ตอนที่สอง เผ่าเปี้ยน (NCนิดๆ)
“ถามได้อย่างไรว่าเจ็บมากหรือไม่ ดูด้วยตาก็รู้แล้ว ช่างเถอะ ฟื้นก็ดีแล้ว รีบกินยาเสียก่อน”
ชามน้ำสีดำข้นคลั่กท่าทางน่ากลัวถูกจ่อเข้ากับปากจนเธอจำใจอ้ารับแล้วกลืนน้ำที่ขมจัดลงไปบางส่วนก่อนจะพ่นส่วนที่เหลือออกมาจนเลอะเทอะ
อุ๊บ แค่ก แค่ก
โอ๊ย!...ขมมาก ทำไมไม่ใส่อะไรมาสักหน่อย ขมขนาดนี้ใครจะไปกลืนลง
“อดทนหน่อยเถิด หาไม่จะหายช้า”
ผู้หญิงที่ถือชามยาไม่ถือสาที่เธอทำเลอะแต่ยังพยายามจ่อชามเข้ามาแล้วบีบคั้นให้กลืนลงไปจนเกือบหมด
“เอาล่ะ ข้าเช็ดเนื้อเช็ดตัวและทายาให้แล้ว เจ้านอนพักให้มากๆจะได้ฟื้นตัวโดยเร็ว พวกเราต้องกลับออกไปแล้ว”
หลิงหลิงชะงักมองหน้าผู้หญิงทั้งสองคนเพราะสะดุดหูกับคำพูดที่แปลกออกไปก่อนจะมองไปรอบห้อง
“ที่นี่ ที่ไหน?” เสียงที่เอ่ยออกมาทั้งแผ่วเบาทั้งอ่อนแรง แต่หญิงคนหนึ่งยังอุตส่าห์ได้ยินและหันมาตอบ
“ห้องของหัวหน้าเผ่าเปี้ยน เจ้านอนพักให้สบายเถอะ ไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามารบกวนแน่”
เผ่าเปี้ยน? ใครกัน?
หลิงหลิงหลับตาลงอีกครั้งแต่สมองยังคงคิดไม่หยุด
ก่อนหน้านี้เธอยังทำการแสดงอย่างมีความสุข ด้วยเพิ่งได้รับคัดเลือกเป็นนักแสดงสมทบในเรื่องนี้ ในฐานะน้องใหม่เธอจึงไม่เกี่ยงงอนยินดีรับบทบาทหลายหน้าที่ทั้งร่ายรำงดงามตระการตาจากนั้นต้องรีบวิ่งไปเปลี่ยนชุดเพื่อแสดงเป็นแม่ค้าขายของ แล้วยังต้องกลับมาร่วมแสดงบทบาทเป็นนางในอีก
การแสดงเรื่องนี้มีชื่อเสียงโด่งดังด้วยทั้งฉากและเอฟเฟกต์สมจริงยิ่งใหญ่ แสงสีเสียงยิงไปมาจนตาพร่าลาย แล้วยังมีนักแสดงดาวเด่นหลายคน เมื่อองค์ประกอบทั้งมวลมารวมกันย่อมเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจ
เมื่อได้รับข้อเสนอให้ทำการแสดงเสี่ยงตายแทนตัวเอกหญิงคือการโหนเชือกกระโดดลงมาตีลังกา เธอจึงรีบยกมือขึ้นเสนอตัวเพราะถือเป็นฉากที่เรียกเสียงฮือฮาได้มากทีเดียว
อุตส่าห์ฝึกแทบตาย ไม่น่าพลาดเลยเรา
เดี๋ยวนะ...เมื่อกี้มัวแต่งงกับการที่พวกเขาเรียกชื่อเธอได้อย่างถูกต้อง
ความจริงเธอน่าจะสลบไปและเพิ่งฟื้น แล้วทำไมถึงไม่อยู่ที่โรงพยาบาลหรืออย่างน้อยก็ด้านหลังเวที
ทำไมถึงมาอยู่ที่ห้องหัวหน้าเผ่าเปี้ยนอะไรนั่น
เอาน่า...อย่างน้อยก็ยังได้กินยา
หญิงสาวปลอบใจตัวเองก่อนจะคิดไปถึงอีกเรื่องที่คาใจ
ที่พวกเขาพูดถึงคือเรื่องอะไรกัน
‘เผ่าเปี้ยน’ ชื่อนี้ไม่มีในบทนี่นา
หญิงสาวคิดวนไปวนมาจนหลับไปด้วยความอ่อนล้า ก่อนจะตื่นขึ้นอีกทีเมื่อได้ยินเสียงของผู้ชายพูดคุยกันดังอยู่ไม่ไกล
“ท่านหัวหน้าเสพสมกับนางรำอันดับหนึ่งแห่งแคว้นต้าฉางทั้งคืนนางน่าจะมีทีเด็ดไม่น้อย”
“เจ้าเองก็คว้านางรำคนอื่นมากกกอดทั้งคืนเช่นกัน เหตุใดต้องอิจฉาท่านหัวหน้าด้วยเล่า”
“ข้าเพียงเสียดาย นางช่างงามแท้ ยามเอวเล็กนั่นโยกบิดส่ายร่อนพลิ้วไหวช่างน่าหลงใหลนัก ยิ่งตอนที่นางแอ่นร่างจนเห็นหน้าท้องเนียนกับเรียวขานวลนั่น
โอ้ว...ข้าถึงกลับเผลอคิดไปถึงตอนที่นางครวญครางอยู่ภายใต้ท่อนกายของข้าทีเดียว ไม่รู้ว่าชาตินี้จะมีวาสนาได้ลิ้มลองหญิงงามบ้างหรือไม่”
“หากท่านหัวหน้าเบื่อแล้วคงส่งลงมาให้พวกเราได้ลองชิมเนื้อสาวงามบ้าง อย่าเพิ่งคิดมากไปเลย นางรำที่นอนรอเจ้าอยู่ในห้องเองก็ใช่ว่าจะงามน้อยเสียเมื่อไร”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ใช่แล้ว แม้ทรวงอกจะเล็กไปสักหน่อยแต่ร่องดอกไม้ของนางทั้งตอดรัดทั้งคับแน่น เพียงคิด แก่นกายของข้าก็แข็งตั้งขึ้นมาอีกแล้ว เห็นทีต้องเข้าไปปลดปล่อยอีกครา”
“อยากสอดใส่อีกสักกี่คราก็ตามแต่ใจเถิด พวกเรายังครอบครองนางได้ตลอดเวลาที่ยังอยู่ที่นี่”
“เช่นนั้นรีบไปเถิด”
ถ้อยคำที่ได้ยินทำให้หลิงหลิงเริ่มแตกตื่น
พวกเขาพูดเรื่องบ้าอะไรกัน
เมื่อได้ยินเสียงกุกกักที่ประตูด้านหน้า หญิงสาวจึงรีบหลับตาพยายามนอนนิ่งเฉยทำเป็นว่ายังคงสลบไสล
“ยังไม่ตื่นอีกหรือ ข้าคงรุนแรงไปหน่อย เฮ้อ!...สตรีแคว้นต้าฉางทั้งบอบบางทั้งอ่อนแอ มีดีแค่ขาวเนียนนุ่มน่าสัมผัส และร่องช่องทางที่คับแคบและแน่นมาก เอาเถอะ ออกไปกินเหล้าต่อดีกว่า”
เสียงบ่นพึมพำพร้อมความรู้สึกว่ามีคนเดินวนไปวนมาและหยุดจ้องมองทำให้หญิงสาวใจเต้นรัว
