บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 สามีชั่วมาก่อกวน

ยามนี้เป็นเวลายามจื่อ (23.00 - 00.59 น.) แล้ว ทว่าภายในห้องหนังสือของจวนสกุลเฉินยังมีแสงสว่างจากตะเกียงปรากฏอยู่ หลังโต๊ะไม้ตัวใหญ่มีร่างสูงของใครบางคนนั่งอยู่ นิ้วใหญ่ของเขาเคาะลงบนโต๊ะเสียงดังตึกๆอย่างคนกำลังใช้ความคิด

หลังจากที่ซูอี้ซินหายตัวไปในตอนกลางวัน เขาก็สั่งให้คนออกตามหานาง ก่อนจะพบร่างบางที่ชุ่มโชกไปด้วยโลหิตนอนหมดสติอยู่ริมหน้าผาสูงชันจึงรีบพาตัวนางกลับมารักษาได้ทันกาล แต่หลังจากนั้นเขาได้ส่งให้อู๋เหล่ยนำทหารออกไปสำรวจพื้นที่โดยรอบกลับพบว่าภายใต้หน้าผามีร่างของสตรีผู้หนึ่งนอนสิ้นชีพอยู่ ลักษณะและท่วงท่าของนางกระดูกหักจนแข้งขาหงิกงอผิดรูป คาดว่าเกิดจากการที่นางพลัดตกจากหน้าผา และยังมีเศษซากของห้องโดยสารของรถม้าคันใหญ่แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆอยู่ในบริเวณนั้น

เขาไม่รู้ว่าซูอี้ซินกับสตรีปริศนาผู้นั้นรู้จักกันหรือไม่ แล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่ถ้าหากเป็นเพราะอุบัติเหตุ แล้วตัวม้าและพลขับรถม้าที่นางโดยสารไปอยู่ที่ใดกันล่ะ?

"ท่านโหวจะทำอย่างไรต่อไปขอรับ" องครักษ์หนุ่มคนสนิทถามขึ้นเมื่อเห็นเจ้านายเงียบไปนาน เฉินหยางจึงเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับเขาพลางกล่าวว่า

"ส่งคนออกตามหาพลขับรถม้าที่ซูอี้ซินโดยสารไปให้ได้ ไม่ว่าจะอยู่หรือตายต้องตามหาให้พบ"

"ขอรับ" อู๋เหล่ยรับคำจากนั้นก็เดินออกไปจัดการตามคำสั่ง ร่างสูงของเฉินหยางลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้ ก่อนจะเดินไปยังหน้าต่าง เขารู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้มีความผิดปกติอยู่หลายส่วน ซูอี้ซินไม่เคยเดินทางออกไปไหนข้างนอกคนเดียวโดยปราศจากสาวใช้ข้างกาย แต่ครั้งนี้เหตุใดนางถึงยอมทำเช่นนั้น

เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นทำให้เขาคิดไม่ตก ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาแรงๆด้วยความหงุดหงิด นึกโมโหสตรีเจ้าปัญหาผู้นั้นอยู่ไม่น้อยที่ทำให้วันคืนอันสงบสุขของเขาต้องวุ่นวาย ชายหนุ่มมองไปยังหน้าต่างห้องหอในจวนใหญ่ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม พบว่าตะเกียงภายในห้องถูกดับลงไปนานแล้ว

ในขณะที่เขากำลังวุ่นวายกับเรื่องของนาง แต่เจ้าตัวกลับนอนหลับอยู่ในห้องอย่างสบายอารมณ์ เขาจะยอมให้เป็นเช่นนั้นได้อย่างไรกัน เห็นทีเขาจะต้องไปหาเรื่องก่อกวนนางเสียหน่อยแล้ว!

ซูอี้ซินนอนหลับอยู่ในห้องหออย่างสุขสบาย นางรู้มาจากสาวใช้คนสนิททั้งสองคนว่าหลังจากวันแต่งงาน เฉินโหวก็ไม่เคยย่างกรายเฉียดมาที่ห้องหออีกเลย หญิงสาวคิดว่าเป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว นางจะได้ไม่ต้องมาคอยระแวงว่าเขาจะมาหา

เตียงภายในห้องหอกว้างขวางและนุ่มสบาย แตกต่างจากที่สำนักมังกรดำของนางยิ่งนัก ที่นั่นนางต้องนอนบนฟูกที่ผ่านการใช้งานมาหลายปีจนยุบตัวลง ลางทีก็ต้องทนปวดหลัง อีกทั้งยังต้องนอนรวมกับศิษย์ในสำนักคนอื่นๆอีกด้วย

เพราะไม่ต้องคอยระแวงว่าเฉินหยางจะมาหา ยามนี้หญิงสาวจึงนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงด้วยความสบายใจ นางเป็นคนขี้ร้อน อากาศยามนี้แม้จะมีลมพัดโชย แต่ก็ไม่ถึงกับหนาวเย็น ลมหายใจของนางผ่อนเข้าออกอย่างสม่ำเสมอโดยไม่รู้ว่ายามนี้มีอะไรบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามาหา!

เฉินหยางก้าวเดินด้วยฝีเท้าที่เงียบกริบมาหยุดยืนอยู่ที่ข้างเตียง แต่เมื่อเขาเห็นคนที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ก็รีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว สภาพของซูอี้ซินตอนนี้ช่างไม่น่าดูเอาเสียเลย หญิงสาวนอนกางแข้งกางขา ชายกระโปรงชุดนอนสีขาวเลิกขึ้นมาจนเห็นปลีน่องสวย ในขณะที่ด้านบน สายเสื้อที่ใส่นอนตกลงมากองอยู่บนต้นแขน ยามนางขยับพลิกกายทำให้เห็นทรวงอกขาวสล้างดีดเด้งออกมาสู่สายตา

"น่าอุจาดตายิ่งนัก" ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาแรงๆด้วยความหงุดหงิด เมื่อเห็นภาพไม่น่าอภิรมย์เขาจึงไม่คิดรั้งอยู่ต่อ ชายหนุ่มหมุนกายหันหลังทำท่าจะก้าวเดินจากไป ทว่าจู่ๆคนที่นอนอยู่กลับเปิดเปลือกตาขึ้นมาเสียก่อน

"เกาอิ่งหรือกู้หรงกันนะ" ซูอี้ซินถามด้วยน้ำเสียงงัวเงียทันทีที่เห็นเงาร่างสูงยืนอยู่ ความมืดทำให้นางมองเห็นภาพตรงหน้าไม่ชัดเท่าใดนัก

"..." เฉินหยางเงียบไม่ตอบสิ่งใด ยามนี้เขาไม่แน่ใจนักว่าควรเผยตัวตนหรือให้นางเข้าใจผิดว่าเขาคือสาวใช้ข้างกายของนางดี

"ข้าหิวน้ำ เอาน้ำให้ข้ากินหน่อยสิ" ร่างบางผุดลุกขึ้นนั่งขยี้ตาอย่างงัวเงีย เฉินหยางไม่อยากต่อปากต่อคำกับนาง และก็ไม่อยากให้นางรู้ด้วยว่าเป็นเขา เรื่องที่สงสัยเก็บไว้ถามวันพรุ่งนี้เห็นจะดีกว่า หากนางรู้ว่าเป็นเขาที่เข้ามาหานางในยามนี้ อาจจะเข้าใจผิดว่าเขาคิดพิศวาสนางก็เป็นได้

ร่างสูงก้าวเดินตรงไปยังป้านน้ำชา ก่อนจะเดินถือจอกชาเข้ามาหาพลางยื่นส่งให้ ซูอี้ซินรับจอกชามาไว้ในมือ แต่ในตอนที่มือใหญ่แตะมือเล็กของนางกลับรับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง!

ซ่าาา!

คนตัวโตผงะก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวเมื่อจู่ๆซูอี้ซินก็สาดน้ำชาใส่ใบหน้าของเขาจนเปียกปอน หากยังดีที่น้ำชาเย็นชืดไปหมดแล้ว หาไม่ผิวหน้าของเขาคงต้องโดนน้ำร้อนลวกเป็นแน่

ชายหนุ่มยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร พลันได้ยินเสียงกระชากม่านมุ้งขาดดังแควก! พร้อมกับที่นางใช้เศษผ้าคล้องคอของเขาเอาไว้และดึงเข้ามาหาตัวจนเขาหายใจไม่ออก

"เจ้าเป็นใคร!" หญิงสาวกระซิบถามข้างใบหูเสียงเครียด ทว่าชายปริศนาไม่ยอมตอบ นางจึงกระโดดขึ้นหลังพลางตวัดกายล้มพลิกให้เขาล้มลงบนเตียง และจัดการมัดชายผ้าที่ผูกร่างหนาเอาไว้กับเสาเตียง

หญิงสาวตรงไปยังตะเกียงหมายจะจุดให้แสงสว่างเพื่อจะได้รู้ว่าผู้ใดกันที่บุกรุกเข้ามาหานางในยามวิกาลเช่นนี้ ทว่าเพียงแค่เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว นางกลับถูกเศษผ้าม่านรัดเข้าที่เอวบาง จากนั้นหญิงสาวก็ถลาตามแรงดึงไปปะทะอกแกร่ง ซูอี้ซินดิ้นหนีอย่างไม่ยอมง่ายๆ นางพยายามงัดวิทยายุทธ์ที่เคยร่ำเรียนออกมาใช้ แต่เพราะร่างกายยังคงบาดเจ็บจึงไม่เอื้ออำนวยเท่าใดนัก สุดท้ายนางก็ต้องยอมศิโรราบล้มลงไปนอนบนเตียง โดยมีร่างของชายปริศนาคร่อมทับเอาไว้อยู่ทางด้านบน

"อื้อ!" ซูอี้ซินส่งเสียงอู้อี้ในลำคอ นางต้องการร้องเรียกให้เกาอิ่งกับกู้หรงได้ยินเสียง ทว่ามือหนากลับปิดปากของนางเอาไว้จึงทำอะไรไม่ได้อย่างที่ใจคิด

แอ๊ด!

"เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะคุณหนู!" เกาอิ่งและกู้หรงเปิดประตูพร้อมวิ่งหน้าตั้งเข้ามาหาเจ้านายด้วยความตกใจ หลังจากที่พวกนางได้ยินเสียงผิดปกติภายในห้อง แสงตะเกียงที่ส่องสว่างอยู่ในมือของกู้หรงทำให้เห็นใบหน้าของผู้บุกรุกได้อย่างชัดเจน

"ท่านโหว!" ทั้งเกาอิ่งและกู้หรงขานเรียกประมุขของจวนด้วยความตกใจ เฉินหยางเห็นเช่นนั้นจึงปล่อยมือออกจากปากบาง จากนั้นเขาก็ยืดตัวขึ้น

"พวกเจ้าสองคนออกไปก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้านายของพวกเจ้า"

"เจ้าค่ะ" สาวใช้วัยกำดัดทั้งสองคนหันไปมองเจ้านายของตนเล็กน้อย แม้จะเป็นห่วงแต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ เพราะนางเป็นเพียงบ่าวจะขัดใจเจ้านายได้อย่างไร

คล้อยหลังจากที่ประตูปิดลง ยามนี้ตะเกียงถูกจุดขึ้นมาใหม่ ซูอี้ซินรีบคว้าเสื้อคลุมมาห่อกาย ปกปิดเรือนร่างของตนจากสายตาคนตัวโต

"ไม่นึกว่าเจ้าจะเก่งวิทยายุทธ์" ชายหนุ่มปรายตามองคนที่นั่งอยู่บนเตียงอย่างจับผิด แต่งงานกันมาเป็นปี เขาไม่เคยรู้แม้แต่น้อยว่านางจะมีฝีมือด้านการสู้รบ แม้จะยังไม่ถือว่าเก่งกาจ แต่ก็สามารถเอาตัวรอดได้เป็นอย่างดี

"ท่านโหวคงจะลืมไปว่าข้าเป็นบุตรสาวของรองแม่ทัพ" หญิงสาวจำต้องพูดปดเพื่อไม่ให้เขาสงสัย

"เช่นนั้น เมื่อวานที่เกิดเรื่องเหตุใดเจ้าไม่ใช้วิทยายุทธ์ที่เจ้ามีเอาตัวรอดเล่า" คิ้วกระบี่ย่นเข้าหากัน ในใจของเขาเกิดข้อกังขาหลายประการ หญิงสาวผู้นี้มีสิ่งใดที่จริงใจบ้าง นอกจากการโกหกหลอกลวงเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเขา

"ก็เพราะ..." ซูอี้ซินนิ่งไปเล็กน้อย พลางโคลงศีรษะไปมาอย่างใช้ความคิด นางจะแก้ตัวอย่างไรดี แม้ว่าอันที่จริงแล้วอยากตะโกนใส่หน้าเขาไปเลยว่า... นางไม่รู้!

"อย่าโกหก เพราะหากข้าจับได้ในภายหลังข้าจะไม่ให้อภัย" ชายหนุ่มขู่เสียงเหี้ยม สีหน้าที่จริงจังของเขาทำให้คนมองถึงกับลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

"เพราะคนที่ทำร้ายข้านั้นเก่งกาจเกินไป"

"แน่ใจหรือ" เขาถามย้ำอีกครั้ง ครานี้ซูอี้ซินจึงผงกศีรษะรับอย่างรวดเร็ว

"ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการเรียกร้องความสนใจจากข้าหรือ" เฉินหยางขยับเข้าไปใกล้ วางมือบนเตียงสองข้าง ใบหน้าของเขาและนางอยู่ห่างกันแค่คืบ ซูอี้ซินหลับตาแน่นด้วยหัวใจที่เต้นระรัว นางไม่ได้หวั่นไหวแต่เป็นเพราะว่าหวาดกลัว เมื่อเห็นเขาทำท่าราวกับกำลังจะจุมพิตนาง!

ดวงตาคู่คมมองเรียวปากอิ่มที่เม้มแน่นเข้าหากัน พร้อมยกยิ้มขึ้นมุมปาก นางคิดว่าเขาจะจูบนางหรือ ฝันไปเถอะ!

"เพราะถ้าหากเจ้าเรียกร้องความสนใจจากข้า ข้าจะบอกว่ามันไม่เป็นผลหรอก" เอ่ยจบชายหนุ่มก็ผละห่างจากนางอย่างรวดเร็วราวกับเป็นของร้อน พร้อมๆกับที่ซูอี้ซินลืมตาขึ้น นางส่งเสียงจิ๊จ๊ะออกมาในลำคอเบาๆด้วยความโมโห

"ท่านโหวเข้าใจผิดแล้ว ข้าจะเรียกร้องความสนใจจากท่านไปเพราะเหตุใด ข้าไม่ได้รักไม่ได้ชอบท่านเสียหน่อย เวลาของข้ามีค่ามากกว่านั้น ข้าไม่มีเวลามาทำเรื่องไร้สาระพรรค์นี้หรอก สิ่งที่ข้าพูดไปท่านจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ แต่ในฐานะสามี ท่านรู้ว่าภรรยาของท่านโดนทำร้าย ท่านจะนิ่งดูดายเช่นนั้นหรือ"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel