บทที่10 หลอมโอสถ
บทที่10 หลอมโอสถ
หลังจากที่หานจินอี้ได้รู้ความจริงความสัมพันธุ์ระหว่างมารดาและบุตรของดีขึ้นกว่าเดิมมาก ทว่าเรื่องที่นางสามารถให้พลังวิญญาณได้แล้วก็ยังเก็บเป็นความลับอยู่เพราะยังไม่สามารถหาหลักฐานเอาผิดฮูหยินรองไม่ได้ อีกทั้งหานจินอี้ก็ไม่ต้องการให้ผู้ใดล่วงรู้ระดับพลังของตน ส่วนสมุนไพรที่นางได้มาจากป่าวิญญาณแบ่งขายให้เถ้าแก่ร้านขายสมุนไพรตามที่ได้ตกลงกันไว้ในตอนแรก
ในขณะที่นางกำลังนั่งอ่านตำราอักขระโบราณอยู่ที่ริมหน้าต่างอยู่นั้นรั่วหลินก็เดินเข้ามาในมือของนางถือหม้อปรุงโอสถอยู่
" คุณหนู หม้อปรุงโอสถที่คราวก่อนคุณหนูไว้วานให้เถ้าแก่ร้านขายสมุนไพรหามาให้ได้แล้วนะเจ้าค่ะ "
หานจินอี้ได้ยินก็ละสายตาจากตำราอักขระในมือแล้วมองไปยังหม้อปรุงโอสถที่อยู่ในมือของรั่วหลิน ลักษณะของหม้อปรุงโอสถนั้นคล้ายกับหม้อดินเผาในสมัยที่นางยังอยู่ในโลกเดิมของนาง ขนาดของมันไม่เล็กไม่ใหญ่สามารถพบพาไปไหนมาไหนได้ไม่ลำบาก เถ้าแก่ร้านขายสมุนไพรช่างใส่ใจยิ่งนัก
จากนั้นหานจินอี้จึงยื่นมือไปรับหม้อปรุงโอสถจากรั่วหลินก่อนที่รั่วหลินจะเอ่ยขึ้น " หม้อปรุงโอสถนี้เป็นอาวุธระดับชั้นฟ้าเจ้าคะ ราคาห้าพันเหรียญทองเซียว "
เมื่อหานจินอี้ได้ยินว่าราคาหม้อปรุงโอสถที่อยู่ในมือของนางก็ทำในหัวใจของนางแทบจะหลั่งเลือดออกมา แค่อาวุธระดับสองก็เเพงถึงเพียงนี้เล่นเอาเงินที่นางหามาได้จากการขายสมุนไพรของนางแทบจะหมด....เเพงเกินไปแล้ว!
รั่วหลินเห็นสีหน้าก็ผู้เป็นนายของตนก็เข้าใจได้ว่าตอนนี้ผู้เป็นนายแทบจะกระอักเลือดออกมาเต็มที ตอนแรกที่นางได้ยินก็มีอาการไม่ต่างกันด้วยซ้ำ รั่วหลินนางจึงอธิบายให้กับผู้เป็นนายได้ฟัง " อาวุธมีอยู่ห้าระดับคือ ระดับจิตวิญญาณ ระดับชั้นฟ้า ระดับเซียน ระดับเทวะและระดับเทพ ราคาและความหาอยากของแต่ระดับก็ยังแตกต่างกันออกไป ที่เก่าแก่ร้านขายสมุนไพรหามาให้ถือว่าที่ถูกสุดแล้วในตอนนี้แล้วเจ้าคะ "
หานจินอี้ได้ฟังที่รั่วหลินอธิบายจนจบก็มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก อันที่จริงถ้านางอยากได้ก็สามารถขอกับมารดาก็ได้เพราะตระกูลหานของนางเป็นโรงประมูลขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดของทั้งสองดินแดน
ไม่ว่าสิ่งใดก็มีคนเอามาในขายให้กับโรงประมูลของตระกูลหานกันทั้งนั้น ทว่านางไม่อยากให้ใครรู้ว่าตนใช้พลังวิญญาณได้แล้ว จึงต้องจัดหาทุกอย่างเอาเองเงียบๆเพราะถึงอย่างไรคนในตระกูลก็ไม่ได้สนใจนางอยู่แล้ว
หลังจากที่หานจินอี้ได้หม้อปรุงโอสถมาแล้วนางก็ตรงไปยังห้องปรุงยาที่ได้เตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้เเล้วและเริ่มลงมือหลอมโอสถชำระไขกระดูกที่นางตั้งใจไว้ในตอนเเรก
จากนั้นหานจินอี้จึงเริ่มจุดไฟวิญญาณธาตุไม้ของตนขึ้นมาและเริ่มทำตามขั้นตอนที่นางอ่านมาจากตำราผู้ปรุงโอสถ
เริ่มเเรกนางต้องควบคุมไฟวิญญาณเข้าไปในหม้อหลอมโอสถ จากนั้นก็ค่อยๆใส่ส่วนผสมสมุนไพรของโอสถชำระไข้กระดูกและเติมน้ำทิพย์วารีลงไปเล็กน้อยและใช้ไฟอ่อนๆ พอสมุนไพรทั้งหมดหลอมละลายไปหมดแล้วก็เริ่มระดับไฟขึ้นมาอีกระดับหนึ่งจากนั้นก็.....บูม!!
เสียงหม้อปรุงโอสถระเบิดควันฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง รั่วหลินที่กำลังพรวนดินอยู่ที่แปลงสมุนไพรได้ยินเสียงระเบิดดังมาจากห้องปรุงโอสถก็วางมีจากงานที่ทำอยู่แล้วพุ่งตรงไปยังห้องปรุงโอสถทันที
พอรั่วหลินไปถึงก็ผลักประตูเข้าไปปรากฏกลุ่มควันกระจายไปทั่วห้อง
" แค่กๆ...เเค่กๆ "
ทันใดนั้นรั่วหลินก็ได้ยินเสียงไอของผู้เป็นนายดังขึ้นมา นางก็รีบไปเปิดหน้าต่างออกเพื่อไล่กลุ่มควันที่อยู่ในห้องแล้วเดินเข้าไปหาหานจินอี้ที่ยืนสำลักควันอยู่อีกฟากหนึ่ง
" คุณหนู ไม่เป็นไรนะเจ้าค่ะ " รั่วหลินเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
" ข้าไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง...เเค่กๆๆ " หานจินอี้เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับไอออกมาเบาๆ
ในระหว่างที่นางกำลังหลอมโอสถอยู่นั้น อีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้นก็จะสำเร็จแล้วเซียว ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆก็เกิดระเบิดขึ้นมา ยังดีที่หม้อปรุงโอสถไม่ได้แตก ทว่าโอสถที่นางหลอมนี่สิกลายเป็นสีดำไปหมดเเล้วทั้งยังส่งกลิ่นเหม็นไม้ออกมาอีกต่างหาก
รั่วหลินเห็นสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ของผู้เป็นนายก็ชะโงกมองลงไปที่หม้อปรุงโอสถก็พบว่าสมุนไพรในหม้อไม้หมด จึงรีบเอ่ยปลอบใจผู้เป็นนาย " คุณหนูพึ่งหลอมโอสถเป็นครั้งแรกจะเป็นเช่นนี้ก็ไม่แปลกนะเจ้าค่ะ ครั้งแรกมีผู้ใดบ้างไม่เป็นเช่นนี้ อีกทั้งคุณก็ยังไม่มีท่านอาจารย์ค่อยชี้แนะด้วย "
หานจินอี้ได้ยินที่รั่วหลินกล่าวรู้สึกว่ามีเหตุผล มีผู้ใดบ้างที่จะหลอมโอสถสำเร็จในครั้งแรก แต่ทว่าสมุนไพรที่นางเตรียมเอาไว้มีแค่สามชุด นางทำเสียไปแล้วชุดหนึ่งเหลือแค่สองชุดเพียงเท่านั้นและสมุนไพรพวกนี้ล้วนแต่หายากเเละราคาแพงทั้งนั้นจะไม่ให้นางรู้สึกเสียดายเสียดายได้เช่นไร
รั่วหลินนางรู้จักนายของตนดีกว่าเป็นคนเช่นไร ตั้งแต่ที่หานจินอี้ฟื้นขึ้นมาเมื่อหลายเดือนก่อนนิสัยก็เปลี่ยนไปมากและที่สำคัญไปกว่านั้นคือผู้เป็นนายชื่นชอบเงินยิ่งกว่าสิ่งใดไม่แปลกที่เเสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมา
" คุณหนูเจ้าคะ ลองดูอีกครั้งเถอะเจ้าค่ะ "
หานจินอี้จึงพยักหน้าใช้กับคนสนิทของตน ถึงรั่วหลินจะอายุน้อยกว่านางสองปีทว่ารั่วหลินกลับมีนิสัยที่โตกว่าอายุ แล้วหานจินอี้ก็เริ่มลงมือปรุงโอสถอีกรอบด้วยความระมัดระวังกว่าเดิมโดยครั้งนี้มีรั่วหลินคอยยืนให้กำลังใจอยู่ข้างๆ จากนั้นไม่นานก็....บูม!!! ก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น....เช่นเดิน
" เเค่กๆ " เสียงไอของทั้งสองดังขึ้นเเล้วทั้งสองก็ยกมือปัดไล่กลุ่มควันที่อยู่ตรงหน้าออกไป
รั่วหลินจึงได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆให้กับผู้เป็นนายที่หันมามองนางอย่างเคืองๆ จากนั้นรั่วหลินก็ชี้นิ้วไปยังสมุนไพรอีกชุดที่เหลืออยู่ก่อนจะเอ่ยขึ้น " ยังเหลืออยู่มีชุดหนึ่งเจ้าค่ะ เมื่อครู่คุณหนูอาจจะใช้ไฟเเรงไป "
หานจินอี้จึงได้แค่ถอนหายใจเสียงดัง ไม่คิดว่าการหลอดโอสถจะยากถึงเพียงนี้ โอสถชำระไขกระดูกที่นางกำลังหลอมเป็นเพียงโอสถระดับหนึ่งก็ยากถึงเพียงนี้แล้ว ไม่แปลกใจเลยที่ผู้ปรุงโอสถระดับสูงๆจะเป็นที่ต้องการของขุมกำลังต่างๆ
ผู้ปรุงโอสถมีอยู่เก้าระดับ นับตั้งแต่ระดับหนึ่งถึงเก้า โอสถแต่ละระดับมีความอยากง่ายต่างกันออกไปยิ่งความบริสุทธิ์ของโอสถมากเท่าไรราคาซื้อขายก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่นางเลือกที่จะฝึกฝนเส้นทางนี้เป็นอันดับแรกเพราะมันหาเงินได้คล่องกว่า แทนที่จะฝึกฝนอักขระต้องสาปของธาตุมืดที่ใช้เวลานานกว่า และอีกเหตุผลหนึ่งเพราะการฝึกฝนพลังวิญญาณต้องใช้ทรัพยากรเป็นหลัก ถ้านางสามารถหลอมโอสถรวมปราณได้การเลื่อนระดับของนางก็ไม่ใส่ปัญหาอีกต่อไป
หานจินอี้จึงเริ่มหลอมโอสถชุดสุดท้าย ถ้าหากครั้งนี้ไม่สำเร็จนางต้องเริ่มหนึ่งใหม่เพราะสมุนไพรที่ใช้ปรุงโอสถชำระไข้กระดูกนั้นช่างหายากยิ่งว่าอะไร กว่านางจะรวมร่วมมากได้ก็ไม่ใช่ง่ายๆเลย จากนั้นนางก็เริ่มหลอมโอสถอีกครั้งและลองทำตามคำแนะนำของรั่วหลิน
จากนางค่อยๆเพิ่มระดับไฟขึ้นไปเรื่อยๆก็เปลี่ยนเป็นใช้ไฟแรงในตอนที่หลอมส่วนผสมให้ละลาย เมื่อสมุนไพรหลอมละลายจนหมดก็ลดระดับไฟจากใช้ไฟแรงเปลี่ยนเป็นไฟอ่อนจนในที่สุดก็สำเร็จ
โอสถเม็ดสีขาวนวลปรากฏอยู่ในหม้อหลอมมีอยู่สามเม็ดความบริสุทธิ์เจ็ดส่วนทั้งสามเม็ด เป็นความสำเร็จที่คาดไม่ถึงสำหรับตัวของหานจินอี้ นางคิดไว้ว่าโอสถที่นางหลอมครั้งเเรกบริสุทธิ์เพียงแค่ห้าส่วนก็ถือว่าประความสำเร็จที่เกิดคาดแล้ว
ทว่านี้กลับมีความบริสุทธิ์ถึงเจ็ดส่วน! คงเป็นเพราะน้ำทิพย์วารีเป็นแน่! ฮ่าๆ...นางช่างโชคดีนัก!...ที่ตัดสินใจเข้าไปในถ้ำใต้น้ำตกเเห่งนั้น
" คุณหนู! โอสถระดับหนึ่งถึงมีแค่สามเม็ดทว่ามีความบริสุทธิ์ถึงเจ็ดเท่ากันทั้งสามเม็ด! " รั่วหลินเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ คุณหนูของนางช่างมีพรสวรรค์ยิ่งนัก ถ้าหากคุณหนูสามกับคุณชายสี่รู้เข้าคงได้อกแตกตายเป็นแน่
รั่วหลินนางทราบดีว่าเหตุใดคุณหนูสามกับคุณชายสี่ที่เกิดจากฮูหยินรองถึงได้ค่อยกลั่นแกล้งคุณหนูของนางนักเพราะคุณหนูสามอิจฉารูปลักษณ์ของคุณหนูของนาง
ส่วนคุณชายสี่ก็อิจฉาคุณชายใหญ่ที่นายท่านให้ความสำคัญมากกว่าตน แต่ทว่าก็ไม่อาจทำสิ่งใดคุณชายใหญ่ได้ จึงมาลงที่คุณหนูของนางซึ่งในตอนนั้นเป็นคนสติไม่ดี ตอนนี้รั่วหลินอยากรู้นักว่าถ้าสองคนนั้นรู้ว่าคุณหนูของนางเก่งกาจถึงเพียงนี้จะมีสีหน้าเช่นไร แล้วรอยยิ้มที่ซุกซนก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่น่ารักของรั่วหลิน
