ้าหากนางไม่รับมาคุณหนูของนางก็ตั้งหาวิธีใช้นางรับมันไว้จนได้
หานจินอี้เห็นว่ารั่วหลินยอมรับโอสถจากนางแต่โดยดีก็ยกยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจก่อนจะเอ่ยขึ้นต่อ
" โอสถชำระไข้กระดูกนี่ข้าไม่รู้ว่าจะมีผลค้างเคียงเป็นไร เวลาเจ้าใช้มันก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้ด้วย "
" ข้าทราบเเล้วเจ้าค่ะ "
พอรั่วหลินรับคำเสร็จทั้งสองก็แยกย้ายกลับไปยังที่ห้องพักของตน ซึ่งห้องพักของรั่วหลินก็อยู่ห้องเล็กที่อยู่ไม่ไกลจากห้องพักของหานจินอี้นั้นเอง
เมื่อหานจินอี้เข้ามายังห้องพักของตนเรียบแล้วก็นั่งลงขัดสมาธิที่พื้นก่อนจะหยิบโอสถชำระไขกระดูกเข้าปากด้วยความอยากรู้ผลลัพธ์เป็นดังที่ในตำรากล่าวไว้หรือไม่
ไม่นานโอสถชำระไข้กระดูกก็เริ่มสัมแดงฤทธิ์เสียงกระดูกปริบแตกดังลั่น เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่หน้าผากมนของหานจินอี้ความเจ็บปวดค่อยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเหมือนดังจิตวิญญาณของนางกำลังเเยกออกจากร่าง ต่อมาก็รู้สึกว่าจิตวิญญาณของนางเริ่มหลอมรวมเข้าไปในร่างใหม่อย่างสมบูรณ์
แม้ว่านางจะเจ็บปวดมาเพียงใดทว่ากลับไม่ปริยบปากร้องออกมาสักครั้งเดียว ริมฝีปากบางแม้มเข้าหากันแน่นยิ่งขึ้นทำให้มีเลือดไหลซึมที่มุมปาก
จากนั้นพิษที่สะสมอยู่ในร่างกายมายาวนานตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของมารดาก็เริ่มหลั่งไหลบ่าขึ้นจุกอยู่ที่ลำคอแล้วไม่นานหานจินอี้ก็กระอักเลือดคำโตออกมาเป็นจำนวนมาก เลือดที่นางกระอักออกมานั้นเป็นสีดำทั้งยังส่งกลิ่นเหม็นคาวคลุ้งไปทั่วแล้วความเจ็บปวดก็ค่อยๆจางหายไปจนเหลือ
ทันใดนั้นเองนางก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของรั่วหลินดังแว่วมาจากห้องเล็กที่อยู่ไม่จากห้องของตนมากนัก นางก็เดาได้ว่ารั่วหลินเองก็เจ็บปวดจากการชำระไขกระดูกเช่นเดียวกัน
เมื่อหานจินอี้มองไปยังกองเลือดที่ตนกระอักออกมาอย่างเยือกเย็นก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก ดูท่าว่าฮูหยินรองจะไม่อยากให้เจ้าของร่างนี้มีชีวิตอยู่เเละคงตั้งใจจะทำให้มารดาและบุตรตายตกไปพร้อมกัน สตรีผู้นั้นช่างมีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตเสียจริง
การชำระไขกระดูกในครั้งนั้นทำให้จิตวิญญาณของนางได้หลอมร่วมเข้ากับร่างนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อไปนี้เลือดเนื้อของร่างเป็นของนี้เป็นของนางโดยสมบูรณ์ จิตวิญญาณและกายเนื้อมิอาจเเยกจากไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิตกันแน่....
จากนั้นหานจินอี้ใช้พลังวิญญาณทำลายกองเลือกที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะเดินหันหลังเข้าไปในฉากกั้น ถังน้ำมีน้ำอยู่เต็มถังคาดว่ารั่วหลินคงเตรียมเอาไว้ให้นาง รอยยิ้มที่น้อยคนนักที่จะได้เห็นก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเล็กของนาง แล้วนางจึงจัดการชำระสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย
หลังจากที่หานจินอี้ทดลองใช้โอสถชำระไขกระดูกก็รู้ว่าร่างกายนี้ดูจะเเข็งเเรงขึ้นไม่ได้เหนื่อยง่ายเหมือนเมื่อก่อน ผิวพรรณก็ดูเรียบเนียนขึ้นโอสถนี้ผลออกมาดีเกินคาด
เมื่อจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเสียงของรั่วหลินก็เงียบลงไปเเล้วคาดว่าความเจ็บปวดคงผ่านพ้นไปแล้ว
จากนั้นหานจินอี้จึงเดินไปนั้นขัดสมาธิที่เตียงเเล้วเอาแกนอสูรสีส้มออกมาจากกำไลมิติและเริ่มดูดซับพลังวิญญาณจากแกนอสูร พลังวิญญาณค่อยไหลบ่าเข้ามาในจุดต้นเถียนของหานจินอี้เรื่อยๆราวกับหลุมดำขนานใหญ่ที่เติมอย่างไรก็ไม่เต็มเสียที จนกระทั่งพลังวิญญาณที่อยู่ในแกนอสูรหมดไป
แต่ทว่าระดับพลังของหานจินอี้ก็กับไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้เเต่น้อย หานจินอี้ก็ได้แต่ถอดหายใจออกมา โดยปกติแล้วคนธรรมดาทั่วไปจะดูดซับแก่นอสูรเพียงสองลูกก็เลื่อนระดับพลังได้แล้วแต่กลับนางแล้วมันไม่ใช่ ดูเหมือนว่าต้นเถียนของนางจะใหญ่กว่าคนปกติดูดซับเท่าไรก็ไม่เต็มเสียที
หานจินอี้จึงยุติการดูดซับแกนอสูรไว้แค่นี้ก่อนเพราะกลัวว่าจะทำให้เส้นลมปราณแตกซ่านได้ มากก็ไปก็ไม่ดีมันจะทำให้รากฐานเสียหายจำเป็นตอนค่อยๆเป็นค่อยๆไปถึงจะดี
พอถึงตกเย็นหานจินอี้ก็ได้พบรั่วหลินอีกครั้ง โดยรั่วหลินนั้นเล่าเหตุการณ์ที่ตนประสบพบเจอมาตอนที่โอสถชำระไขกระดูกออกฤทธิ์ จนตอนนี้รั่วหลินได้เลื่อนระดับพลังจากระดับต้นจิตสามดาราเป็นห้าดาราแล้วนับว่าเลื่อนขั้นอย่างก้าวกระโดดอย่างไม่มีผู้ใดเป็นมาก่อน
" คุณหนูเจ้าคะ อีกแค่สามวันก็ถึงวันเกิดของคุณหนูแล้ว " รั่วหลินที่พึ่งนึกขึ้นได้ว่าใกล้จะถึงวันเกิดของคุณหนูของตนทุกที
หานจินอี้ที่กำลังคีบอาหารเข้าปากอยู่ก็ชะงักอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาเป็นปกติ จริงสิ...นางมาอยู่บนโลกใบนี้มาปีกว่าเเล้วสินะ วันเกิดของนางตรงกับวันเทศกาลซีซีพอดี ปีนี้ร่างนี้ก็ครบสิบสามปีแล้ว
" อืม ข้ารู้เเล้ว " หานจินอี้ตอบรับอย่างไม่ใส่ใจ ในทุกปีจะมีพี่ใหญ่คอยพาไปฉลองวันเกิดอยู่เสมอทว่าตอนนี้พี่ใหญ่กับไม่อยู่ ปีนี้คงเงียบเหงาเสียเเล้ว
รั่วหลินเห็นความเศร้าปรากฏบนใบหน้าที่งดงามของผู้เป็นนายก็เอ่ยขึ้นมาเสียงใส " ปีนี้ถึงคุณชายใหญ่ไม่อยู่ ทว่าคุณชายใหญ่ต้องส่งของขวัญมาให้คุณหนูมาแน่เลยเจ้าคะ "
เมื่อนึกถึงของขวัญหานจินอี้ก็ตาเป็นประกายแล้วเหลือบมองกำไลมิติที่อยู่บนข้อมือของตน ของที่พี่ใหญ่ให้มาล้วนแต่เป็นของดีทั้งสิ้น ทว่าก็โดนหานอิงฮวากับหานหลงเสวี่ยแย่งชิงไปเกือบหมด ถ้าหากไม่ได้ซ่อนกำไลมิติวงนี้ไว้แกร่งว่าคงโดยแย่งชิงไปหมดเหมือนกัน
" คุณหนู... " รั่วหลินที่เห็นผู้เป็นนายมองกำไลมิติอย่างเหม่อลอยก็เรียกอีกครั้ง
หานจินอี้ได้ยินเสียงเรียกก็ได้สติขึ้นมาแล้วก็วางตะเกียบลงก่อนที่จะเอ่ยขึ้น " ข้าอิ่มแล้ว เจ้าเอาไปเก็บเถอะ เก็บโต๊ะเสร็จเจ้าก็ไปพักผ่อนเถอะ ไม่ต้องค่อยรับใช้ข้าเเล้ว "
รั่วหลินเห็นผู้เป็นนายลุกขึ้นแล้วเดินกลับเข้าห้องไปก็พลันนึกอยากตบปากตัวเองที่ปากเสียเอ่ยถึงคุณชายใหญ่ขึ้นมา คาดว่าคุณหนูต้องคิดถึงคุณชายใหญ่เป็นแน่ จากนั้นรั่วหลินก็รีบเก็บโต๊ะแล้วเอาเรื่องนี้ไปบอกให้กับแม่นมฉินทราบ
หานจินอี้ที่รั่วหลินคิดว่ากำลังเศร้าเพราะคิดถึงหานเจี้ยนเฉิง ตอนนี้นางกำลังนั่งดื่มสุราชมจันทร์อยู่ที่หลังคาของเรือนหลันฮวา สุรานี้นางซื้อมาในระหว่างทางกลับจากป่าวิญญาณ ที่นางรู้สึกเศร้านั้นไม่ใช่คิดถึงหานเจี้ยนเฉิงอย่างที่รั่วหลินคิด
ทว่านางกำลังคิดถึงโลกใบเดิมที่นางจากมาต่างหาก ไม่รู้ว่าคนของนางจะรอดจากโดนพวกทหารลอบโจมตีหรือไม่ คนพวกนั้นเป็นเพื่อนที่ร่วมเป็นร่วมตายกับนางมานาน ขอให้พวกเขาอยู่รอดปลอดภัยและมีชีวิตที่ดี....
หานจินอี้ยกไหสุราขึ้นดื่มนางรู้สึกว่าสุราบนโลกใบใหม่นี้รสชาติไม่ดีเอาเสียเลย ทำให้นางพลางคิดถึงสุราจากโลกเก่าของนางที่ได้หมักเอาไปก่อนที่จะเดินทางไปทำภารกิจ คิดว่าหมักเอาไว้พอกลับจากภารกิจแล้วคงหมักได้ที่พอดี ทว่าผู้ใดจะคิดว่าพวกทหารบัดซบนั้นจะรู้เส้นทางของเสียได้ คิดๆดูแล้วช่างเสียดายสุราที่หมักไว้ยิ่งนัก!
หานจินอี้ดื่มสุราแค่ครึ่งไหก็เมาเสียเเล้ว นางก็พลางก่นด่าว่าร่างกายนี้คออ่อนไม่ได้เรื่องแค่สุราครึ่งไหก็เมาแล้วเเต่นางหารู้ไม่ว่าร่างกายนี้ไม่เคยดื่มสุรามาก่อน ดื่มไปครึ่งไหแล้วไม่ร่วงนักว่าดีมากแล้ว จากนั้นหานจินอี้ลงจากหลังคาอย่างทุลักทุเลในที่สุดก็เดิมมาถึงเตียงนอนของตนและหลับไปในทันทีเพราะความเมา
