บทที่ 2 พบเจอเจ้าก้อนกลม
"กู้หรง เกาอิ่ง ลูกของข้าอยู่ที่ไหนกันหรือ"
"ลูกของฮูหยินหรือเจ้าคะ" กู้หรงทวนคำอย่างสงสัย
"ก็ใช่น่ะสิ ลูกชายของข้าอยู่ที่ไหนกัน" ซูอี้ซินหันไปสบตากับสาวใช้วัยกำดัดทั้งสองคน
"ฮูหยินหมายถึงคุณชายเฉินหยวนหยวนหรือเจ้าคะ"
ตุ้บ!
หญิงสาวชันเข่าขึ้นพร้อมตบเข่าเสียงดังฉาด!ทำให้เกาอิ่งและกู้หรงสะดุ้งขึ้นเบาๆ เมื่อเห็นเช่นนั้น ซูอี้ซินจึงค่อยๆ หย่อนขาลง พลางยืดหลังตรง นางลืมตัวไปหน่อยว่าตอนนี้อยู่ในฐานะฮูหยินของเฉินโหวจะมาทำตัวห้าวด่องเหมือนอย่างเคยไม่ได้
"ใช่ ข้าหมายถึงเขานั่นแหละ ตอนนี้อยู่ที่ไหนกัน พวกเจ้าสองคนพาข้าไปพบเขาทีสิ" ซูอี้ซินคิดว่านางควรจะต้องไปพบลูกเลี้ยงผู้นั้นหน่อยดีกว่า นางอยากรู้เต็มทีแล้วว่าเหตุใดในอนาคตเขาจะลงมือสังหารนาง ทั้งๆ ที่เป็นคนในครอบครัวเดียวกันแท้ๆ
กู้หรงกับเกาอิ่งพาซูอี้ซินเดินลงไปยังสวนอุทยานอย่างเสียมิได้ แม้จะพยายามห้ามปรามแล้ว แต่เจ้านายสาวไม่ยอมฟัง นางเอาแต่พร่ำบอกว่าต้องการจะพบหน้าเฉินหยวนหยวน ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่ค่อยสนใจไยดีลูกเลี้ยงผู้นี้เท่าใดนัก สวนอุทยานแห่งนี้เต็มไปด้วยพฤกษานานาพรรณ ปลูกดอกไม้หลากหลายชนิดดูร่มรื่นสบายตา บริเวณลานกว้างใต้ต้นไม้ใหญ่ หญิงสาวมองเห็นร่างเล็กอายุราวๆสามสี่หนาวกำลังวิ่งเล่นอยู่กับบรรดาสาวใช้
เมื่อเห็นเช่นนั้นนางจึงกระตุกยิ้มออกมาเบาๆ นางไม่ใช่คนรักเด็กแต่ก็ไม่ได้เกลียดชังอะไร หากจำเป็นก็พอเข้าหาได้ คิดพร้อมย่างกรายเข้าไปหาเด็กน้อยอย่างรวดเร็ว
"หยวนเอ๋อร์ แม่มาแล้ว มาหาแม่เร็วลูก" หญิงสาวหย่อนกายลงนั่งบนพื้นพร้อมกางแขนข้างที่ไม่ได้บาดเจ็บของตนออก รอคอยอย่างมีความหวังให้เจ้าตัวเล็กวิ่งเข้ามาหา
"..." เฉินหยวนหยวนที่กำลังวิ่งเล่นอยู่กับบรรดาสาวใช้อย่างสนุกสนานถึงกับหยุดชะงักไปทันที เขาหันกลับมามองสตรีร่างบางตรงหน้าที่นั่งส่งยิ้มมาให้ด้วยความแปลกใจ พลันไม่นานก็หันไปหยิบกระบี่ที่ทำจากไม้สลักขึ้นมาและรีบวิ่งตรงเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว
ซูอี้ซินแย้มยิ้มกว้างที่เห็นว่าเด็กน้อยรับไมตรีดูเหมือนว่าแผนการสานสัมพันธ์ระหว่างนางกับเฉินหยวนหยวนจะเป็นไปได้ด้วยดีสินะ ทว่าในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีนางก็รู้ว่านางคิดผิดไป!
"ปีศาจร้าย!"
โป๊ก! กระบี่ในมือเล็กฟาดลงบนศีรษะของซูอี้ซินอย่างแรงจนนางหงายหลังลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่บนพื้นท่ามกลางความตกใจของทุกคน
"โอยยย เจ็บ" หญิงสาวร้องครวญครางพลางใช้มือแตะไปยังผ้าพันแผลสีขาวสะอาดของตนเบาๆ
"ฮูหยินเป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ" เกาอิ่งและกู้หรงรีบวิ่งเข้ามาประคองเจ้านายสาวให้ลุกขึ้น ก่อนที่กู้หรงจะหันไปเอ่ยกับเฉินหยวนหยวนด้วยน้ำเสียงแกมตำหนิ
"คุณชายทำแบบนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ นางคือท่านแม่ซูอี้ซินของคุณชายนะเจ้าคะ"
ทันทีที่ได้ยินเสียงของกู้หรง เฉินหยวนหยวนก็เบะปากเข้าหากัน พลางหันไปมองซูอี้ซินด้วยความหวาดกลัวก่อนจะเปล่งเสียงร้องไห้จ้า ทิ้งของเล่นในมือและวิ่งเข้าไปหาพี่เลี้ยงของตนราวกับต้องการที่พึ่งพิง
"หากคุณชายหยวนหยวนทำผิดพลาดไป บ่าวต้องขออภัยแทนคุณชายด้วยนะเจ้าคะ แต่เรื่องนี้จะโทษคุณชายฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เป็นเพราะคุณชายไม่ค่อยได้พบเจอฮูหยินบ่อยนัก อีกทั้งยังมีผ้าพันแผลพันเต็มไปหมดเช่นนี้ คุณชายเลยจำฮูหยินไม่ได้" หลิวม่านอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนพร้อมลูบแผ่นหลังเล็กไปมาอย่างปลอบประโลม
สายตาของนางที่มองมาทำให้ซูอี้ซินขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย นางรับรู้ได้ว่าพี่เลี้ยงของเฉินหยวนหยวนผู้นี้ดูจะไม่ชอบหน้าของนางเท่าใดนัก อีกทั้งวาจาที่กล่าวออกมานั้นยังเหมือนตำหนินางอีกด้วยที่นางไม่ใส่ใจดูแลเฉินหยวนหยวน
"เจ้าเป็นเพียงแค่บ่าวไม่มีสิทธิ์มองและตำหนิฮูหยินแบบนั้น" เกาอิ่งปรายตามองไปยังหลิวม่านด้วยความไม่พอใจนัก นับวันนางก็ยิ่งเหิมเกริมไม่เกรงกลัวผู้ใด เพราะรู้ว่ามีเสิ่นฮูหยินท่านป้าของเฉินโหวคอยให้ท้ายอยู่
"แต่ที่หลิวม่านพูดมานั้นก็เป็นเรื่องจริงไม่ใช่หรือ" เสียงแหบห้าวของใครบางคนดังขึ้นเรียกความสนใจให้ทุกคนหันไปมองรวมถึงซูอี้ซินด้วย
ปากบางเผยอออกจากกันอย่างตกตะลึง มองคนมาใหม่อย่างไม่ละสายตา นางเคยได้ยินมาว่าเฉินโหวมีใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับเทพเซียน ดวงตาสุขุมนุ่มลึกราวกับสีนิลกาฬ จมูกของเขาโด่งเป็นสันรับกับปากหยักได้รูป ไม่ว่าจะมองมุมไหนล้วนไม่มีที่ติเลยแม้แต่น้อย
"หรือเจ้าจะเถียงว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง" เฉินหยางหันมาสบตากับซูอี้ซิน ทว่านางกลับไม่ได้ยินวาจาของเขา ยังคงยืนเหม่อลอยจนกู้หรงต้องมาสะกิดแขนนางเบาๆ
"ฮูหยินเจ้าขา ท่านโหวกำลังพูดกับฮูหยินอยู่เจ้าค่ะ"
"อะ อ้อ" เสียงของกู้หรงทำให้ซูอี้ซินได้สติจึงค่อยๆฉีกยิ้มกว้างและเดินเข้าไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของหลิวม่านที่อุ้มเฉินหยวนหยวนไว้ในอ้อมแขน
มือบางยื่นออกไปหาหมายจะจับศีรษะของเด็กน้อย ทว่าเฉินหยางกลับคว้ามือของนางเอาไว้เสียก่อน
หมั่บ!
"เจ้าจะทำอะไร" เขาถามนางอย่างหวาดระแวง ไม่ไว้ใจสตรีตรงหน้าเท่าใดนัก
ตอนแต่งงานกันใหม่ๆนางเป็นคนดีสุภาพอ่อนโยน และดูแลเฉินหยวนหยวนเป็นอย่างดีจนบุตรชายของเขาไว้ใจ จากนั้นไม่กี่เดือนต่อมานิสัยที่แท้จริงของนางก็เริ่มออกลาย นางเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง อีกทั้งยังทำร้ายสาวใช้หากพวกนางไม่ทำตามที่ต้องการ ร้ายแรงหนักถึงขั้นลงมือทุบตีเฉินหยวนหยวนในตอนที่เจ้าก้อนแป้งไปหานางด้วยความคิดถึง
เฉินหยางยังจำตอนที่เขาเห็นรอยฟกช้ำบนเนื้อตัวของบุตรชายได้ดี ยามนั้นเฉินหยวนหยวนมีอายุเพียงสองหนาวแต่กลับต้องมาเจอเรื่องกระทบจิตใจร้ายแรง หลังจากวันนั้นเฉินหยวนหยวนก็หวาดกลัวซูอี้ซินตลอดมา
เขาโกรธและชิงชังสตรีผู้นี้อยู่มากที่ทำร้ายบุตรชายของเขา อีกทั้งเดิมทีก็ไม่ได้มีความรักใคร่กันอยู่ก่อนแล้ว แต่เป็นเพราะเป็นสมรสพระราชทานจึงไม่อาจลงชื่อในหนังสือหย่าจากกันได้ เขาจึงป้องกันโดยการแยกบุตรชายและภรรยาใหม่ออกจากกัน โดยให้เฉินหยวนหยวนไปอยู่เรือนเล็กหลังจวนใหญ่ เพื่อป้องกันไม่ให้คนทั้งสองพบเจอกันอีก
"แค่จะลูบหัวลูก ไม่ได้หรือเจ้าคะ" ซูอี้ซินหันไปสบตากับคนตัวโตที่ยืนขวางอยู่ มือหนาของเขาบีบมือเล็กแน่นขึ้นจนนางนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
"หากเจ้าทำให้ลูกของข้าเจ็บตัวแม้แต่ปลายเล็บ ข้าไม่เอาเจ้าไว้แน่!" กระซิบขู่เสียงเหี้ยมจากนั้นจึงคลายมือออก เขาขยับก้าวเข้าไปยืนอยู่ข้างๆ จับจ้องทุกการกระทำของนางอย่างไม่ละสายตา
ซูอี้ซินรู้สึกตกใจไม่น้อยที่รู้ว่าความสัมพันธ์ของคนในจวนนี้กับเจ้าของร่างเป็นไปอย่างไม่ดีเท่าใดนัก นอกจากเกาอิ่งและกู้หรงแล้ว ดูเหมือนว่าคนที่นี่จะไม่มีใครชอบนางเลยสักคน
ทว่าแล้วอย่างไรกันล่ะ? นางไม่ได้สนใจคนอื่นหรอก คนที่นางสนใจมีเพียงเจ้าก้อนแป้งที่กำลังส่งสายตามองนางด้วยความหวาดกลัวอยู่นี้ต่างหาก
ทันทีที่มือบางวางลงบนศีรษะเล็กเบาๆ เฉินหยวนหยวนก็สะดุ้งโหยงขึ้นด้วยความตกใจ หยดน้ำตาไหลพรั่งพรูลงมาจากดวงตาที่กำลังสั่นระริก เห็นแล้วให้ความรู้สึกน่าสงสารอยู่มากทีเดียว
"หยวนเอ๋อร์ไม่ต้องกลัวแม่นะลูก แม่สัญญาว่าต่อไปนี้แม่จะไม่ทำร้ายเจ้า" วาจาอ่อนโยนของนางทำให้คนได้ยินอย่างเฉินหยางรู้สึกแปลกใจไม่น้อย เขาเปล่งเสียงหึออกมาเบาๆราวกับไม่เชื่อในวาจาของนางเท่าใดนัก
"หลิวม่านพาหยวนเอ๋อร์กลับไปพักผ่อน" เขากล่าวเสียงกระด้าง เมื่อเห็นร่างเล็กสั่นเทิ้มราวกับลูกนกด้วยความหวาดกลัว หลิวม่านรับคำจากนั้นจึงหมุนกายหันหลังทำท่าจะเดินจากไป
หากแต่ว่า...
"เดี๋ยว!"
หลิวม่านชะงักฝีเท้าลงเล็กน้อย ทว่านางไม่ได้หันมา แต่เสียงที่ดังมาจากทางด้านหลังทำให้นางแปลกใจไม่น้อยเลยทีเดียว
"ต่อไปนี้ข้าจะดูแลหยวนเอ๋อร์เอง พวกเจ้าไปขนของคุณชายหยวนเอ๋อร์กลับมาที่จวนใหญ่" ก่อนมาพบเฉินหยวนหยวน ซูอี้ซินได้ยินเกาอิ่งเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังบ้างคร่าวๆแล้ว ในยามนี้นางหาใช่ซูอี้ซินคนเดิมที่จะทำร้ายเฉินหยวนหยวนเหมือนเมื่อก่อน
"แต่ข้าไม่อนุญาต"
"ทำไมล่ะเจ้าคะ" หญิงสาวถามอย่างไม่พอใจนัก คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเข้าหากัน
"เพราะข้าไม่ไว้ใจเจ้า!" เขากระแทกเสียงใส่นางดังๆหนหนึ่ง จากนั้นจึงตรงเข้าไปอุ้มบุตรชายจากพี่เลี้ยง และสาวเท้าก้าวฉั่บๆเดินจากไปด้วยความรวดเร็วราวกับพายุก็ไม่ปาน
หลิวม่านเห็นท่าทางของเจ้านายหนุ่มก็ลอบยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหันมาสบตากับซูอี้ซินพลางค้อมศีรษะลงอย่างสุภาพจากนั้นจึงเดินตามร่างสูงไป
"หน็อย!" กู้หรงกัดฟันดังกรอดทำท่าจะเดินตามไปเอาเรื่องหลิวม่าน แต่เกาอิ่งกลับคว้าแขนของนางเอาไว้เสียก่อน
"เจ้าจะไปไหน"
"ข้าจะตามไปเอาเรื่องนาง กล้าดีอย่างไรมายิ้มเยาะใส่ฮูหยินอย่างไม่ให้เกียรติเช่นนั้น" มือบางกำแน่นเข้าหากัน นึกอยากฟาดแก้มขาวๆของหลิวม่านนั้นเป็นการสั่งสอนสักหน่อย
"ปล่อยนางไปก่อนกู้หรง ข้าไม่โกรธหรอก" ซูอี้ซินกล่าวขัดขึ้นเมื่อเห็นท่าทางกระฟัดกระเฟียดของสาวใช้คนสนิท วาจาของนางทำให้คนทั้งคู่แปลกใจอยู่มาก ทั้งๆที่เมื่อก่อนหากเป็นเช่นนี้ ซูอี้ซินจะตามไปเอาเรื่องพลางลงไม้ลงมือทุบตีหลิวม่านทุกครั้ง
จากนั้นหลิวม่านก็จะหอบเอาร่างกายเขียวช้ำของตนไปฟ้องเฉินโหว ทำให้เขาตามมาเอาเรื่องซูอี้ซิน และมีปากเสียงกันทุกครั้งไป
"ข้าไม่สนใจเรื่องไร้สาระพรรค์นั้นหรอก พวกเจ้ารู้เอาไว้เถิด จากนี้ความสนใจหนึ่งเดียวของข้าคือเฉินหยวนหยวนเท่านั้น" กล่าวจบซูอี้ซินก็หมุนกายหันหลังเดินกลับเข้าไปข้างใน เหตุไฉนนางจะดูไม่ออกว่าหลิวม่านต้องการสิ่งใด แต่นางจะไม่ยอมทำตามแผนที่สตรีผู้นั้นต้องการหรอก!
