บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 การเป็นแม่คนช่างยากเย็น

ลู่หนิงที่อยู่ในร่างของจวีลู่ม่านเดินตามพี่เลี้ยงไปยังห้องๆหนึ่ง ซึ่งนางพบว่ามันคือห้องเลี้ยงเด็กอ่อน ที่นี่มีข้าวของเครื่องใช้สำหรับทารกอย่างครบครัน ทว่าลู่หนิงไม่รู้หรอกว่าของแต่ละชิ้นมีไว้ทำอะไรบ้าง

ก็นางไม่เคยมีลูกนี่นา อีกทั้งยังไม่เคยเลี้ยงเด็กด้วยซ้ำไป อยู่ใกล้กับเด็กยังไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เด็กพวกนั้นมักจะร้องไห้งอแงทุกอย่างยามที่ได้อยู่ใกล้นาง

“ท่านหญิงน้อยนอนอยู่ในเปลเพคะ” พี่เลี้ยงผู้นี้มีนามว่ามู่ตาน นางเดินเข้าไปอุ้มทารกน้อยมาไว้ในอ้อมแขน ในขณะที่จวีลู่ม่านเดินตามการประคองของซานอิ๋งไปกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงอย่างงุนงง ก่อนที่มู่ตานจะยื่นส่งเจ้าก้อนกลมมาให้

“ข้าอุ้มเด็กไม่เป็น” หญิงสาวส่ายศีรษะปฏิเสธ มองทารกน้อยตัวแดงด้วยความหวาดกลัวราวกับว่าเป็นสัตว์ประหลาดก็มิปาน ทั้งชีวิตเคยจับแค่อาวุธ แต่ไม่เคยจับทารกตัวเป็นๆเช่นนี้มาก่อน

“พระชายาประคองตรงศีรษะท่านหญิงน้อยไว้แบบนี้เพคะ ส่วนมืออีกข้างก็วางลงแบบนี้” มู่ตานสอนอย่างใจเย็น เข้าใจว่านางเป็นมารดามือใหม่ เพราะเป็นบุตรคนแรก พระชายาจวีลู่ม่านจึงยังทำอะไรไม่ค่อยถูก

“อุแว้! อุแว้!” เพียงแค่เจ้าก้อนกลมเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของมารดา เด็กน้อยก็เปล่งเสียงร้องไห้จ้าออกมาทันที จวีลู่ม่านตกใจจนมือสั่นรีบยื่นนางกลับไปให้มู่ตานอย่างรวดเร็ว

“นางร้องไห้ ทำอย่างไรดี ข้าทำให้นางเจ็บหรือ!”

“เปล่าเพคะ พระชายาอุ้มท่านหญิงถูกต้องแล้ว แต่ที่นางร้องไห้เป็นเพราะว่านางหิวนมเพคะ”

“เจ้าเอานมให้นางกินสิ” จวีลู่ม่านเงยหน้าขึ้นมองมู่ตาน ทว่านางกลับเปล่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆแทน

“บ่าวไม่มีน้ำนมหรอกเพคะ”

“เช่นนั้นซานอิ๋ง เจ้ามาให้นมนาง” หญิงสาวหันไปกวักมือเรียกซานอิ๋ง ทว่านางกลับส่ายหน้าหวือไปมา ละล่ำละลักกล่าวว่า

“หม่อมฉันไม่ได้คลอดลูก ไม่มีน้ำนมให้นางเหมือนกันเพคะ”

“แล้วเราจะหาน้ำนมมาให้นางกินได้อย่างไรกัน” จวีลู่ม่านถามด้วยความสงสัย ทว่าสายตาของสาวใช้ทั้งสองคนที่จดจ้องมายังนางก็ทำให้นางถึงกับหน้าถอดสี

“ไม่ได้หรอก ข้าไม่ใช่มารดาของนางจะให้ข้าป้อนนมให้นางได้อย่างไรกัน” หญิงสาวปฏิเสธเสียงแข็ง น่าสงสารในวาสนาของเด็กน้อยผู้นี้ยิ่งนักที่มารดามาด่วนจากไปตั้งแต่แรกคลอด

“พระชายาเป็นมารดาของท่านหญิงน้อยนะเพคะ” มู่ตานมองสตรีหงส์ด้วยความงุนงง ไยพระชายาถึงได้พูดจาแปลกๆ

“เมื่อวานพระชายาคลอดท่านหญิงน้อยจำไม่ได้หรือเพคะ” ซานอิ๋งช่วยพูดอีกคน หลังจากที่พระชายาฟื้นคืนสติขึ้นมา นางดูจะหลงลืมอะไรไปหลายอย่าง ไม่รู้ว่าเป็นผลมาจากการคลอดบุตรหรือไม่

‘จริงด้วย เมื่อวานนี้ข้าเป็นคนออกแรงเบ่งนางออกมานี่นา' จวีลู่ม่านคิดในใจ มารดาของเด็กน้อยผู้นี้จากไปตั้งแต่ตอนที่ยังคลอดนางไม่สำเร็จเสียด้วยซ้ำ เป็นนางเองนั่นแหละที่มารับช่วงต่อ ออกแรงเบ่งจนเจ้าก้อนแป้งได้ออกมาลืมตาดูโลก

เช่นนั้นเด็กคนนี้ก็ถือว่าเป็นลูกของนางใช่หรือไม่…

จวีลู่ม่านรู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาทันใด มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่ นางไม่เข้าใจเลยจริงๆ!

“ข้าต้องทำอย่างไรบ้าง” หญิงสาวกัดฟันถาม มู่ตานได้ยินเช่นนั้นจึงปรี่เข้ามาช่วยสอนวิธีให้นมบุตร

ทันทีที่สาบเสื้อเปิดออกเผยให้เห็นทรวงอกอิ่ม ปากเล็กๆแตะลงบนยอดอก ก่อนที่นางจะอ้าปากส่งผลอิงเถาเข้าปากพลางดูดดึงจนส่งเสียงจ๊วบๆออกมาให้ได้ยิน

วิญญาณของลู่หนิงที่อยู่ในร่างของสตรีหงส์รู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาในหัวใจ มองทารกน้อยตัวแดงที่กำลังดูดดื่มน้ำนมจากอกของนางด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด ความเอ็นดูเอ่อล้นเข้ามาในหัวใจ มือบางตบลงบนก้นเล็กเบาๆราวกับกำลังกล่อมให้นอนหลับ

“เด็กคนนี้ชื่อว่าอะไรหรือ”

“ท่านอ๋องทรงประทานชื่อให้นางว่า ‘ฉู่ไจ๋ไจ๋’ เพคะ” มู่ตานตอบอย่างยิ้มๆ

“ฉู่ไจ๋ไจ๋งั้นหรือ ช่างน่ารักเสียจริง” จวีลู่ม่านอมยิ้มที่มุมปาก จวบจนกระทั่งเจ้าก้อนกลมกินนมจนอิ่มแปล้ มู่ตานจึงเข้ามาสอนให้นางจับทารกน้อยพาดบ่าเพื่อให้เรอออกมา

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจให้นมบุตร ซานอิ๋งพาจวีลู่ม่านกลับไปพักที่หอนอน สีหน้าของนางฉายแววอิดโรย คงเป็นเพราะยังอ่อนแรงจากการคลอดท่านหญิงน้อยเมื่อวานนี้

คล้อยหลังจากที่จวีลู่ม่านและซานอิ๋งจากไป ประตูห้องเลี้ยงเด็กก็เปิดออก เผยให้เห็นร่างสูงของใครบางคน มู่ตานเห็นผู้มาเยือนจึงล่าถอยออกไปเพื่อให้พ่อลูกได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง

ฉู่เติ้งหาวเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างเปลของเจ้าก้อนแป้ง แลเห็นนางนอนหลับปุ๋ยอย่างน่าเอ็นดู นิ้วใหญ่จิ้มลงไปบนแก้มของฉู่ไจ๋ไจ๋เบาๆ ทอดถอนลมหายใจออกมาแรงๆหนหนึ่ง

“ลูกพ่อ เจ้าน่ารักน่าชังมากยิ่งนัก ทว่าคงดีกว่านี้หากเจ้าไม่ใช่ลูกของหญิงชั่วคนนั้น” ยามนึกถึงดวงหน้างามๆแต่แฝงไปด้วยความร้ายกาจของจวีลู่ม่านคราใดก็ทำให้เขารู้สึกแค้นใจทุกครั้งไป หากไม่ใช่เพราะนางวางแผนร้ายกาจ วางยาในสุราดอกท้อของเขา จนทำให้เขาเผลอมีสัมพันธ์สวาทกับนาง เขาก็คงไม่ต้องฝืนทนแต่งงานใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับสตรีร้ายกาจผู้นั้นหรอก

หึ! ทนได้ก็ทนไป สักวันหนึ่งเขาจะทำให้นางเป็นฝ่ายอ้อนวอนขอหย่าขาดจากเขาให้จงได้! ฉู่เติ้งหาวคิดอย่างหมายมาด!

จวีลู่ม่านหลับยาวไปจนถึงยามอิ่ว (17.00 - 18.59 น.) เมื่อตื่นขึ้นมาได้พบว่ายามนี้ดวงตะวันใกล้จะตกดินแล้ว พบว่าซานอิ๋งได้เตรียมน้ำอุ่นไว้ให้นางอาบ ร่างบางจึงเยื้องกายเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ โดยมีซานอิ๋งเดินตามเข้าไป

สายน้ำอุ่นที่อยู่ในอ่างไม้ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก อดทำให้หวนนึกถึงชีวิตเมื่อครั้งยังเป็นแม่ทัพหญิงลู่หนิงไม่ได้ นางไม่เคยได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเช่นนี้ ทั้งชีวิตอุทิศเพื่อแผ่นดินแคว้นหู หากไม่โดนสังหารในสนามรบเสียก่อน นางคิดว่าคงต้องได้จับกระบี่ออกรบไปตลอดชีวิตเป็นแน่

“ซานอิ๋งเหตุใดฉู่อ๋องถึงได้มีท่าทีชิงชังข้า ทั้งๆที่ข้าเป็นชายาของเขา หรือว่าเขาไม่ได้รักข้าอย่างนั้นหรือ” ระหว่างที่นอนหลับตาเอนหลังพิงอ่างไม้ โดยมีซานอิ๋งใช้มือนวดไปตามไหล่กลมกลึงของนาง นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนกลางวันก็ทำให้จวีลู่ม่านอดถามไม่ได้

ซานอิ๋งมองเจ้านายสาวด้วยความรู้สึกสงสาร ดูเหมือนว่านางจะลืมเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นไปทั้งหมด ลืมแม้กระทั่งว่านางรักฉู่อ๋องมากเพียงใด

สาวใช้คนสนิทเปิดปากเล่าเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นให้นางฟัง ลู่หนิงจับใจความได้ว่า จวีลู่ม่านคือบุตรสาวของเสนาบดีกรมโยธา นางแอบรักฉู่เติ้งหาวมานาน แต่เพราะรู้ว่าเขาไม่ได้มีใจให้ อีกทั้งถึงวัยแต่งงานออกเรือน จวีลู่ม่านไม่ต้องการแต่งงานกับบุรุษผู้ใด นางจึงได้วางแผนใส่ยาปลุกกำหนัดลงในสุราของฉู่อ๋องทำให้เขาและนางได้เสียกัน เรื่องนี้รู้ถึงพระเนตรพระกรรณของฉู่ฮ่องเต้ และคนสกุลจวี ฉู่เติ้งหาวจึงจำใจต้องยอมอภิเษกสมรสกับนาง เพราะไม่อาจขัดพระกระแสรับสั่งของฉู่ฮ่องเต้ได้

เพราะเป็นเช่นนี้ทำให้เขาเกลียดชังนางเข้ากระดูกดำ หลังจากแต่งงานกันก็ไม่เคยย่างกรายเข้ามาในห้องหอ อีกทั้งยังพานางมาไว้ที่จวนอ๋องนอกเมือง ในขณะที่เขากลับไปนอนยังตำหนักอ๋องที่อยู่ในวังหลวง ทว่าใครจะไปรู้ว่าการร่วมสัมพันธ์สวาทเพียงครั้งเดียวจะทำให้จวีลู่ม่านตั้งครรภ์ขึ้นมา กระทั่งนางท้องโตใกล้คลอด ฉู่อ๋องจึงกลับมาค้างที่จวนอ๋องแห่งนี้ แต่ถึงแม้ว่าเขาจะใช้ชีวิตอยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับนาง แต่ก็ไม่เคยเข้ามานอนในห้องหอกับนางสักครั้งเดียว

ลู่หนิงได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วได้แต่กลอกตาเล็กน้อยด้วยความหมั่นไส้ จวีลู่ม่านคนเดิมจะเป็นอย่างไรนางไม่รู้หรอก แต่สำหรับจวีลู่ม่านคนใหม่นี้ หากเขาร้ายกับนาง นางก็จะร้ายกับเขาเช่นกัน ฉู่อ๋องปฏิบัติกับนางเช่นไร นางก็จะปฏิบัติคืนเขาเช่นนั้น ไม่ยอมให้ผู้ใดรังแกง่ายๆหรอก!

หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์เรียบร้อยแล้ว ซานอิ๋งกับสาวใช้ก็ยกอาหารเย็นมาให้ จวีลู่ม่านทานอาหารจนอิ่มแปล้ จากนั้นไม่นานมู่ตานก็เดินเข้ามาตามในห้อง เพราะถึงเวลาให้นมฉู่ไจ๋ไจ๋แล้ว

หญิงสาวรอให้เวลาผ่านไปจนกระทั่งถึงยามจื่อ (23.00 - 00.59 น.) ครุ่นคิดอยู่นานว่าอยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีประโยชน์ ที่นี่ไม่ใช่บ้านของนาง แคว้นหูต่างหากที่ใช่

บรรยากาศในยามค่ำคืนวันนี้เงียบสงัด ไม่มีแม้กระทั่งเสียงสายลมหรือแมลงกลางคืน ร่างบางผุดลุกขึ้นจากเตียงวิ่งไปเปิดห่อผ้าเก็บข้าวของจำเป็นใส่ลงไปข้างใน หากจะกลับไปยังแคว้นหูต้องใช้เงินหลายก้วน นางจำได้ว่าซานอิ๋งเคยบอกว่าสินเดิมเจ้าสาวเก็บไว้ในหีบที่อยู่ในตู้ จวีลู่ม่านวิ่งไปยังตู้เสื้อผ้า เมื่อเปิดออกก็พบหีบไม้อย่างที่ซานอิ๋งบอก แลเห็นทองคำแท่งวางอยู่ข้างในพร้อมกับเงินอีกหลายตำลึง

อันที่จริงจวีลู่ม่านอยากจะขนไปทั้งหีบ แต่ด้วยระยะทางที่ไกลมาก อีกทั้งยังเป็นเพียงสตรีตัวเล็กๆคงไม่อาจแบกสมบัติพวกนี้ไปได้ทั้งหมด หญิงสาวจึงตัดสินใจหยิบเงินร้อยตำลึงทอง และทองคำอีกสามสี่แท่งใส่ลงไปในห่อผ้า เมื่อเตรียมของเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางจึงวิ่งเข้าไปเปลี่ยนอาภรณ์ให้ดูทะมัดทะแมง ก่อนจะก้าวเดินไปยังหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดอ้าออกรับลมและปีนลงไปข้างล่างด้วยความคล่องแคล่ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel