บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 แผนใส่ร้ายฮูหยิน

ซูอี้ซินเดินกลับมายังห้องหอ แม้ใบหน้าของนางจะสงบนิ่งแต่ภายในสมองกลับครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างหนักหน่วง หญิงสาวหย่อนกายลงบนตั่งนั่งตัวยาว ทว่าทันทีที่หันไปมองกระจกทองเหลืองกลับต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

บัดนี้ผ้าพันแผลสีขาวสะอาดปรากฏโลหิตไหลซึมออกมา คาดว่าคงเป็นผลมาจากการที่โดนเฉินหยวนหยวนใช้ของเล่นไม้ตีไปที่แผลของนางกระมัง

"บ่าวจะไปตามท่านหมอมาดูแผลให้นะเจ้าคะ" เกาอิ่งกุลีกุจอลุกขึ้นทำท่าจะเดินออกไปจากประตู แต่ซูอี้ซินกลับห้ามเอาไว้ก่อน

"ไม่ต้องหรอก เจ้าไปหาผ้าพันแผลกับยามาทาให้ข้าใหม่ก็พอ" ซูอี้ซินไม่อยากให้วุ่นวาย สิ้นคำสั่งของนางเกาอิ่งก็รับคำพร้อมเดินหายออกไปข้างนอก ไม่นานก็กลับมาพร้อมอุปกรณ์ทำแผล

ผ้าพันแผลสีขาวเปื้อนเลือดอันเก่าถูกปลดออกและแทนที่ด้วยผ้าสะอาดสีขาวผืนใหม่ ขณะที่ทำแผลให้เจ้านายเกาอิ่งก็อดถามขึ้นมาไม่ได้

"ฮูหยินไม่โกรธคุณชายหรือเจ้าคะที่ตีฮูหยินจนเลือดออกเช่นนี้" ถามจบนางก็เก็บของพลางหย่อนกายลงนั่งบนพื้นข้างตั่งนั่งฝั่งตรงข้ามกับกู้หรง

"ไม่โกรธหรอก เด็กก็คือเด็ก หยวนเอ๋อร์ยังเด็กนัก หากโตขึ้นเขาคงจะรู้ว่าสิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควรมากกว่านี้" ซูอี้ซินตอบตามตรง หากจะโกรธนางควรจะโกรธพ่อของเด็กมากกว่าด้วยซ้ำไป มีอย่างที่ไหนเห็นนางบาดเจ็บเกือบตายถึงเพียงนี้ เขายังไม่ปริปากถามด้วยความห่วงใยสักคำ

"ฮูหยินพูดจริงหรือเจ้าคะว่าต่อไปนี้จะดูแลคุณชายหยวนเอ๋อร์เอง" กู้หรงเองก็รู้สึกสงสัยไม่ต่างกัน นางจึงถามขึ้นมาบ้าง

"ใช่ ข้าพูดจริง"

"หากฮูหยินเอ็นดูคุณชายหยวนเอ๋อร์จริงๆก็นับว่าเป็นเรื่องดี คุณชายน่าสงสารมากนะเจ้าคะ ไม่เคยเห็นหน้ามารดาก็กลายเป็นเด็กกำพร้าไปเสียแล้ว" เกาอิ่งระบายลมหายใจออกมายาวเหยียด นางเองก็เป็นคนรักเด็กจึงสงสารและเห็นใจเฉินหยวนหยวนไม่น้อย

"ฮูหยินคนเดิมป่วยหรือ"

"เปล่าเจ้าค่ะ แต่เป็นเพราะเว่ยเสวียนฮูหยินปวดท้องคลอดคุณชายหยวนเอ๋อร์ก่อนกำหนดตั้งหนึ่งเดือน หลังคลอดเสียเลือดมาก ท่านหมอยื้อไม่ไหวก็เลยจากไป หลังจากที่คุณชายคลอดก็เป็นเด็กไม่ค่อยแข็งแรง เจ็บป่วยง่าย" เกาอิ่งอธิบายให้ฟัง นางรู้เรื่องราวนี้ดีเพราะนางทำงานรับใช้อยู่ที่จวนโหวตั้งแต่ที่ซูอี้ซินยังไม่ได้แต่งงานเข้ามาอยู่ที่นี่เสียอีก

"น่าสงสารยิ่งนัก" คนฟังได้แต่เอ่ยพึมพำออกมาเบาๆด้วยความสงสารเห็นใจในชะตาชีวิตของเด็กน้อยผู้น่าสงสาร ไม่น่าเชื่อว่าเด็กน้อยน่ารักในวันนี้จะโตขึ้นมาเป็นตัวร้ายที่มีนิสัยร้ายกาจ นักเขียนช่างใจร้ายยิ่งนัก

"แต่บ่าวคิดว่าท่านโหวคงไม่ยอมให้ฮูหยินเลี้ยงดูคุณชายหรอกเจ้าค่ะ" กู้หรงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ซูอี้ซินมองสาวใช้วัยกำดัดทั้งสองคนสลับกันไปมา เมื่อเห็นใบหน้าหนักใจของคนทั้งคู่ก็คิดขึ้นมาได้ว่านางจำเป็นต้องรู้เรื่องราวทุกอย่างของคนในจวนสกุลเฉินแห่งนี้เสียก่อน

"เกาอิ่ง กู้หรงพวกเจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าข้าได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ทำให้ความทรงจำบางอย่างของข้าขาดหายไป"

"รู้เจ้าค่ะ" พวกนางสองคนตอบเจ้านายพร้อมกัน และไม่ใช่ว่าความทรงจำของเจ้านายจะขาดหายไปแค่บางส่วน ดูเหมือนว่าจะขาดหายไปหลายส่วนมากกว่าที่คิดเชียวแหละ

"เช่นนั้นพวกเจ้าบอกให้ข้ารู้ทีสิว่าความสัมพันธ์ของข้ากับเฉินโหวเป็นอย่างไรบ้าง แล้วหลิวม่านนางเป็นใครมาจากไหน เหตุใดนางถึงไม่มีท่าทางเกรงกลัวข้าบ้างเลย"

เกาอิ่งและกู้หรงหันมาสบตากันเล็กน้อย จากนั้นเกาอิ่งจึงเป็นฝ่ายเปิดปากขึ้น

"ฮูหยินกับท่านโหวได้แต่งงานกันเพราะสมรสพระราชทาน เพิ่งครบรอบแต่งงานหนึ่งปีไปเมื่อสองเดือนก่อน แต่จริงๆแล้วคุณหนูหาได้รังเกียจรังงอนท่านโหวนะเจ้าคะ ออกจะชอบพอมากด้วยซ้ำ"

"ใช้เจ้าค่ะ ก่อนแต่งงานคุณหนูยังบอกว่าดีใจมากที่ได้แต่งงานกับท่านโหว" กู้หรงเสริมขึ้นพลางยกมือปิดปากหัวเราะออกมาเบาๆด้วยความขบขัน เมื่อนึกถึงในตอนที่เจ้านายสาวพร่ำเพ้อหาเฉินโหว

"แล้วอย่างไรต่อล่ะ" ซูอี้ซินเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นเกาอิ่งเงียบไป

"หลังจากแต่งงานท่านโหวปฏิบัติกับคุณหนูดีทุกอย่าง หากแต่ไม่เคย เอ่อ..."

"ไม่เคยอะไรหรือ" หญิงสาวขยับเข้ามาใกล้ ยิ่งเห็นใบหน้าที่แดงซ่านของเกาอิ่ง นางก็ยิ่งอยากรู้

"ท่านโหว เอ่อ ไม่เคยร่วมหลับนอนกับฮูหยินเลยเจ้าค่ะ"

ดวงตาคู่งามเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ เจ้าของร่างนี้เป็นสตรีรูปโฉมงามสะคราญยิ่งนัก แต่กลับไม่สามารถเอาชนะใจเฉินโหวได้เลยหรือ

"เจ้าพูดจริงหรือ!"

"จริงเจ้าค่ะ ในคืนส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอ ท่านโหวเข้ามาทำพิธีเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวกับดื่มสุรามงคลเสร็จก็เดินจากไป และบอกให้บ่าวสองคนเข้ามานอนเป็นเพื่อนฮูหยินเจ้าค่ะ" กู้หรงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นบ้าง นางยังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นได้ดี เสียงร้องไห้กระซิกๆด้วยความเสียใจของเจ้านายที่ดังขึ้นตลอดทั้งคืนนั้นยังคงติดอยู่ในหูของนางอยู่เลย

"ทำไมล่ะ เฉินโหวเกลียดข้างั้นหรือ"

"เปล่าเจ้าค่ะ แต่บ่าวเคยได้ยินพวกบ่าวในจวนนี้เล่าว่าท่านโหวยังลืมคนรักเก่าไม่ได้เจ้าค่ะ" กู้หรงเบาเสียงลงยามเอื้อนเอ่ย ซูอี้ซินได้ยินเช่นนั้นจึงขยับเข้าไปใกล้นางมากกว่าเดิม กลายเป็นว่าตอนนี้คนทั้งสามกำลังเอาศีรษะชนกัน ราวกับกำลังนินทาใครบางคนอย่างสนุกปาก

"เจ้าหมายถึงท่านแม่ของหยวนเอ๋อร์หรือ"

"ไม่ใช่เว่ยเสวียนฮูหยินเจ้าค่ะ แต่เป็นน้องสาวของนางต่างหาก" เกาอิ่งยกมือป้องปาก ซูอี้ซินเผยอปากออกจากกันด้วยความตกใจมากกว่าเดิม พลางคิดไปว่านี่มันความสัมพันธ์อะไรกันนะ ไยถึงสลับซับซ้อนมากถึงเพียงนี้

"บ่าวได้ยินคนครัวพูดกันว่า ท่านโหวแต่งงานกับเว่ยเสวียนฮูหยินเพราะความเหมาะสม ตามความต้องการของเสิ่นฮูหยินท่านป้าของท่านโหว แต่แท้จริงแล้วท่านโหวรักอยู่กับคุณหนูเว่ยฟางอินน้องสาวของเว่ยเสวียนฮูหยิน แต่เป็นเพราะนางเป็นบุตรสาวที่เกิดจากอนุภรรยา เสิ่นฮูหยินจึงไม่ชอบนางเท่าใดนักเจ้าค่ะ"

ซูอี้ซินได้ยินเช่นนั้นจึงถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง นึกสงสารสตรีที่มีนามว่าเว่ยฟางอินอยู่มากทีเดียวที่ไม่สมหวังในความรักครั้งนี้ นางเคยได้ยินมาว่าพวกบุตรสาวหรือบุตรชายจากตระกูลใหญ่มักจะได้แต่งงานกันเพราะความเหมาะสม ยามที่ได้ยินนึกสังเวชใจไม่น้อย อย่างน้อยการเป็นเด็กกำพร้าอย่างนางก็โชคดียิ่งนัก ได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ แม้ท่านอาจารย์กับศิษย์พี่จะเคร่งครัดเรื่องการฝึกวิทยายุทธ์มากสักหน่อย แต่อย่างน้อยนางไม่ต้องฝืนใจแต่งงานกับผู้ใดให้เสียอารมณ์

"แล้วหลิวม่านล่ะ นางเป็นใครกัน"

"หลิวม่านเป็นเด็กกำพร้าที่เสิ่นฮูหยินรับมาเลี้ยงดูตั้งแต่ตอนที่นางอายุได้แปดหนาว หลังจากที่เว่ยเสวียนฮูหยินจากไป เสิ่นฮูหยินไม่ไว้ใจให้ผู้ใดเลี้ยงดูคุณชายหยวนเอ๋อร์จึงส่งให้หลิวม่านมาเป็นพี่เลี้ยงคุณชายหยวนเอ๋อร์เจ้าค่ะ"

ก๊อกๆๆ! พลันเสียงประตูก็ดังขึ้นขัดจังหวะ คนทั้งสามรีบแยกตัวออกจากกันเพื่อไม่ให้ผู้ใดสงสัย

"เข้ามาได้"

แอ๊ด! ประตูไม้บานใหญ่ถูกผลักให้เปิดออก ปรากฏสาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามา ในมือของนางถือป้านน้ำชาเข้ามาหา

"ยาบำรุงร่างกายของฮูหยินเจ้าค่ะ" หลังจากวางของไว้ที่โต๊ะกลม นางก็เดินออกไปจากห้อง ซูอี้ซินลุกขึ้นจากตั่งนั่งเดินตรงไปยังป้านน้ำชาที่วางอยู่ นางทำท่าจะเทมันใส่จอกเพื่อดื่ม หากแต่ว่าเกาอิ่งกลับเอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน

"ฮูหยินเจ้าขา ยามนี้ฮูหยินไม่สบายอยู่ อย่าเพิ่งดื่มยานั่นดีหรือไม่เจ้าคะ"

"ทำไมล่ะ นี่ไม่ใช่ยาที่ท่านหมอจัดให้ข้าหรือ"

"ไม่ใช่เจ้าค่ะ ยานี่เป็นยาที่ฮูหยินได้มาจากท่านหมอชาวฝัวหรั่งจีเจ้าค่ะ"

"ยาบำรุงร่างกายอะไรก็ไม่รู้ยิ่งกินฮูหยินก็ยิ่งอ่อนเพลีย บ่าวว่านำมันไปทิ้งดีหรือไม่เจ้าคะ โอ๊ะ!" ประโยคหลังนางอุทานขึ้นมาเบาๆด้วยความเจ็บ เมื่อกู้หรงใช้มือหยิกหมั่บนางอย่างแรง ก่อนจะส่ายศีรษะไปมาเพื่อปราม

ท่าทางแปลกๆของสาวใช้ทำให้คิ้วเรียวของซูอี้ซินขมวดเข้าหากัน นางยกจอกใบเล็กขึ้นมาจรดปลายจมูก พลันหญิงสาวก็เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยด้วยความตกใจ

"ยานี่ข้ากินมานานเท่าใดแล้ว"

"เกือบปีแล้วเจ้าค่ะ หลังจากกินฮูหยินก็มีอาการแปลกไป บ่าวเคยเตือนฮูหยินไม่ให้กินยานี่ แต่ฮูหยินไม่ยอม วันนั้นฮูหยินอาละวาดอย่างหนัก ประจวบเหมาะกับที่คุณชายหยวนเอ๋อร์เข้ามาหา ฮูหยินก็ระบายความโกรธโดยการทุบตีคุณชาย หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าขัดใจฮูหยินอีกเลยเจ้าค่ะ" กู้หรงตอบเสียงแผ่ว นางก้มหน้างุดน้ำตาคลอ

ซูอี้ซินใจหายวาบ นางเทของเหลวที่อยู่ในป้านน้ำชาลงหน้าต่างไปจนหมด ก่อนจะเดินกลับมาหย่อนกายลงนั่งบนเตียง

"มีอะไรหรือเปล่าเจ้าคะฮูหยิน" เกาอิ่งรวบรวมความกล้าถามขึ้น เมื่อเห็นท่าทีที่แปลกไปของนาง

"ยานี่มีส่วนผสมของฝิ่น ข้าคิดว่ามีคนตั้งใจทำให้ข้าติดฝิ่น ข้าจึงไม่มีสติทำร้ายคนอื่น" หลังจากครุ่นคิดไตร่ตรองมาอย่างดีแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่คนดีๆจะเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ซูอี้ซินไม่เคยทำร้ายทุบตีเฉินหยวนหยวนมาก่อน แต่เมื่อกินยาที่อ้างว่าเป็นยาบำรุงแล้ว นางกลับมีท่าทีเปลี่ยนไป

คำตอบของนางทำให้เกาอิ่งและกู้หรงหันมาสบตากันด้วยความตกใจเป็นอย่างมาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่ายาที่เจ้านายดื่มอยู่ทุกวันจะมีส่วนผสมของฝิ่น

"บ่าวจะให้คนนำยาไปทิ้งนะเจ้าคะ" กู้หรงกุลีกุจอลุกขึ้นพร้อมหันไปหยิบชุดน้ำชาขึ้นมา หากแต่ว่าซูอี้ซินเอ่ยรั้งนางไว้เสียก่อน

"ไม่ต้อง ปล่อยให้คนนำยามาให้ข้าทุกวันเหมือนเดิม"

"ทำไมล่ะเจ้าคะฮูหยิน" ทั้งเกาอิ่งและกู้หรงถามออกมาเป็นเสียงเดียวกันด้วยความแปลกใจ

"ข้าจะจับโจรน่ะสิ"

ซูอี้ซินกำมือแน่นสลับกับคลายออก นางไม่รู้หรอกว่าเจ้าของร่างนี้ไปสร้างศัตรูไว้กับใครบ้าง ถึงมีคนคอยตามสังหารนางเช่นนี้ และการที่นางติดฝิ่นจากยาบำรุงนี้จะเป็นเพราะความบังเอิญหรือมีผู้ใดวางแผนเอาไว้

แต่ทว่า... หากเป็นอย่างหลัง ผู้ใดที่เป็นคนอยู่เบื้องหลังแผนการร้ายกาจเช่นนี้กันล่ะ!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel