บท
ตั้งค่า

บทที่ 8 ใครคือฉู่อ๋องตัวจริง!?

“เจ้าไม่สงสัยหรือว่าฉู่อ๋องมานอนอยู่ที่หน้าประตูจวนเพราะเหตุใด ที่นี่คือจวนอ๋องของเขาแท้ๆ ไยถึงไม่เข้ามาข้างใน ครึ่งเดือนก่อนหน้าเจ้าเป็นคนรายงานข้าว่าฉู่อ๋องกำลังยกทัพกลับเมืองหลวง ทว่าเหตุใดจึงเหลือแค่เขาเพียงคนเดียว แล้วไหนจะไฉอันอีกเล่า” วาจาของนางทำให้หลิวก้วนครุ่นคิดตาม เรื่องยกทัพกลับมานั้น ลางทีท่านอ๋องอาจสั่งให้กองทัพแยกย้ายกันไปแล้ว ทว่าเรื่องไฉอันนั้นน่าสงสัยเป็นอย่างมาก เดิมทีไฉอันตามติดฉู่อ๋องราวกับเงา ไม่มีทางที่ไฉอันจะปล่อยท่านอ๋องไว้ตามลำพัง อีกทั้งยังบาดเจ็บหนักเช่นนี้อีก

จวีลู่ม่านมองร่างไร้สติด้วยความสับสน เขาคือฉู่เติ้งหาวอ๋องแน่หรือ นางรู้สึกว่าเรื่องนี้มีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง

หากแต่ว่าก่อนที่จะได้เอ่ยวาจาใดออกมา จวีลู่ม่านสังเกตเห็นซานอิ๋งมองไปยังข้างหลังของนางด้วยดวงตาที่เบิกกว้างบ่งบอกถึงความตกใจราวกับกำลังเห็นผี

“ท่านอ๋อง!”

จวีลู่ม่านหมุนกายหันไปมองทางด้านหลังของตนจึงเห็นฉู่เติ้งหาวกำลังสาวเท้าเดินเข้ามา ในอ้อมแขนแกร่งกำลังอุ้มร่างเล็กของฉู่ไจ๋ไจ๋เอาไว้

“ข้ามีท่านพ่อสองคน เย้” เด็กน้องร้องลั่นด้วยความดีใจตามประสาเด็กๆที่เห็นบุรุษที่หน้าตาเหมือนบิดา ทว่าสำหรับผู้ใหญ่แล้วต่างพากันรู้สึกสับสนมากกว่า

พรึ่บ! ตุ้บ!

เสียงฝีเท้าคนกระทบลงบนพื้นไม้ จวีลู่ม่านรีบก้มศีรษะลงต่ำ เบี่ยงกายหลบมือหนาของใครบางคนที่พุ่งตรงมาจากทางด้านหลังได้ทันท่วงที จากนั้นร่างบางก็งัดวิทยายุทธที่ได้ร่ำเรียนมาในตอนที่ยังเป็นแม่ทัพหญิงลู่หนิงออกมาใช้ มือบางกระแทกไปที่หน้าท้องแกร่ง จนคนตัวโตกระเด็นไปกระแทกผนังไม้อย่างไม่ทันตั้งตัว ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน

“อั่ก!” ชายหนุ่มกระอักโลหิตออกมาจากปาก ฉู่เติ้งหาวเกรงว่าภาพที่เห็นจะทำให้ฉู่ไจ๋ไจ๋หวาดกลัวจึงรีบยกมือขึ้นปิดตาของนางเอาไว้ หากแต่เจ้าก้อนกลมกลับดึงมือของเขาออกพลางปรบมือจนได้ยินเสียงดังแปะๆด้วยความชอบใจ

“กรี๊ดด ท่านแม่เก่งที่สุดเลย”

ทหารองครักษ์ปรี่เข้าไปจับกุมชายปริศนาที่หน้าตาเหมือนฉู่เติ้งหาวเอาไว้ ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายไปกันใหญ่ ประมุขของจวนกลับก้าวเข้ามา กล่าวด้วยน้ำเสียงอันดัง

“ปล่อยเขา!”

“คุณชายฉู่เฟิ่งหาว” ไฉอันปรากฏตัวขึ้นพร้อมปรี่เข้าไปประคองคนตัวโตขึ้นมา ในขณะที่เจ้าตัวกระตุกยิ้มที่มุมปากเบาๆ

“ไม่นึกเลยว่าน้องสะใภ้จะมีฝีมือที่เก่งกาจเช่นนี้” ฉู่เฟิ่งหาวเปล่งเสียงหัวเราะแหบห้าว จวีลู่ม่านหันไปสบตากับฉู่อ๋อง ฉู่เติ้งหาวเห็นแววตาสงสัยของนางจึงกล่าวขึ้นมาว่า

“ฉู่เฟิ่งหาวเป็นพี่ชายฝาแฝดของข้า” ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่ายกับนิสัยแปลกประหลาดของคนเป็นพี่ ในสายพระเนตรของฉู่ฮ่องเต้ผู้เป็นบิดา ฉู่เฟิ่งหาวเป็นบุรุษหนุ่มไม่เอาไหน ไม่ชื่นชอบการอยู่ในวังหลวง เอาแต่เที่ยวเล่นไปมาจนทำให้ฉู่ฮ่องเต้กริ้วสั่งปลดยศอ๋องกลายเป็นสามัญชน ทว่าแทนที่เขาจะสำนึก แต่กลับกลายเป็นชอบใจเสียอย่างนั้น เพราะเขาไม่ต้องจมปลักอยู่ที่วังหลวง ได้ออกไปท่องยุทธภพอย่างที่ตั้งใจเอาไว้

“เติ้งหาวอย่ามองข้าด้วยสายตาเช่นนี้ ข้าขอแค่ที่พักพิงอาศัยเพียงไม่กี่วัน ข้าก็จะจากไปแล้ว”

ฉู่เติ้งหาวไม่ได้สนใจวาจาของพี่ชาย ความสนใจของเขาอยู่ที่บาดแผลบริเวณสีข้างที่ยังคงเห็นโลหิตไหลซิบๆออกมามากกว่า

“แผลที่สีข้างท่านไปโดนอะไรมา”

“ก็แค่พวกโจรกระจอก” ฉู่เฟิ่งหาวยักไหล่ขึ้นเบาๆ

“หากกระจอกจริงอย่างที่ท่านว่า คงไม่อาจเรียกโลหิตจากท่านได้หรอก“ ฉู่เติ้งหาวกล่าวเสียงเรียบ ฉู่เฟิ่งหาวเป็นคนที่มีวิทยายุทธ์เก่งกล้า โจรชั่วพวกนั้นคงมีฝีมือไม่เบาที่ทำให้เขาบาดเจ็บได้

“ก็แค่… พวกมันมีหลายคนมากกว่าข้า” ฉู่เฟิ่งหาวเถียงกลับ ฉู่เติ้งหาวไม่อยากต่อปากต่อคำกับคนเป็นพี่จึงโบกมือให้ไฉอันพาเขาเข้าไปพักในห้อง และสั่งทหารไปตามหมอหลวงมาเพื่อทำการรักษาบาดแผลที่สีข้างของฉู่เฟิ่งหาว

“ฮ้าววว” มือเล็กยกขึ้นปิดปากหาว ฉู่ไจ๋ไจ๋ซบใบหน้าลงบนไหล่หนาของคนเป็นพ่อ ทำตาปรือราวกับคนง่วงนอน

“ท่านอ๋องไปจัดการเรื่องพี่ชายของท่านเถอะ หม่อมฉันจะพาไจ๋ไจ๋เข้านอนก่อน” จวีลู่ม่านเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ยื่นมือออกไปหาเจ้าก้อนกลม ฉู่เติ้งหาวยังอยากพูดคุยเล่นกับเจ้าก้อนแป้ง แต่เมื่อเห็นนางง่วงนอนจึงยอมส่งร่างเล็กให้กับภรรยา ทว่าฉู่ไจ๋ไจ๋กลับยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างใบหูของเขาก่อน

“ไจ๋ไจ๋อยากนอนกอดท่านพ่อ”

“เสร็จธุระพ่อจะเข้าไปหาเจ้า”

“สัญญานะเจ้าคะ” เด็กน้อยยกนิ้วกลมป้อมขึ้นมา ฉู่เติ้งหาวแย้มยิ้มให้นางอย่างอ่อนโยน พลางยื่นนิ้วใหญ่เข้าไปเกี่ยวกับนิ้วเล็กแทนคำสัญญา ก่อนที่เจ้าก้อนกลมจะเบี่ยงกายโผเข้าหาอ้อมแขนของคนเป็นแม่แทน

ระหว่างทางเดินกลับไปห้องนอนของฉู่ไจ๋ไจ๋ จวีลู่ม่านเห็นท่าทางมีลับลมคมในของสองพ่อลูกเมื่อครู่นี้จึงอดถามขึ้นมาไม่ได้

“ไจ๋ไจ๋แอบคุยอะไรกับท่านพ่อ”

“ไจ๋ไจ๋บอกให้ท่านพ่อเข้านอนไวๆเจ้าค่ะ” เด็กน้อยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม พลางส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมาเบาๆ จวีลู่ม่านไม่อยากซักไซ้บุตรสาว แม้จะแปลกใจแต่ก็ไว้ใจเพราะที่ผ่านมาฉู่ไจ๋ไจ๋ไม่เคยโกหกนางแม้แต่สักครั้งเดียว

เวลาผ่านไปราวหนึ่งถ้วยชา หมอหลวงก็เดินทางมาถึงจวนอ๋อง หลังจากตรวจดูอาการและบาดแผลของฉู่เฟิ่งหาวเสร็จสรรพ เคราะห์ดีที่นอกจากแผลบริเวณสีข้างแล้ว ฉู่เฟิ่งหาวก็ไม่ได้รับบาดเจ็บบริเวณอื่น อีกทั้งแผลที่สีข้างไม่ได้ลึกมากเท่าใด หมอหลวงจึงจัดการเย็บแผลให้ราวแปดเข็ม เขียนเทียบยาให้เรียบร้อยแล้วจึงขอตัวกลับ

ฉู่เติ้งหาวกอดอกมองพี่ชายที่กำลังยกถ้วยยาขึ้นดื่ม เห็นเขาทำใบหน้าบิดเบี้ยวคาดว่าเป็นเพราะความขมของยาจึงเปล่งเสียงหึออกมาในลำคอ

“ท่านกลับมาที่เมืองหลวงเพราะอะไรกันแน่”

ฉู่เฟิ่งหาวชะงักมือหนาของตนเล็กน้อย ก่อนจะยื่นส่งถ้วยยาคืนให้สาวใช้ หลังจากที่ประตูปิดลงเหลือเพียงแค่เขาและฉู่เติ้งหาวอยู่ในห้องตามลำพังจึงพ่นลมหายใจออกมาแรงๆหนหนึ่ง

“ข้าได้ยินมาว่าช่วงนี้มีโจรเข้ามาสร้างความวุ่นวาย ข้าไม่อยากให้ชาวเมืองเดือดร้อน…”

“ก็เลยบุกไปทลายแหล่งกบดานของมันเพียงคนเดียว” คนเป็นพี่พูดยังไม่ทันจบประโยค ฉู่เติ้งหาวพลันเอ่ยขัดขึ้นมา ฉู่เฟิ่งหาวหัวเราะออกมาในลำคอด้วยความขบขัน สมแล้วที่เป็นพี่น้องฝาแฝดกัน ไม่ว่าเขาคิดอะไร ฉู่เติ้งหาวก็รู้ทันไปเสียทุกเรื่อง

“ข้าผิดเองที่ใจร้อน”

“ท่านพี่จะทำสิ่งใดก็นึกถึงเสด็จแม่บ้าง นางเป็นห่วงท่านมาก ตั้งแต่ที่ท่านดึงดันจากไป ข้าไม่เคยเห็นเสด็จแม่ยิ้มได้เต็มปากเลยสักหน" และที่เปาฮองเฮาทรงประชวรอยู่ทุกวันนี้ ฉู่เติ้งหาวรู้จากหมอหลวงว่าเป็นเพราะอาการตรอมพระทัย ชายหนุ่มคิดว่าคงเป็นเรื่องของฉู่เฟิ่งหาว เพราะตั้งแต่ที่เขาจากเมืองหลวงไปเมื่อสี่ปีก่อน ก็ไม่มีผู้ใดได้พบเจอฉู่เฟิ่งหาวอีกเลย จนกระทั่งวันนี้

“ท่านพี่จะทำอะไรก็ทำเถิด” กล่าวจบร่างสูงของฉู่เติ้งหาวก็หมุนกายเดินไปที่ประตู ก่อนจะหมุนกายกลับมาอีกหนหนึ่ง ดวงตาคมมองประสานกับดวงตาสีนิลของพี่ชาย ไม่มีผู้ใดสามารถแยกใบหน้าที่เหมือนกันของเขากับฉู่เฟิ่งหาวได้ ทว่ามีเพียงแค่คนใกล้ชิดเท่านั้นที่รู้ว่าฉู่เฟิ่งหาวจะมีดวงตาสีนิลดำขลับมากกว่าฉู่เติ้งหาวแฝดน้อง

“กลับมาครานี้แวะเวียนเข้าไปเยี่ยมเสด็จแม่ด้วย พระอาการของนางไม่ค่อยดีเท่าใดนัก อย่าทำให้ข้าต้องเกลียดชังท่านเหมือนเสด็จพ่อไปอีกคนหนึ่ง” เสียงเข้มกล่าว ก่อนที่ร่างสูงของฉู่เติ้งหาวจะผลักประตูเปิดและเดินออกไป ดวงหน้าหล่อเหลาเฉยเมยของฉู่เฟิ่งหาวเศร้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด ยามนึกถึงเปาฮองเฮาพระมารดา

ฉู่เติ้งหาวเดินกลับไปยังหอนอนของฉู่ไจ๋ไจ๋ วันนี้ตั้งใจจะนอนกอดเจ้าก้อนกลมตามสัญญา สี่ปีที่จากไป เขารู้สึกคิดถึงบุตรสาวมากเหลือเกิน อีกทั้งยังรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยที่ไม่ได้เลี้ยงดูใกล้ชิดนาง เป็นเพราะภาระหน้าที่ๆต้องรับผิดชอบต่อบ้านเมืองทำให้เขาต้องจำใจจากไป หาไม่เช่นนั้นเขาคงไม่มีวันทอดทิ้งนางไว้ตามลำพังหรอก

ไม่สิ… จะบอกว่าตามลำพังก็ไม่ได้ ฉู่ไจ๋ไจ๋มีจวีลู่ม่านอยู่ด้วย เขารับรู้ทุกการกระทำของนางผ่านการส่งข่าวของหลิวก้วน รู้แม้กระทั่งว่านางเปิดกิจการขายผ้าอ้อมเด็ก ฉู่เติ้งหาวรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย ไม่นึกว่าสตรีร้ายกาจเอาแต่ใจอย่างจวีลู่ม่านจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้สำเร็จ ทั้งๆที่เมื่อก่อน วันๆนางเอาแต่คิดหาเรื่องคอยเรียกร้องความสนใจจากเขา อีกทั้งยามนี้กิจการของนางกำลังไปได้ดีเสียด้วย

ชายหนุ่มผลักประตูห้องให้เปิดออกอย่างเบามือ ขายาวก้าวเข้าไปข้างในอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นว่าตะเกียงได้ดับลงไปแล้ว ภายนอกสายฝนยังคงโหมกระหน่ำลงมา แสงจันทร์ที่ส่องผ่านม่านหน้าต่างเผยให้เห็นร่างเล็กของบุตรสาวกำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมแขนของมารดา

ภาพสองแม่ลูกที่นอนกอดกันกลมอยู่บนเตียงทำให้ฉู่เติ้งหาวอดที่จะเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้ ชายหนุ่มค่อยๆหย่อนกายลงนอนบนเตียง ก้มหน้าลงหอมพวงแก้มนุ่มนิ่มของเจ้าก้อนกลม ก่อนจะปิดเปลือกตาลงเข้าสู่ห้วงนิทราตามไปอีกคน

หารู้ไม่ว่านอกจากเจ้าก้อนกลมที่นอนหลับปุ๋ยแล้ว ยังมีใครบางคนที่รู้สึกตัวตื่นตั้งแต่ตอนที่เขาย่างกรายเข้ามาในห้อง จวีลู่ม่านมองไปยังร่างสูงที่นอนอยู่ข้างกายของบุตรสาว ในใจของนางเกิดคำถามขึ้นมากมาย ฉู่อ๋องทำท่ารักใคร่ห่วงใยเจ้าก้อนกลม แต่เหตุใดในยามที่จากไปเขาไม่เคยถามไถ่ข่าวคราวถึงฉู่ไจ๋ไจ๋บ้างเลย เขาเป็นพ่อแบบไหนกัน จดหมายสักฉบับยังไม่เคยส่งมา

น่าสงสารเจ้าก้อนแป้งยิ่งนักที่มีพ่ออย่างเขา จวีลู่ม่านเบะปากให้คนตัวโต ทว่าในตอนที่เขาขยับกาย นางจึงรีบปิดเปลือกตาลงอย่างรวดเร็ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel