เมื่อข้าหมดรักสามีไร้ใจ

34.0K · จบแล้ว
ม่านซู
33
บท
165
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เขาชังน้ำหน้านางหนักหนากระทั่งนางใกล้ตายยังไร้การเหลียวแล บุรุษเช่นเขาน่ะหรือที่นางยอมถวายหัวใจมอบให้ได้แม้แต่ชีวิตตัวเอง ครั้นรอดตายมาได้เว่ยซูเหม่ยยอมจำนนต่อเขาเพราะรู้ดีว่ายิ่งพยายามเท่าใดยิ่งไร้ประโยชน์เท่านั้น แต่ก่อนคอยไล่ตามร้องขอความรักจากเขา ต่อแต่นี้มีเพียงความเฉยชามอบกลับคืน...

นิยายย้อนยุคนิยายจีนโบราณแม่ทัพรักสามเศร้าเกิดใหม่แฮปปี้เอนดิ้งการแต่งงานจีนโบราณดราม่าโรแมนติก

บทนำ

ผ้าเช็ดหน้าสีขาวนวลยื่นมาตรงหน้านางอย่างไม่นึกรังเกียจ แม้ใบหน้าของเว่ยซูเหม่ยเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลนเพราะการหลบหนีหัวซุกหัวซุนจากฝีมือนักฆ่ามือฉกาจ

          “ท่านโหว ข้าเกรงว่านักฆ่าพวกนั้นได้หนีไปแล้ว”

          “หย่งเจิ้ง เจ้าแบ่งคนของเราแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งตามหาคนอีกฝ่ายตามจับนักฆ่าพวกนั้น”

          “ขอรับ”

          คล้อยหลังบ่าวรับใช้สืออันหลงจึงได้บอกสตรีตรงหน้า

          “เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะจับคนที่มันคิดทำร้ายเจ้ามาลงโทษให้จงได้”

          “แม่นมกับสาวใช้ของข้า ตอนนี้พวกนางจะเป็นเช่นไรบ้างก็มิรู้”

          “พวกนางสองคนจะต้องปลอดภัยแน่”

          แม้ชายหนุ่มตรงหน้าพูดจาปลอบโยน แต่ทว่าไม่นานนักกลับได้ยินข่าวร้ายดังเข้าหู น้ำตาของนางไหลอาบแก้มทั้งสองข้างเพราะคนของเขาพบศพหญิงชรารายหนึ่ง นางเป็นแม่นมที่เว่ยซูเหม่ยรักดั่งมารดาแท้ ๆ เหตุเพราะตั้งแต่ลืมตาดูโลกมามารดาของนางได้สิ้นชีพลงทำให้หญิงสาวถูกบิดาไล่ออกจากจวนตอนอายุห้าขวบให้มาอาศัยอยู่บ้านสวนในชนบท ซึ่งอยู่ห้างจากเมืองหลวงยี่สิบลี้ เพราะคิดว่านางเป็นตัวกาลกิณีมีเพียงแม่นมกับสาวใช้หนึ่งคนที่ติดตามด้วยความภักดี

          “คุณหนู” หวนปี้วิ่งเข้ามาสวมกอดคุณหนูของตน

          “แม่นมจากข้าไปแล้ว เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะข้า” หญิงสาวร้องไห้ปานจะขาดใจ

          “ไม่ใช่ความผิดของคุณหนู ท่านอย่าได้โทษตัวเองนักเลย หากแม่นมไห่ยังมีชีวิตอยู่นางคงรู้สึกเสียใจแน่ที่ได้ยินคุณหนูพูดเช่นนี้”

          สองนายบ่าวกอดคอกันร้องไห้อยู่นานกว่าจะสงบสติอารมณ์ได้ถึงได้เข้าไปพูดคุยกับบุรุษที่ช่วยชีวิตตนไว้

          “ขอบคุณคุณชายที่ช่วยเหลือ หากไม่ได้ท่านข้าคงตายไปแล้ว”

          “แม่นางไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก มันเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว”

          “ท่านโหว ต้องรีบกลับจวนแล้วขอรับ”

          “แม่นาง ข้าคงต้องขอตัวก่อนโปรดดูแลรักษาตัวเองให้ดี ข้าจะให้คนของข้าคอยคุ้มกันเจ้าอยู่ที่นี่จนกว่าจะจับคนพวกนั้นได้”

          เว่ยซูเหม่ยยืนมองป้ายชื่อแม่นมของตนด้วยท่าทีสงบนิ่งราวกับสายน้ำ ตรงข้ามกับความรู้สึกเดือดพล่านที่อยู่ข้างในจิตใจ เรื่องนี้ดูก็รู้ว่าเป็นฝีมือผู้ใด หากมีโอกาสได้กลับจวนเมื่อใดนางต้องหาโอกาสแก้แค้นให้แม่นมแน่ เลือดต้องล้างด้วยเลือด

          แต่ก่อนถอยหลังให้อย่างจำยอม บัดนี้เติบใหญ่เป็นสาวงามบานสะพรั่งแม้ถูกกักขังให้อยู่แต่ที่นี่แต่ความงดงามกับถูกเลื่องลือไปไกล

          “หวนปี้ ข้าได้ยินมาว่าฮ่องเต้มีพระราชโองการให้ตระกูลสือกับตระกูลเว่ยเกี่ยวดองกัน เรื่องนี้จริงรึไม่”

          “จริงเจ้าค่ะ คนของเราที่อยู่เมืองหลวงส่งข่าวบอกมาเช่นนี้ แต่บ่าวก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเหตุใดถึงมีพระราชโองการลงมาเช่นนี้ทั้งที่ฝ่าบาทย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าทั้งสองตระกูลไม่ถูกกัน”

          “เพื่อความสงบสุขอย่างไรเล่า ถึงอย่างไรเสียนี่เป็นโอกาสเดียวของข้าที่จะได้กลับเมืองหลวง”

          “ที่คุณหนูเอ่ยเมื่อครู่หมายความเช่นไร”

          “ท่านพ่อคงไม่ยอมให้บุตรสาวที่มีค่าดุจทองคำอย่างน้องรองแต่งเข้าตระกูลสือแน่ ยกเว้นข้าที่เป็นเพียงตัวกาลกิณี”

          “คุณหนูหมายความว่า...”

          “ให้คนของเราที่อยู่ข้างกายฮูหยินเว่ยยุยงนางให้ส่งข้าแต่งเข้าตระกูลสือเสีย”

          “ทำเช่นนี้จะดีหรือเจ้าคะ”

          “ข้ามีเพียงทางเลือกเดียวเท่านั้น แม่นมไห่จากไปได้สองปีแล้ว หากชาตินี้ข้ายังไม่ได้ล้างแค้นให้นางข้าคงอกตัญญูเต็มทน”

จวนตระกูลเว่ย

          “ฮูหยิน นี่ก็สามวันแล้วนะเจ้าคะที่ฝ่าบาทมีพระราชโองการลงมา”

          “ข้ารู้แล้ว”

          “แล้วท่านคิดจะให้คุณหนูรองแต่งกับตระกูลสือจริงหรือ”

          “ข้าไม่มีวันยอมให้เข่อซิงแต่งเข้าจวนนั้นเป็นอันขาด หากนางแต่งกับตระกูลสือรังแต่จะทำให้ลูกสาวของข้าทุกข์ระทม”

          “เช่นนั้นให้คุณหนูใหญ่แต่งแทนดีรึไม่ เดิมทีนางไม่มีประโยชน์อันใดต่อตระกูลเว่ยของเราอยู่แล้ว ดีเสียอีกจะได้ไล่ตัวกาลกิณีเช่นนางไปให้พ้นเสียที” แม่นมจ้าวโน้มน้าว

          “เจ้าอย่าได้เรียกชื่อนางให้ข้าได้ยินอีก ข้าเกลียดขี้หน้านางนัก”