บท
ตั้งค่า

บทที่ 9 เตรียมเข้าหอ

“หากกุ้ยเฟยทรงอยากได้ เช่นนั้นหม่อมฉันจะให้คนไปนำมันมาถวายนะเพคะ”

วาจาของไป๋จี๋ทำให้คนที่กำลังร้องไห้น้ำตาไหลเกลื่อนใบหน้าหยุดชะงักไปทันที นางหันมาประสานสายตากับนางกำนัลคนสนิทด้วยความแปลกใจ

“ข้าไม่ได้อยากได้มัน แต่ถ้าหากข้าไม่ได้ เฝิงฮองเฮาก็ไม่ควรได้มันเช่นกัน”

ไป๋จี๋พยักหน้ารับเข้าใจในความหมายของเจ้านายที่สื่อออกมา จากที่เซี่ยหรูอวี้เอาแต่ร้องไห้สะอึกอื้นแปรเปลี่ยนมาแย้มยิ้มด้วยความสะใจแทน

วันนี้เฝิงลี่เหยียนสั่งให้หลิวเจียเตรียมของไปนั่งจิบน้ำชาที่ศาลาข้างน้ำตกจำลองในสวนอุทยานเป็นวันที่สอง ทั้งสองออกเดินทางไปจากตำหนักซูหนี่ว์ตั้งแต่ยามเช้า ในตอนที่เฝิงลี่เหยียนก้าวเข้าไปในเกี้ยว หารู้ไม่ว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองตามจนเกี้ยวของนางเคลื่อนออกไปจากตำหนักจนลับสายตา ปากบางกระตุกยิ้มอย่างสมใจ ก่อนที่จะเดินออกจากหลังประตูที่ซ่อนในตอนแรก จากนั้นจึงรีบก้าวตรงไปยังห้องบรรทมด้วยความรวดเร็วพลางหวนนึกไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนรุ่งสาง

‘จางอิ๋ง กุ้ยเฟยทรงมีรับสั่งให้เจ้าไปนำของสิ่งนั้นมาถวาย กุ้ยเฟยจะทำลายมันด้วยมือของนางเอง’

‘เจ้าค่ะ’

หลังจากที่คนทั้งคู่มานัดส่งข่าวให้กัน ไป๋จี๋มองตามจางอิ๋งที่เดินกลับไปยังตำหนักซูหนี่ว์จนลับสายตา จากนั้นนางจึงรีบเดินแยกไปอีกทาง

จางอิ๋งก้าวไปตามทางเดินก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องบรรทมของเฝิงฮองเฮา แต่เมื่อไปถึงนางก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่ไม่เห็นนางกำนัลเฝ้าประตูเหมือนอย่างเคย ทว่านางกลับรู้สึกยินดียิ่งนัก นางกำนัลสองคนนั่นเห็นเฝิงฮองเฮาไม่อยู่เลยคิดหละหลวมต่อหน้าที่สินะ เป็นอย่างนี้ก็ดีเช่นกัน ในเมื่อทางสะดวก นางจะได้ลงมือโดยง่าย

หญิงสาวรีบผลักบานประตูให้เปิดออกและแทรกกายเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว เดินตรงไปยังโต๊ะอ่านหนังสือพร้อมกับเปิดลิ้นชักออกเผยให้เห็นกล่องไม้ใบเล็กวางอยู่ข้างใน ด้วยความอยากรู้อยากเห็นนางจึงเปิดสลักกลอนออก อยากรู้นักว่าของล้ำค่าที่เถียนฮ่องเต้ประทานให้ฮองเฮาคืออะไรกันแน่

ครั้นเมื่อเปิดฝากล่องออก ดวงตาของนางพลันเบิกกว้างขึ้นทันใดเมื่อเห็นสร้อยหยกเนื้อดีวางอยู่ภายใน

“งดงามมากเหลือเกิน” มือบางลูบไล้ไปยังสร้อยหยกด้วยความหลงใหล น่าเสียดายยิ่งนักที่เซี่ยกุ้ยเฟยต้องการทำลายมัน หากแต่ไม่นานก็ต้องตัดใจ เหตุเพราะต้องรีบนำมันไปให้ไป๋จี๋เพื่อนำไปถวายเซี่ยกุ้ยเฟยตามคำสั่ง

หากแต่ว่าในตอนที่นางผลักประตูเปิด ทั้งร่างกลับต้องนิ่งค้างไปทันใด ร่างกายชาวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ริมฝีปากสั่นระริกไปมา แข้งขาอ่อนแรงจนต้องทรุดลงไปนั่งอยู่บนพื้น

“ฮะ ฮองเฮา!” น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ในขณะที่เฝิงลี่เหยียนยืนนิ่ง มือบางยกขึ้นกอดอก ริมฝีปากแย้มออกจากกันเล็กน้อย ก่อนที่จะก้าวมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของจางอิ๋ง

“จะไปไหนหรือจางอิ๋ง”

“เอ๊ะ! นั่นของที่ฝ่าบาททรงประทานให้ฮองเฮามิใช่หรือเพคะ” หลิวเจียแสร้งทำหน้าตกใจพลางเดินเข้าไปกระชากกล่องไม้ในมือของจางอิ๋งออกมาถือไว้

“มันเป็นของๆข้า แต่กลับไปอยู่ในมือของเจ้าโดยที่ข้าไม่ได้สั่ง มันหมายความเช่นไรหรือ” สุรเสียงของเฝิงฮองเฮาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ทว่ามันกลับทำให้คนฟังขนกายลุกชัน จางอิ๋งน้ำตาไหลพราก นางหวาดกลัวฮองเฮาผู้นี้มากเหลือเกิน ให้เฝิงฮองเฮากรีดร้องอาละวาดตบตีนางเช่นเดิมคงดีกว่าท่าทีนิ่งเฉยเช่นนี้เสียอีก

“มะ หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจเพคะ ฮึก ฮองเฮาได้โปรดทรงอภัยให้หม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ ฮืออออ”

“จางอิ๋ง ข้ารู้ว่าลำพังตัวเจ้าคนเดียวคงไม่กล้าทำเรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้หรอก เพราะหากพลาดพลั้งขึ้นมาโทษที่เจ้ากล้าลักขโมยของๆเชื้อพระวงศ์นั่นคือความตาย” เฝิงลี่เหยียนย่อกายลงนั่ง มือบางเชยคางของจางอิ๋งให้เงยหน้าขึ้นมาสบตา คำขู่ของนางทำให้จางอิ๋งเปล่งเสียงร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิม

“ข้าสงสารลำคอน้อยๆของเจ้ายิ่งนัก ยามที่คิดว่าอีกไม่นานมันต้องโดนคมดาบฟันฉั่บลงจนขาดกระเด็น” หญิงสาวกรีดนิ้วไปตามลำคอขาวผ่องของจางอิ๋งที่นั่งตัวสั่นระริก ใครเล่าจะไม่รักตัวกลัวตาย!

“เจ้าคิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จะยอมออกหน้าช่วยนางกำนัลตัวเล็กๆเช่นเจ้าอย่างนั้นหรือ เจ้าลองคิดดูดีๆเถิด”

จางอิ๋งส่ายศีรษะไปมา ในตอนที่เฝิงลี่เหยียนลุกขึ้นยืน นางจึงรีบคลานเข่าเข้าไปกอดขาเรียวของเฝิงลี่เหยียนพร้อมกับแนบศีรษะลงแทบเท้าของนาง หากแต่ว่าหลิวเจียกลับสั่งให้นางกำนัลรับใช้อีกสองคนเข้ามาดึงนางออกไปให้ห่างจากเฝิงฮองเฮาเสียก่อน

“ฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันยอมแล้ว อย่าทรงลงโทษหม่อมฉันเลยนะเพคะ หม่อมฉันไม่อยากตาย ฮืออออ”

“เจ้ายอมทุกอย่างจริงๆหรือ” เฝิงลี่เหยียนถามคนที่นั่งร้องไห้ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวเสียงเรียบ

“ยอมเพคะ ฮองเฮาทรงต้องการให้หม่อมฉันทำสิ่งใด รับสั่งมาได้เลยเพคะ หม่อมฉันขอสาบานว่าจากนี้ไปจะจงรักภักดีต่อฮองเฮาเพียงผู้เดียว ขอเพียงแค่ฮองเฮาไม่ทูลเรื่องนี้ให้ฮ่องเต้ทรงทราบ”

“จางอิ๋ง การมีอยู่หรือจากไปของเจ้าไม่ได้มีผลอะไรต่อตัวของข้าเลย ทว่าเห็นแก่ที่เจ้าอยู่รับใช้ที่ตำหนักซูหนี่ว์มานาน หนนี้ข้าจะช่วยเจ้าก็แล้วกัน”

“ขอบพระทัยเพคะ หม่อมฉันสาบานว่าจะไม่ทรยศฮองเฮาอย่างเด็ดขาด”

เฝิงลี่เหยียนแย้มยิ้มรับด้วยความพึงพอใจ ในเมื่อเซี่ยหรูอวี้เขวี้ยงงูพิษมายังตำหนักซูหนี่ว์ นางก็จะส่งงูพิษกลับคืนไปให้เซี่ยหรูอวี้เช่นกัน!

หลังจากเรื่องวุ่นวายในช่วงเช้าผ่านพ้นไป ตำหนักซูหนี่ว์ก็ต้องเตรียมการต้อนรับเถียนจิ่งเทียนฮ่องเต้ที่จะเสด็จมาในตอนหัวค่ำของวันนี้ ประเพณีของแคว้นเฟิ่งไม่ได้วุ่นวายอะไรมากนัก นอกจากการทำความสะอาดทั้งตำหนักรวมถึงภายในห้องบรรทมและเปลี่ยนผ้าปูที่นอนเป็นสีแดงมงคล ก่อนที่จะถึงเวลาเสด็จ เยี่ยนกงกงได้มาแขวนโคมไฟสีแดงที่หน้าประตูตำหนักซูหนี่ว์ นอกนั้นก็จะเป็นการเตรียมพร้อมให้กับเฝิงฮองเฮาเท่านั้น

เฝิงลี่เหยียนถูกเชิญให้เข้าไปอาบน้ำตั้งแต่หัววัน หลิวเจียและนางกำนัลถือเครื่องอาบน้ำเข้ามาในห้องและช่วยกันขัดสีฉวีวรรณนางยกใหญ่จนรู้สึกแสบผิวไปหมด หลังจากทำความสะอาดกายเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องไปนอนแช่น้ำที่ใส่กลิ่นเครื่องหอมมากมายเพื่อให้กลิ่นกายเต็มไปด้วยความหอม นอนแช่ได้ราวประมาณครึ่งชั่วยาม จากนั้นก็ต้องลุกไปสวมใส่อาภรณ์ต่อ

“หลิวเจีย ข้าต้องใส่ชุดพวกนี้จริงๆหรือ” เฝิงลี่เหยียนหยิบอาภรณ์สีแดงขึ้นมาดู ไม่สิ… ต้องเรียกว่าเศษผ้าถึงจะถูกมากกว่า อาภรณ์พวกนี้เหมือนกับที่นางใส่อยู่ที่หอหมื่นบุปผาเพื่อให้ความสำเริงสำราญทางสายตากับเหล่าบุรุษอย่างไม่มีผิดเพี้ยน

“ใช่เพคะ” หลิวเจียพยักหน้ารับ เข้าใจว่าเจ้านายสาวคงจะเขินอายไม่น้อยเลยทีเดียว การใส่อาภรณ์น้อยชิ้นจะช่วยกระตุ้นอารมณ์กำหนัดของบุรุษเพศ สตรีในวังหลังของแคว้นเฟิ่งจะใส่มันในตอนที่เถียนฮ่องเต้เสด็จมาเยือนที่ตำหนักเท่านั้น

เฝิงลี่เหยียนมองนางกำนัลที่ช่วยสวมใส่อาภรณ์ให้ตนเองตาปริบๆ ไม่นานนางจึงยักไหล่ขึ้นเบาๆ ใช่ว่าจะไม่เคยใส่เสียหน่อย นางไม่อายหรอก

ครั้นเมื่อแต่งกายเสร็จเรียบร้อย เฝิงลี่เหยียนก็ถูกพาให้ไปนั่งรออยู่บนเตียง ไม่นานหลิวเจียก็เดินกลับเข้ามาข้างในแจ้งว่าเถียนฮ่องเต้เสด็จมาถึงแล้ว

“หลิวเจีย เจ้าดูจะตื่นเต้นมากกว่าข้าอีกนะ” ท่าทางตื่นเต้นดีใจของนางกำนัลคนสนิททำให้เฝิงลี่เหยียนอดที่จะหยอกเย้านางไม่ได้

“โธ่ ฮองเฮาเพคะ ฮ่องเต้ไม่เคยเสด็จมาค้างที่ตำหนักซูหนี่ว์มาก่อน หม่อมฉันก็อดตื่นเต้นแทนฮองเฮาไม่ได้นี่เพคะ” หลิวเจียยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เฝิงฮองเฮารักใคร่เถียนฮ่องเต้มาก นางรู้สึกดีใจแทนเจ้านายสาวมากจริงๆ

“เช่นนั้นเจ้ามารับใช้ฮ่องเต้แทนข้าดีหรือไม่ ลองเปลี่ยนหน้าที่กันสักวันคงจะดีไม่น้อย” เฝิงลี่เหยียนยื่นหน้าเข้าไปกระซิบ วาจาของนางทำให้หลิวเจียทำตาโตรีบส่ายหน้าหวือปฏิเสธเสียงสั่น

“ได้อย่างไรกันล่ะเพคะ หากทำเช่นนั้นจริงๆ หม่อมฉันคงโดนฝ่าบาทสั่งโบยจนตาย”

เฝิงลี่เหยียนเปล่งเสียงหัวเราะเบาๆด้วยความขบขัน นางแค่แกล้งเย้าหลิวเจียเล่นเท่านั้น ทว่าดูสีหน้าซีดเผือดของหลิวเจียตอนนี้สิ ช่างน่าขบขันมากจริงๆ

“หลิวเจียเจ้าจงนำผ้าไหมพวกนั้นไปที่ตำหนักของจูจิ่วผิน บอกว่าข้านำมาให้เพื่อแทนคำขอบคุณที่ทำให้ข้าจับหนอนบ่อนไส้ที่เซี่ยกุ้ยเฟยส่งมาได้” เฝิงลี่เหยียนหันไปมองผ้าไหมเนื้อดีนับสิบผืนที่วางอยู่ข้างตู้ไม้หลังใหญ่

“เพคะฮองเฮา” หลิวเจียตอบรับวาจาของเจ้านายสาว

หากแต่ไม่นานบทสนทนาก็ต้องหยุดลงทันใด เมื่อประตูห้องบรรทมเปิดออกพร้อมกับร่างสูงองอาจก้าวเข้ามาในห้อง

หลิวเจียเห็นผู้มาใหม่ก็รีบยอบกายคารวะทำความเคารพโอรสสวรรค์ จากนั้นจึงรีบเร่งฝีเท้าออกไปจากห้อง เมื่อประตูปิดลงเหลือเพียงแค่เถียนจิ่งเทียนและเฝิงลี่เหยียนอยู่ตามลำพังเท่านั้น

“ดูเจ้าจะมีความสุขมากเหลือเกินที่ทำให้เสด็จแม่ทรงบีบบังคับให้ข้ามาค้างที่ตำหนักซูหนี่ว์ได้”

เฝิงลี่เหยียนลอบกลอกตามองบนด้วยความหมั่นไส้ เพียงแค่เขาเห็นหน้าของนางก็พูดจาค่อนขอดเสียแล้ว

“เพคะ หม่อมฉันมีความสุขม๊ากมากที่ทำให้ฝ่าบาทเสด็จมาหาหม่อมฉันได้” เห็นเขากล่าวเช่นนั้น นางจึงอดไม่ได้ที่จะพูดจาประชดประชันคืน

ดวงตาคู่คมวาวโรจน์ขึ้น ร่างสูงย่างสามขุมเข้ามาใกล้ แววตาเอาจริงของเขาทำให้เฝิงลี่เหยียนรู้สึกหวั่นใจอยู่หน่อยๆ ยิ่งเมื่อเห็นคนตัวโตล้วงมือเข้าไปในชายเสื้อก็ยิ่งรู้สึกหวาดหวั่น ไม่แน่ใจว่าเขาอาจกำลังล้วงหยิบอาวุธเพื่อมาสังหารนาง!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel