ตอนที่หนึ่ง หลิงหลิง (NCนิดๆ)
ตอนที่หนึ่ง
หลิงหลิง
โอ๊ย!...ปวดระบมไปทั้งตัว เจ็บแสบไปหมดจนแยกแยะไม่ออกแล้วว่าตรงไหนเจ็บมากกว่ากัน
เมื่อกี้แค่พลาดตกลงมาจากเชือกเท่านั้น ทำไมเจ็บมากอย่างนี้
หรือว่า...จะตกลงมาจนแข้งขาหัก
เอ...แต่ก็ไม่เจ็บแขนเจ็บขาเท่าไหร่ เจ็บตรงกลางลำตัวมากกว่า
ฮือๆๆๆ ทำไมทั้งเจ็บทั้งแสบแบบนี้
‘หลิงหลิง’ หญิงสาววัย25โอดครวญพร่ำเพ้ออยู่ในใจโดยไม่อยากขยับเขยื้อนร่างกาย
เมื่อครู่เธอกำลังทำการแสดงฉากยากบนเวทีซึ่งก็คือการโหนเชือกกระโดดลงมาตีลังกาก่อนจะยืนอย่างสง่างามบนพื้น
แม้จะนับว่ายาก แต่หลิงหลิงฝึกฝนอยู่ทุกวันทั้งยังมีพื้นฐานร่างกายที่ดี ร่างกายของเธอมีความยืดหยุ่น ลำตัวอ่อนเอวพลิ้วและมีกำลังขาแข็งแรง เธอจึงมั่นใจว่าตัวเองสามารถทำได้โดยผิดพลาดน้อยที่สุด
แต่...เมื่อกี้จู่ๆเชือกก็ขาดจนร่างของเธอสะบัดหลุดกระเด็นตกกระแทกพื้นเวทีอย่างแรง จากนั้น...
นั่นสิ จากนั้นเธอควรจะได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน อย่างน้อยก็ทำการปฐมพยาบาลหรือรีบพาไปหาหมอ แล้วทำไมถึงยังนอนอยู่บนเตียงด้วยความเจ็บปวดแบบนี้ล่ะ
โอ๊ย!....ทำไมปวดมากขนาดนี้ โดยเฉพาะตรงกลางระหว่างขาแล้วก็หน้าอก
หรือว่าตอนลงกระทบพื้น ขาของเธอฉีกกว้างแล้วเอาหน้าอกกระแทก
ไม่นะ นั่นไม่ใช่ท่าที่ควรจะเป็น
หญิงสาวนอนโอดโอยอยู่เป็นนานสองนานก่อนจะมีความทรงจำอันพร่าเลือนผุดขึ้นมาเป็นระยะ
“ฮือๆๆๆ เบาหน่อย ข้าเจ็บ ฮือๆๆ”
“โอ้...แน่นเกินไป เหตุใดร่องของเจ้าจึงคับแคบเช่นนี้”
“แท่งกายของท่านใหญ่โตเพียงนั้นจะยัดเข้ามาได้อย่างไร ฮือๆๆๆ เอาออกไปเถิด”
“ไม่ได้ เข้าไปกว่าครึ่งแล้ว อดทนอีกหน่อย”
เสียงหนุ่มสาวที่ได้ยินกับความเจ็บปวดทางกายที่โหมเข้าโจมตีทำให้สมองของหญิงสาวลอยคว้างไม่อยากคิดต่อ
ร่างบางนอนหลับๆตื่นๆก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีเสียงเปิดประตูพร้อมร่างของหญิงสาวสองคนเดินเข้ามาอย่างร้อนรน
“น่าสงสารนางนัก ยังไม่ทันรู้ตัวก็ถูกยกให้เผ่าป่าเถื่อนพวกนั้นเสียแล้ว ดูพวกเขาสิ ทำกับนางราวตายอดตายอยาก ย่ำยีจนนางไม่เหลือสภาพนางรำอันดับหนึ่ง เจ้าดูสิทั้งร่องดอกไม้งาม ทรวงอกอวบอิ่ม ต่างยับเยินอย่างน่าอเนจอนาถ
พวกเราเฝ้าทะนุถนอมนางมาอย่างดี สุดท้ายกลับมีสภาพเช่นนี้ได้ ฮือๆๆๆ หลิงหลิงเอ๊ย ข้อขอโทษที่ไม่อาจช่วยเจ้าได้แม้แต่น้อย”
“อย่าได้ส่งเสียงดังไป ฮ่องเต้ของพวกเราออกปากยกพวกนางให้คนของเผ่านี้แล้ว ยามนี้นับว่าเป็นคนของพวกเขา เจ้าอย่าได้โวยวายปากมาก หากเกิดเรื่องใดขึ้นจะโดนลงโทษเอาได้”
“ข้าก็ไม่ได้อยากจะสร้างเรื่อง แต่เจ้าคิดดูสิ เดิมทีนางทั้งโดดเด่นทั้งเจิดจรัส ด้วยมีใบหน้างดงามอ่อนหวานชวนหลงใหล รูปร่างหรือก็เย้ายวนชวนให้เคลิ้มฝัน แล้วยังร่ายรำอ่อนช้อยลีลาจับใจ ไม่คิดว่ายังไม่ทันข้ามคืนกลับกลายสภาพเป็นเพียงหญิงอุ่นเตียงคนหนึ่ง ฮือๆๆๆๆ”
“นางรำเช่นพวกเราก็เยี่ยงนี้ แม้จะร่ายรำเก่งหรืออ่อนช้อยเพียงใด หากไม่โดนยกให้เผ่าที่มาส่งบรรณาการ ก็คงถูกยกให้ขุนนางสักคนหรือทหารที่ชนะศึกกลับมา จะคิดฝันไกลถึงขั้นไหนกัน”
“อืม...นั่นก็จริง เอาเถอะ ยามนี้คงได้แต่ดูแลให้นางฟื้นตัวโดยเร็ว หัวหน้าเผ่าผู้นั้นทั้งร่างใหญ่ทั้งแข็งแรง หากรอช้าเกินไปอาจไม่พอใจแล้วบุกเข้ามาจับนางกินต่อโดยไม่ใส่ใจว่านางจะเป็นหรือตาย”
“อดทนอีกไม่กี่วัน เดี๋ยวพวกเขาก็กลับแล้ว”
“หากพวกเขาติดใจขอนำตัวนางกลับไปด้วยเล่า”
“ต่อให้เป็นเช่นนั้นพวกเราก็ไม่อาจทำสิ่งใด”
“โธ่ หลิงหลิง”
หลิงหลิง?
หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงอย่างสะลึมสะลือพยายามเปิดเปลือกตามองเมื่อได้ยินชื่อของตนเอง แม้ตอนแรกจะได้ยินเพียงบางคำพูดปนเปไปกับเสียงร้องไห้กระซิกจนจับใจความไม่ค่อยได้
เอ๊ะ!...หน้าตาแบบนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน
ทำไมถึงเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงสนิทสนมขนาดนั้น
“ฟื้นแล้วหรือ หลิงหลิง เป็นอย่างไรบ้าง เจ็บมากหรือไม่”
ยังไม่ทันได้ตอบผู้หญิงอีกคนด้านข้างก็แทรกขึ้นมา
“ถามได้อย่างไรว่าเจ็บมากหรือไม่ ดูด้วยตาก็รู้แล้ว ช่างเถอะ ฟื้นก็ดีแล้ว รีบกินยาเสียก่อน”
