บท
ตั้งค่า

บทที่ 9 ท่านพ่อหอมท่านแม่

เช้าวันใหม่เวียนมาถึง ที่หน้าจวนอ๋องมีรถม้าคันใหญ่จอดอยู่หน้าประตู ร่างสูงของฉู่เติ้งหาวอยู่ในชุดสีน้ำเงินเข้มปักลายดิ้นทอง บนศีรษะครอบด้วยกวานทองเต็มยศ

วันนี้เป็นวันที่เขาจะต้องเดินทางเข้าวังหลวงเพื่อไปรายงานตัวต่อหน้าพระพักตร์ของฉู่ฮ่องเต้ หลังจากที่เมื่อคืนได้ส่งกองทัพกลับไปยังค่ายทหาร เขาก็รีบเร่งกลับมาที่จวนอ๋อง เพราะเห็นว่าเป็นเวลาดึกมากแล้ว อีกทั้งยังกลัวว่าเจ้าก้อนกลมจะตื่น แต่ทนคิดถึงบุตรสาวไม่ไหวจึงแอบปีนหน้าต่างเข้ามาหานาง ทว่าใครจะไปรู้ว่าฉู่ไจ๋ไจ๋จะยังไม่นอน อีกทั้งยังเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นที่จวน เพราะพี่ชายฝาแฝดสร้างเรื่องเอาไว้

ตลอดสี่ปีที่จากไป ฉู่เติ้งหาวรู้ว่าจวีลู่ม่านไม่เคยพาเจ้าก้อนแป้งย่างกรายเข้าไปในวังหลวง วันนี้เห็นเป็นโอกาสดีจึงตั้งใจพานางและฉู่ไจ๋ไจ๋ติดตามไปเข้าเฝ้าเปาฮองเฮาด้วย

เวลาผ่านไปราวหนึ่งเค่อก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินลิ่วเข้ามา ร่างสูงหันไปมองจึงเห็นร่างเล็กของบุตรสาวเดินเคียงข้างของจวีลู่ม่านเข้ามา ทันทีที่นางเห็นเขาก็รีบดึงมือออกจากการจับจูงของมารดา วิ่งลิ่วตรงเข้ามาหาผู้เป็นพ่อทันที

“ท่านพ่อ!”

“ไจ๋ไจ๋” คนตัวโตย่อกายอุ้มร่างกลมป้อมขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน เด็กน้อยใช้มือคล้องคอผู้เป็นพ่อ ทว่าไม่นานเจ้าก้อนแป้งก็ทำหน้ายู่

“ท่านพ่อผิดคำสัญญา ท่านพ่อไม่มานอนกอดไจ๋ไจ๋”

ฉู่เติ้งหาวมองแก้มป่องๆของบุตรสาวก็อดรู้สึกเอ็นดูไม่ได้ ปากหนากดลงบนแก้มนุ่มนิ่มจนได้ยินเสียงดังฟอด เด็กน้อยยกมือขึ้นปิดแก้ม มองผู้เป็นพ่ออย่างแง่งอน

“พ่อไม่ได้ผิดสัญญา เมื่อคืนพ่อไปหาไจ๋ไจ๋ แล้วยังนอนกอดลูกทั้งคืนด้วย” เขาไม่ได้โกหกนาง เดิมทีรู้สึกลังเลอยู่ไม่น้อยว่าจะอยู่รอจนกระทั่งเจ้าก้อนกลมตื่นดีหรือไม่ แต่เมื่อหันไปเห็นร่างบางที่นอนถัดจากบุตรสาวไปนั้น ทำให้เขาเปลี่ยนใจ ด้วยไม่อยากให้จวีลู่ม่านรู้ว่าเขานอนร่วมเตียงเดียวกันกับนาง กลัวสตรีร้ายกาจจะได้ใจ แต่เมื่อเห็นฉู่ไจ๋ไจ๋กำลังงอน เขาจึงตัดสินใจบอกความจริงกับนาง คงไม่เป็นไร ตอนที่เขาเข้าห้องไปนั้น จวีลู่ม่านไม่ได้รู้สึกตัวเสียหน่อย

“ท่านพ่อโกหก” เด็กน้อยทำปากยื่น หากท่านพ่อพูดจริงแล้วเหตุใดเมื่อเช้าตอนตื่นขึ้นมา นางถึงเห็นว่ากำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนของท่านแม่จวีลู่ม่านตามลำพัง ไร้เงาของคนเป็นพ่อ

“ไจ๋ไจ๋ ท่านพ่อไม่ได้โกหกลูก”

ฉู่เติ้งหาวละสายตาจากบุตรสาว หันมาสบตากับภรรยาด้วยความแปลกใจ จวีลู่ม่านตั้งใจพูดเพื่อเอาใจบุตรสาว หรือนางรู้ว่าเมื่อคืนเขาเข้าไปที่ห้องของฉู่ไจ๋ไจ๋จริงๆกันแน่

“จริงหรือเจ้าคะ” เจ้าก้อนกลมทำตาโต หันมองบุพการีที่ผงกศีรษะรับสลับกันไปมา จากนั้นปากเล็กๆจึงกดจุมพิตลงบนแก้มสากของคนเป็นพ่อ

ฉู่เติ้งหาวยิ้มกริ่ม ปากหยักกดลงบนพวงแก้มนุ่มของบุตรสาวคืน ฉู่ไจ๋ไจ๋เปล่งเสียงหัวเราะชอบใจ พลันสายตาเหลือบไปเห็นคนเป็นแม่ นางจึงคิดแผนการบางอย่างดีๆออก

“ท่านพ่อหอมท่านแม่บ้าง”

ฉู่เติ้งหาวกับจวีลู่ม่านต่างพากันชะงักไปทันที หญิงสาวทำตาโตยามที่เห็นดวงตาคมกริบกำลังจดจ้องมองมายังนาง

“ท่านพ่อกับท่านแม่เกลียดกัน ไจ๋ไจ๋เสียใจ ฮึก" หยดน้ำตาเอ่อคลออยู่ในดวงตากลมโต เพราะเคยเกิดมาแล้วหนหนึ่งจึงรู้ว่าท่านพ่อไม่เคยรักท่านแม่ อีกทั้งยังเกลียดชังนางเข้าไส้ ฉู่ไจ๋ไจ๋เข้าใจท่านพ่อฉู่เติ้งหาว รู้ว่าท่านแม่เคยวาวแผนร้ายเพื่อให้ได้แต่งงานกับท่านพ่อ หากแต่ชาติภพนี้ นางสัมผัสได้ว่าท่านแม่ไม่ได้ร้ายกาจดังเดิม อีกทั้งยังรู้สึกรักท่านแม่ในภพชาตินี้ยิ่งนัก คนเป็นลูกไหนเลยจะอยากเห็นพ่อแม่เกลียดชังกัน นางจะทำทุกอย่างเพื่อรักษาความสัมพันธ์ในครอบครัวเอาไว้ จะเปลี่ยนจากความร้าวฉานให้กลายเป็นความอบอุ่นแทน

หัวอกคนเป็นพ่อย่อมปวดใจเมื่อได้เห็นบุตรสาวผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจต้องมีน้ำตา ร่างสูงขยับไปใกล้ร่างบางที่ยืนอยู่ ก่อนจะก้มลงจุมพิตไปยังแก้มขาวของนางเร็วๆหนหนึ่งอย่างไม่ทันตั้งตัว และรีบผละออกทันทีราวกับนางเป็นของร้อน

ดวงตาคู่งามของจวีลู่ม่านเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ มือบางยกขึ้นจับแก้มขาวของตนทันที ทั้งทหารรักษาจวน องครักษ์และสาวใช้ต่างพากันลอบยิ้ม บ้างก็ทำตาโตด้วยความตกใจยิ่งกว่าเห็นผี เมื่อได้เห็นภาพที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นมาก่อนในชีวิตนี้

“เย้ๆๆ ไจ๋ไจ๋รักท่านพ่อที่สุดเลย” ฉู่ไจ๋ไจ๋หัวเราะคิกคักออกมาด้วยความชอบใจ ฉู่เติ้งหาวจึงส่งยิ้มให้นางอย่างอ่อนโยน

“รีบไปกันเถิด” ร่างสูงเดินไปขึ้นรถม้า โดยอุ้มบุตรสาวไว้ในอ้อมแขน ซานอิ๋งเหลือบมองเจ้านายที่ยังคงยืนนิ่ง ดูเหมือนว่านางยังคงตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่หาย

“พระชายาเพคะ ขึ้นรถม้าเถิดเพคะ”

เสียงของซานอิ๋งทำให้หญิงสาวได้สติ จวีลู่ม่านผงกศีรษะรับ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มล้อเลียนของซานอิ๋งทำให้นางถึงกับหน้าแดงซ่าน รีบเดินตามไปขึ้นรถม้าด้วยความรวดเร็ว

รถม้าคันใหญ่เคลื่อนออกไปจากประตูจวนอ๋อง ฉู่ไจ๋ไจ๋นั่งตักคนเป็นพ่อพลางชมนกชมไม้ผ่านทางหน้าต่างรถม้าด้วยความสุขใจ เมื่อเห็นอะไรที่สวยงามหรือแปลกตา ท่านพ่อฉู่เติ้งหาวก็จะชี้ให้นางดู จวีลู่ม่านเห็นท่าทางสนิทสนมของสองพ่อลูกก็รู้สึกเศร้าใจแปลกๆ เดิมทีอยู่ด้วยกันตามลำพังเพียงสองแม่ลูก ฉู่ไจ๋ไจ๋ไม่เคยห่างจากอกนางไปไหน แต่พอฉู่อ๋องกลับมา ดูเหมือนว่าเจ้าก้อนแป้งจะลืมนางไปเสียแล้ว

ทว่าจู่ๆคนที่กำลังหยอกล้อบุตรสาวก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับนาง มุมปากหยักยกยิ้มขึ้นราวกับกำลังเยาะเย้ย เพียงเท่านี้ก็ทำให้จวีลู่ม่านรับรู้ได้ทันทีว่าฉู่อ๋องกำลังมีแผนร้าย หมายจะแย่งความรักความสนใจจากบุตรสาวไปจากนางสินะ!

ดวงตาสองคู่ประสานกันอย่างไม่มีใครยอมใคร คนหนึ่งสะใจอีกคนแค้นใจ ทว่าจวีลู่ม่านไม่ยอมหรอก นางจะทำให้ฉู่ไจ๋ไจ๋รักนางมากกว่าฉู่อ๋อง เมื่อสำเร็จแล้วจะยุให้เจ้าก้อนกลมเลือกไปอยู่กับนาง ในวันที่ได้ลงชื่อในหนังสือหย่าให้จงได้!

ใช้เวลาเพียงสองเค่อ รถม้าของจวนอ๋องก็พามาถึงวังหลวง เพราะต้องไปรายงานตัวกับฉู่ฮ่องเต้ ฉู่เติ้งหาวจึงให้จวีลู่ม่านกับฉู่ไจ๋ไจ๋ไปรออยู่ที่ศาลาในสวนอุทยาน หลังเข้าเฝ้าฮ่องเต้เสร็จจึงจะพานางและเจ้าก้อนกลมไปเข้าเฝ้าเปาฮองเฮาต่อ

“ดูแลลูกให้ดี หาไม่ข้าจะ…”

“จะโบยหม่อมฉัน ตบตีและด่าทอหรือเพคะ” จวีลู่ม่านถามด้วยน้ำเสียงยียวน นึกโมโหที่เขาส่งยิ้มเย้ยนางตั้งแต่อยู่บนรถม้า เมื่อได้โอกาสจึงคิดเอาคืนบ้าง

ฉู่เติ้งหาวได้ยินวาจาไม่เข้าหูที่เปล่งออกมาจากเรียวปากอิ่มจึงเปิดปากขึ้นหมายจะถกเถียง หากแต่จู่ๆหญิงสาวก็ยกมือเล็กๆขึ้นราวกับกำลังห้ามปรามเขา ก่อนที่นางจะเอ่ยต่อว่า

“ท่านอ๋องไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเพคะ หม่อมฉันเลี้ยงดูลูกเพียงลำพังมาตลอดสี่ปีที่ท่านจากไป ว่าแต่ท่านเถอะจะสามารถเลี้ยงลูกได้ดีกว่าหม่อมฉันแล้วหรือไม่ หากไม่ก็อย่าคิดว่าจะแย่งความรักจากลูกไปจากหม่อมฉันได้” ประโยคสุดท้าย นางเขย่งปลายเท้าขึ้นกระซิบข้างใบหูของฉู่เติ้งหาว ชายหนุ่มถึงกับทำตาโตในความอวดดีของนาง

“นี่เจ้า!”

“ไจ๋ไจ๋ แม่เห็นกลุ่มผีเสื้อบินวนอยู่ทางด้านโน้น รีบไปดูกันเถอะ”

“ไปๆ ไจ๋ไจ๋อยากจับผีเสื้อ” ฉู่ไจ๋ไจ๋รีบผวาเข้าหาอ้อมแขนของคนเป็นแม่ จวีลู่ม่านยักคิ้วให้คนตัวโตหนหนึ่ง และรีบเร่งฝีเท้าจากไปทันที

“ฝากไว้ก่อนเถอะ!” ฉู่เติ้งหาวกำมือแน่น นึกอยากบีบคอขาวๆของคนอวดดีมากยิ่งนัก หากแต่ตอนนี้มีงานสำคัญที่ต้องทำ สุดท้ายจึงตัดใจเดินมุ่งหน้าไปยังท้องพระโรงโดยมีไฉอันติดตามไปด้วย

จวีลู่ม่านพาบุตรสาววิ่งไล่จับผีเสื้อจนเหนื่อย จากนั้นจึงชักชวนกันไปนั่งบนศาลา ทว่าจู่ๆหญิงสาวรู้สึกแปลกๆราวกับว่ามีใครบางคนกำลังมองนางอยู่ จวีลู่ม่านผินหน้าหันไปมองทางด้านหลัง พบบุรุษร่างสูงผู้หนึ่งยืนอยู่ ราวกับว่าเขามองนางอยู่นานแล้ว ครั้นเมื่อเห็นนางหันไปสบตาจึงส่งยิ้มให้บางๆอย่างเก้อเขิน

“ซานอิ๋ง นั่นใครกัน” จวีลู่ม่านถามสาวใช้ เมื่อเห็นว่าร่างสูงกำลังมุ่งหน้าเดินมายังศาลา ซานอิ๋นหรี่ตามองฝ่าความร้อนของแสงแดด ไม่นานก็ร้องขึ้นด้วยความดีใจ

“คุณชายหลี่! คุณชายหลี่จริงๆด้วยเพคะ”

“ใครกัน” ดวงตาคู่งามมองไปยังร่างสูงที่เดินส่งยิ้มมาแต่ไกลๆด้วยความสงสัย ดูจากท่าทางของซานอิ๋งแล้ว จวีลู่ม่านคนเดิมคงเคยรู้จักกับชายหนุ่มผู้นี้สินะ

“พี่ชายต่างมารดาของพระชายาเพคะ พระชายาจำคุณชายหลี่ไม่ได้หรือเพคะ” จากนั้นซานอิ๋งก็เล่าถึงความสัมพันธ์ของจวีลู่ม่านกับหลี่เจ๋อหยวนให้ฟัง ลู่หนิงในร่างของจวีลู่ม่านจับใจความได้ว่า นางกับคุณชายหลี่สนิทสนมกันมาก มารดาของเขาคือแม่เลี้ยงของนาง หลังจากที่มารดาของนางจากไป ท่านพ่อได้แต่งงานใมห่กับสตรีผู้หนึ่ง นั่นคือมารดาของหลี่เจ๋อหยวน ซึ่งดำรงตำแหน่งฮูหยินใหญ่ของจวนสกุลจวีในยามนี้

ตอนนี้หลี่เจ๋อหยวนสอบเข้าเป็นขุนนางผ่านทั้งรอบซิ่วไฉ จวี่เหรินและจิ้นซื่อ สุดท้ายจึงได้ตำแหน่งจอหงวน (ผู้ที่ได้คะแนนเป็นอันดับที่หนึ่ง) มาครอบครอง

“นอกจากมีใบหน้าที่หล่อเหลาแล้วยังสอบขุนนางได้ลำดับที่หนึ่ง ยามนี้จึงเป็นว่าที่ขุนนางหนุ่มอนาคตไกลที่เนื้อหอมที่สุดในแคว้นฉินเพคะ” ซานอิ๋งเอ่ยซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับตอนที่เขาเดินเข้ามาหยุดอยู่ที่หน้าศาลาพอดี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel