บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 เข้าวังหลวง

วันนี้อาการเจ็บตึงคัดเต้าของจวีลู่ม่านนั้นหายไปแล้ว ซานอิ๋งก็รู้วิธีดูแลเจ้านายสาว อีกทั้งในตอนที่วิญญาณของลู่หนิงที่อยู่ในร่างของจวีลู่ม่านได้สติตื่นขึ้นมา มู่ตานยังได้สอนวิธีบีบน้ำนมให้นางเพื่อบรรเทาอาการคัดเต้าอีกด้วย ลู่หนิงได้เรียนรู้ว่าการเป็นแม่คนนั้นไม่ง่ายดายเลยแม้แต่น้อย แต่กระนั้นนางก็รู้สึกมีความสุขที่ได้เห็นเจ้าก้อนกลมกินอิ่มนอนหลับอย่างสบาย

หลังจากวันที่คลอดฉู่ไจ๋ไจ๋จนกระทั่งถึงวันนี้ก็เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว ลู่หนิงตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ในร่างของจวีลู่ม่านต่อไป นางคิดว่านางไม่อาจหนีจากแคว้นฉินข้ามไปยังแคว้นหูได้อย่างแน่นอน อีกทั้งยามนี้นางตระหนักได้ว่านางไม่ใช่แม่ทัพหญิงลู่หนิงคนเดิมแล้ว จะบากหน้ากลับไปที่นั่นและบอกความจริงก็คงไม่มีใครเชื่อ

นางตั้งใจจะใช้ชีวิตอยู่ที่จวนอ๋องอย่างสงบสุข รอให้เจ้าก้อนกลมโตขึ้นอีกสักหน่อย ระหว่างนี้จะเก็บเงินเก็บทองไปด้วย หากความสัมพันธ์กับสามีเป็นไปอย่างไม่ราบรื่น นางจะได้ขอหย่ากับเขาและเอาลูกไปเลี้ยงด้วยเลย

เจ้าก้อนแป้งกินเก่งมาก นับวันก็ยิ่งตัวอ้วนกลมน่ารักน่าเอ็นดูเป็นอย่างยิ่ง

“อูว อูว” ร่างกลมป้อมนอนอยู่ในอ้อมแขนของคนเป็นแม่ ส่งเสียงร้องอ้อแอ้ ส่งสายตามองคนเป็นแม่ตาแป๋ว

“เจ้าลูกลิงชอบให้แม่อุ้มมากเลยหรือ” จวีลู่ม่านก้มหน้าลงประทับจุมพิตลงบนแก้มขาวอวบของเด็กน้อย สองแม่ลูกหยอกล้อกันอย่างมีความสุข ทว่าความสุขที่มีก็อยู่ได้ไม่นานเมื่อร่างสูงของใครบางคนเดินเข้ามาในห้อง

ฉู่เติ้งหาวปรายตามองไปยังร่างบางที่อุ้มเจ้าก้อนแป้งไว้ในอ้อมแขนเพียงเล็กน้อย จากนั้นความสนใจที่มีทั้งหมดก็ทุ่มไปให้บุตรสาว

“อูว!” ดูเหมือนว่าฉู่ไจ๋ไจ๋จะจำคนเป็นพ่อได้ เด็กน้อยกางแขนกางขาออกจากกันทำท่าทางราวกับอยากให้เขาอุ้มนาง

“ส่งลูกมาให้ข้า” ชายหนุ่มยื่นมือออกไปรับร่างเล็ก ในยามที่เจ้าตัวกลมเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน ปากหยักยกยิ้มขึ้นเบาๆ ดวงตาคมทอดมองร่างเล็กด้วยความเอ็นดู ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา จวีลู่ม่านไม่เคยเห็นเขาใช้สายตาอ่อนโยนเช่นนี้มองนางเลยสักหน มีเพียงแค่ความชิงชังเท่านั้นที่นางสัมผัสได้ แต่ยังดีหน่อยที่เขาละเว้นเจ้าก้อนกลม อย่างน้อยบุรุษใจร้ายคนนี้ก็ยังมีใจรักและเอ็นดูบุตรสาวอยู่บ้าง

“เจ้าไปเตรียมตัว เสด็จแม่ทรงรับสั่งหาบอกว่าอยากเจอไจ๋ไจ๋ ข้าจะพาเจ้ากับลูกไปเข้าเฝ้า” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตากับคนตัวเล็ก จวีลู่ม่านทำท่าจะเอ่ยปากปฏิเสธ หากแต่เมื่อเห็นเจ้าก้อนกลมที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา นางจึงปิดปากลงและเดินออกไปจากห้องพร้อมกับซานอิ๋ง

เวลาผ่านไปเพียงสองเค่อ รถม้าคันใหญ่ก็วิ่งมาถึงวังหลวงและมาหยุดอยู่ที่หน้าตำหนักชิงหลิว ร่างบางในชุดสีม่วงอ่อนยาวกรอมเท้าเดินตามวรกายสูงของฉู่อ๋องเข้าไปข้างใน จวีลู่ม่านกวาดตามองไปยังตำหนักชิงหลิวด้วยความตื่นตาตื่นใจ แคว้นหูที่นางจากมาเป็นเพียงแคว้นเล็กๆ เทียบความใหญ่โตกับแคว้นฉินไม่ได้เลย แม้กระทั่งภายในวังหลวงก็ตาม

ครั้นเมื่อเดินเข้ามาถึงข้างใน นางกำนัลผู้หนึ่งก็พาฉู่อ๋องและจวีลู่ม่านเดินเข้าไปยังห้องๆหนึ่ง ซึ่งหญิงสาวคิดว่าคงเป็นห้องบรรทมของเปาเสี่ยวจิงฮองเฮาอย่างแน่นอน

“เสด็จแม่” ร่างสูงโผเข้าไปที่ข้างเตียง คุกเข่าคารวะคนเป็นแม่ เปาเสี่ยวจิงเห็นเช่นนั้นจึงก้มลงจับไหล่หนาของโอรสให้ลุกขึ้นมานั่งบนขอบเตียงของนาง พลางส่งสายตามองไปยังจวีลู่ม่านที่ยืนอยู่

“คารวะฮองเฮาเพคะ ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น หมื่นปี” หลังจากยอบกายคารวะผู้สูงศักดิ์เสร็จเรียบร้อย หญิงสาวจึงเงยหน้าขึ้นเห็นรอยยิ้มที่เปาฮองเฮาส่งมาให้ก็ทำให้รับรู้ได้ถึงความอาทรของนาง

“แม่ขออุ้มไจ๋ไจ๋ได้หรือไม่”

“เพคะ” จวีลู่ม่านเดินเข้ามาใกล้ยื่นส่งทารกน้อยให้เปาฮองเฮา นางรับเด็กน้อยมาไว้ในอ้อมแขน ดูเหมือนว่าเจ้าก้อนกลมจะรู้งานเป็นอย่างดี มือเล็กที่ปัดป่ายสะเปะสะปะไปมาในคราแรก ค่อยๆวางลงบนพระพักตร์ของเปาฮองเฮา

“หลานรักของย่า เจ้าหน้าตาเหมือนทั้งพ่อและแม่ของเจ้า ช่างเป็นส่วนผสมที่ลงตัวเสียจริง” เปาฮองเฮาเปล่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ทั้งฉู่เติ้งหาวและจวีลู่ม่านต่างเป็นบุรุษหนุ่มและสตรีที่หน้าตาดี ส่วนผสมดีๆเช่นนั้นได้มาอยู่บนใบหน้าของหลานสาวตัวน้อย เปาเสี่ยวจิงจึงมั่นใจเป็นอย่างมากว่าโตขึ้นมาหลานสาวของนางต้องเป็นหญิงสะคราญล่มเมืองอย่างแน่นอน

“ม่านเอ๋อร์” อุ้มเจ้าตัวเล็กได้เพียงไม่นานนางก็ยื่นร่างกลมส่งคืนให้จวีลู่ม่าน ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากไอโขลกจนตัวโยน

“เสด็จแม่ พระอาการไม่ดีขึ้นเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ” ฉู่เติ้งหาวถามด้วยความเป็นห่วง

“ดีขึ้นบ้างไม่ดีขึ้นบ้าง แม่ชินแล้วล่ะ” เปาเสี่ยวจิงส่งยิ้มอ่อนให้โอรส เมื่อเห็นสายตาแห่งความกังวลของเขาจึงปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ไม่ต้องเป็นกังวลหรอก อยู่ที่นี่มีหมอหลวงคอยดูแลรักษาแม่อยู่ แต่เจ้าน่ะสิ อีกไม่นานต้องจากไปทำศึก แม่เป็นห่วงเจ้ายิ่งนัก” หัวอกคนเป็นแม่ย่อมเป็นห่วงลูกไม่น้อย จากไปครานี้ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาตอนไหน อยู่ที่ชายแดนการกินอยู่ไม่ค่อยสะดวกสบาย ไหนจะต้องจับอาวุธรบราฆ่าฟันกับศัตรู

วาจาของเปาฮองเฮาทำให้จวีลู่ม่านเอียงคอเล็กน้อย เปาเสี่ยวจิงเห็นแววตาสงสัยของนางจึงรู้ได้ทันทีว่าฉู่เติ้งหาวคงยังไม่ได้บอกนางเป็นแน่

“หาวเอ๋อร์” เปาฮองเฮาส่ายพระพักตร์ไปมา นางรู้ว่าฉู่เติ้งหาวไม่ได้เอ็นดูรักใคร่จวีลู่ม่านเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่จวีลู่ม่านทำไว้กับฉู่เติ้งหาวเป็นเรื่องฉาวโฉ่ไปทั่ววังหลวง ในตอนแรกนางรู้สึกโกรธสตรีผู้นี้อยู่ไม่น้อย ทว่าหลังจากที่จวีลู่ม่านคลอดฉู่ไจ๋ไจ๋ ความโกรธของนางที่มีก็เบาบางลงเพราะเห็นแก่หลาน

“บอกเรื่องนี้ให้นางรู้เถิด อย่าลืมสิว่าถึงอย่างไรนางก็คือมารดาของบุตรสาวของเจ้า“ เปาฮองเฮาเตือนสติโอรส ฉู่เติ้งหาวจึงขานรับเสียงเบา รั้งอยู่ต่ออีกไม่นานเขาก็พาจวีลู่ม่านและเจ้าก้อนแป้งกลับ เพราะถึงเวลาเสวยยารอบเย็นของเปาฮองเฮาพอดี

สามคนพ่อแม่ลูกเดินออกมาถึงหน้าตำหนักชิงหลิว ในขณะที่กำลังก้าวลงจากบันไดก็เห็นเกี้ยวของใครบางคนเดินผ่านมา ฉู่เติ้งหาวก้มศีรษะทำความเคารพ จวีลู่ม่านจึงย่อกายคารวะตาม

บนเกี้ยวเผยให้เห็นสตรีหงส์ผู้หนึ่งอายุอานามราวหกสิบกลางๆ ทั้งตัวสวมใส่ชุดและเครื่องประดับราคาแพง มีนางกำนัลติดตามมาอีกเป็นโขยง อีกทั้งยังมีเกี้ยวเล็กๆอีกหนึ่งเกี้ยวที่ตามหลังมา ในตอนที่นางเห็นฉู่เติ้งหาวจึงสั่งให้วางเกี้ยวลง จากนั้นจึงเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเขา พร้อมกับสตรีร่างบอบบางน่าถนอมผู้หนึ่ง

“เสด็จย่า”

“หาวเอ๋อร์มาเยี่ยมเสด็จแม่ของเจ้าหรือ”

“เสด็จแม่รับสั่งให้หลานพาไจ๋ไจ๋มาเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” เขาตอบนางเสียงเรียบ

ซิ่วไทเฮาปรายตามองไปยังเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาจวีลู่ม่าน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสบตาของนาง ปากบางกระจับพ่นวาจาร้ายกาจออกมา

“สายเลือดของสตรีร้ายกาจ”

“เสด็จย่า“ ฉู่เติ้งหาวขานเรียกผู้เป็นย่าเสียงแข็ง วาจาของนางทำให้จวีลู่ม่านรู้สึกอึ้งไปไม่น้อย นางรับรู้ได้ทันทีว่าซิ่วไทเฮาตั้งแง่ไม่ชอบนางสองแม่ลูกอย่างแน่นอน

ซิ่วเม่ยแค่นเสียงหึออกมาในลำคอ จากนั้นจึงย่างกรายกลับไปขึ้นเกี้ยว ลำคอของนางเชิดตรงจนจวีลู่ม่านรู้สึกปวดคอแทน หลังจากที่เกี้ยวของฉู่ไทเฮาจากไป หญิงสาวน่าถนอมผู้นั้นจึงได้กล่าวขึ้นบ้าง

“ฉู่อ๋อง ข้าได้ยินว่าท่านกำลังจะไปทำศึก” เสียงหวานใสกังวานกล่าวถาม ดวงตาคู่งามประสานกับสายตาคมกริบของบุรุษร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า

ฉู่เติ้งหาวไม่ตอบสิ่งใด มีเพียงแค่พยักหน้าให้นางเบาๆเท่านั้นเป็นการยอมรับ

“ข้าขอให้ท่านดูแลตัวเองดีๆนะเพคะ” น้ำเสียงของนางเศร้าสร้อยจนคนฟังรู้สึกได้

“ขอบใจเจ้ามากถิงเอ๋อร์” ฉู่เติ้งหาวส่งยิ้มให้นางบางๆ การกระทำของเขาเรียกรอยยิ้มจากนางได้ไม่ยาก หญิงสาวก้มหน้าลงอย่างเอียงอาย ก่อนที่ร่างบางจะเดินจากไปขึ้นเกี้ยว ทว่าในตอนที่เกี้ยวกำลังเคลื่อนผ่านไป สายตาของนางไม่ได้ละไปจากฉู่เติ้งหาวเลยแม้แต่น้อย

แม่ดอกบัวขาวนี่ร้ายไม่ใช่เล่น ลูกเมียเขายืนทนโท่อยู่ตรงนี้ยังกล้าส่งสายตาหวานเชื่อมให้กับเขา

“ดูเหมือนว่าแม่นางน้อยผู้นั้นจะชอบท่านอ๋องนะเพคะ”

เสียงของใครบางคนที่ดังขึ้นอยู่ข้างกายทำให้คนตัวโตหันกลับมาส่งสายตาให้นาง

“แสนรู้ยิ่งนัก”

"หม่อมฉันไม่ใช่สุนัขนะเพคะ” จวีลู่ม่านย่นคิ้วเข้าหากัน คำว่าแสนรู้นั่นใช้กับสุนัขไม่ใช่นางเสียหน่อย!

ชายหนุ่มเปล่งเสียงหึออกมาเบาๆ จากนั้นจึงกล่าวต่อว่า

“นางชื่อโจวถิงเป็นหลานสาวบุญธรรมของเสด็จย่า เจ้าจำนางไม่ได้หรือ” ฉู่เติ้งหาวมองคนตัวเล็กด้วยความสงสัย ที่ผ่านมาหลังจากที่นางแต่งเป็นชายาเอกของเขา นางก็แผลงฤทธิ์ใส่ทุกคนอย่างไม่ไว้หน้า แม้กระทั่งโจวถิงก็ไม่เว้น

“เรื่องไม่ดีหม่อมฉันไม่จำหรอกเพคะ”

ฉู่เติ้งหาวผินหน้ามาหาจวีลู่ม่านเล็กน้อย ไม่ได้สนใจต่อคำตอบของนางแต่อย่างใด

“อีกสามสี่วันข้าจะออกเดินทางไปทำศึกที่ต่างเมือง การศึกอาจกินเวลาเป็นปีๆ เจ้าต้องดูแลลูกและจวนอ๋องให้ดี อย่าสร้างความวุ่นวาย หาไม่หากข้ากลับมาจะลงโทษเจ้าสถานหนัก” กล่าวจบร่างสูงก็ก้าวเดินฉั่บๆตรงไปขึ้นรถม้า จวีลู่ม่านเบะปากมองตามแผ่นหลังกว้างไปด้วยความหมั่นไส้

เขาจะไม่อยู่เป็นปีเชียวนะ… ดีล่ะ! แมวไม่อยู่หนูร่าเริง หญิงสาวคิดด้วยความดีใจ ให้เขาจากไปนานๆน่ะดีแล้ว นางจะได้ไม่ต้องทนอึดอัดใจยามเห็นหน้าเขา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel