บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6 หาทุน

งานแรกที่ทั้งสองคนทำ คือจัดแบ่งพื้นที่ในจวน ครึ่งหนึ่งเอาไว้ปลูกผักผลไม้ เลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ ส่วนอีกครึ่ง มี่อิงวางแผนจะสร้างโรงทำเครื่องปั้นดินเผา แต่เรื่องนี้ต้องรอปรึกษาสามีอีกที เพราะที่ขาดคือเงินทุน และมี่อิงก็มีวิธีที่จะหาเงินเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

ด้วยความที่ไม่ค่อยถนัดเรื่องตั้งชื่อ จึงเรียกทาสทั้งสามอย่างง่ายๆ ด้วยชื่อพยางค์เดียว อย่างชายร่างใหญ่ มี่อิงเรียกว่า ชี ความจริงก็ไม่ใช่ภาษจีนอะไร ก็ ชี ที่แปลว่า หล่อนหรือเธอในภาษาอังกฤษ ส่วนหญิงสาวทั้งสองชื่อจูกับสู่ที่แปลว่าหมูกับหนู

เมื่อสั่งงานอาชีเรียบร้อย มี่อิงก็กลับเข้ามาเตรียมของในครัว พร้อมทั้งจัดครัวใหม่ ด้วยความที่ฮั่นหยางเป็นบุรุษ ที่ผ่านมาจึงทำอะไรอย่างลวกๆ มี่อิงจึงเข้ามาจัดใหม่ ให้เหมาะสมกับการใช้งานของตัวเอง จากนั้นก็ทำอาหารมื้อกลางวันสำหรับทุกคน

“ท่านแม่ทานข้าวเจ้าค่ะ”

ในตอนที่สำรับถูกยกเข้ามา หลัวฮูหยินเห็นแล้วถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย ต้องมองหน้าลูกสะใภ้อีกหลายที เพราะฮั่นหยางเล่าประวัติของมี่อิงให้นางฟังหมดแล้ว และจากที่ฟังดู ฉวีมี่อิงสมควรเป็นคุณหนูที่ไม่เคยหยิบจับงานพวกนี้ แต่นี่ มันน่าแปลกอย่างที่ฮั่นหยางว่าจริงๆ

เมื่อก่อนต้องกินแต่ข้าวต้มกับผักดอง แค่โจ๊กเห็ดหอมเมื่อเช้าก็ชวนตะลึงพออยู่แล้ว ยิ่งมาเห็นสำรับหนักมื้อเที่ยง จะไม่ให้หลัวฮูหยินตกใจได้อย่างไร

“อิงเอ๋อไปฝึกทำกับข้าวพวกนี้มาจากไหน” หลังจากที่ได้กินปลานึ่งไปคำแรก หลัวหนี่ซูก็เอ่ยถามลูกสะใภ้ทันที เรื่องหน้าตาน่ากินคงไม่ต้องพูดถึง เพราะรสชาติดีกว่าร้านอาหารใหญ่ๆ ในเมืองเสียอีก

“ตอนอยู่ที่บ้าน อิงเอ๋อฝึกทำบ่อยเจ้าค่ะ ไม่ถูกปากท่านแม่หรือเจ้าคะ”

“ไม่ใช่อย่างนั้น แต่มันอร่อยมากเลยต่างหาก ตระกูลหลัวของเราช่างโชคดียิ่งนักที่ได้เจ้ามาเป็นสะใภ้”

มี่อิงที่กำลังคีบอาหารป้อนแม่สามีถึงกับฉีกยิ้มกว้างทันทีที่ได้รับคำชม ความจริงเรื่องฝีมือทำกับข้าว มีคนชมโบ๊ะบ่อยอยู่แล้ว แต่พอออกมาจากปากแม่ผัว มันกลับให้ความรู้สึกดีกว่าคนอื่น

หลัวฮูหยินกินข้าวไปสองถ้วยพูน ซึ่งมากกว่าปกติถึงสามเท่า หลังจากที่ดูแลปรนนิบัติแม่สามีเสร็จ โบ๊ะก็กลับไปยังสวนหลังบ้าน พอมาเห็นผลงานการกลับหน้าดินของอาชี เด็กสาวถึงกับอ้าปากค้าง

“นะ..นี่ นี่เจ้าทำได้อย่างไร เหตุใดถึงเสร็จไวนัก”

“อ้อ ข้าลืมบอกท่านไป ว่าข้าพอมีวรยุทธอยู่บ้าง งานชักหน้าดินพวกนี้นับว่ากระจอกมาสำหรับข้า”

“หา! มีวรยุทธแล้วเหตุใดถึงกลายเป็นทาสเล่า”

“แหม นายหญิงก็ สตรีที่ไหนเขาฝึกวรยุทธกันล่ะเจ้าคะ”

พออาชีเอ่ยมาเช่นนั้น มีอิงก็หัวเราะจนท้องขัดท้องแข็ง ที่แท้ก็เสแสร้ง

“ถ้างั้นให้ข้าเดา ที่เจ้ายอมเข้าไปเป็นทาสก็เพราะ แอบตามหนุ่มๆ ไปใช่ไหม?”

“บ้า! ท่านพูดอะไรเช่นนั้นเล่า ข้าก็อายเป็นนะ” อาชียืนบิดตัวไปมาทำท่าเขินอาย จนทำให้มี่อิงเห็นแล้วหยุดหัวเราะไม่ได้ คล้ายจะมองเห็นเงาตัวเอง

ผ่านพักใหญ่กว่าที่นางจะหยุดยิ้มได้ อาชีรีบรินน้ำใส่จอกส่งให้อย่างรู้งาน

“อืม จริงสิ เจ้าไปทานข้าวก่อนเถิด ข้าแยกสำรับไว้ให้แล้ว แล้วก็ไปจัดการห้องพักให้เรียบร้อย พักก่อน เอาไว้ตอนเย็นสามีข้ากลับมา ค่อยแนะนำพวกเจ้า”

“ก็ดีเหมือนกัน ว่าแต่ เรื่องชุดสตรีนั่น เอ่อ”

“ข้าพูดจริง อยากใส่ก็ตามสบายเลย”

“อร๊าย ขอบคุณนายหญิงเจ้าค่ะ ตลอดชีวิตข้า ก็พึ่งมีท่านนี่แหละที่เข้าใจ”

อยู่ๆ คนตัวโตก็วิ่งมาคุกเข่าเกาะแข้งเกาะขา จนมี่อิงแทบจะล้ม เลยต้องรีบเอ่ยปากไล่ “ไปๆ รีบไปพักเถิด”

อาชีฉีกยิ้มกว้างเดินบิดสะโพกซ้ายขวาจากไป ก่อนไปยังหันมาทิ้งสายตาให้มี่อิงจนนางต้องหัวเราะออกมาอีกครั้ง กระทั่งอีกฝ่ายเดินหายไปจากสายตา ใบหน้างามถึงหันกลับมามองหน้าดินร่วนซุย ใกล้แล้วซินะ แลนด์มาร์คของฉัน ฮี่ๆ

ในตอนที่ฮั่นหยางกลับมาตอนเย็น นางก็พาทั้งสามมาแนะนำให้รู้จักกับนายใหญ่ประจำจวน พออาชีเห็นฮั่นหยางถึงกับมองตาค้างไปพักใหญ่ มี่อิงจึงอธิบายให้สามีเข้าใจ ถึงบุรุษที่มีจิตวิญญาณภายในเป็นสตรี เพราะนางไม่แน่ใจว่าในยุคสมัยนี้จะยอมรับกันได้ไหม

แต่ฮั่นหยางไม่เพียงรับได้ ยังอนุญาตให้อาชีแต่งชุดสตรีได้ด้วย นั่นยิ่งทำให้มี่อิงรู้สึกดีกับสามีมากขึ้นไปอีก

“ขอบคุณนะเจ้าคะ ที่ท่านพี่ไม่รังเกียจอาชี”

“พี่จะรังเกียจทำไม อาชีไม่ได้ทำเรื่องเลวร้ายกับเรานี่ น้องบอกเองว่าอาชีทั้งขยันแล้วก็เก่งเรื่องทำงานหนัก เขาเป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ยามที่พี่ไม่อยู่ ในจวนจะได้มีคนดูแล เพราะในจวนเรามีเพียงสตรี”

มี่อิงได้ยินเช่นนั้นก็วิ่งเข้าไปกอดร่างสูงแน่น ความจริงคำขอบคุณเมื่อครู่ โบ๊ะหมายถึงตัวเองด้วย “อิงเอ๋อดีใจที่ได้แต่งงานกับท่าน”

“พี่ก็ดีใจที่ได้แต่งงานกับน้อง” สองสามีกอดกันราวกับว่าเป็นคู่รักที่คบหากันมานาน ทั้งที่พึ่งจะแต่งงานกันได้เพียงสองวัน

“อะแฮ่ม” กระทั่งเสียงกระแอมกระไอของอาจูดังขึ้น ทั้งคู่ถึงได้ผละออกจากกัน “สำรับอุ่นเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะนายท่าน นายหญิง ไม่ทราบว่าจะให้จัดโต๊ะที่ไหนเจ้าคะ”

“จัดที่เรือนท่านแม่เลย”

“เจ้าค่ะ”

ทั้งคู่ยิ้มให้กัน ก่อนจะจับจูงกันไปทานข้าวที่เรือนมารดา

เพียงแค่สองวันที่ฉวีมี่อิงเข้ามาอยู่ในตระกูลหลัว ความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นมากมาย แม้แต่ฮั่นหยางที่เคยเป็นคนเงียบขรึมยังยิ้มบ่อยขึ้น บรรยากาศในจวนมีแต่ความชื่นมื่น

พอกลับเข้ามาในเรือนตัวเอง ก็ถึงเวลาที่มี่อิงจะคุยเรื่องสำคัญ เด็กสาวจูงมือคนตัวโตให้มานั่งเก้าอี้ จากนั้นก็รินชาส่งให้

“ท่านพี่ น้องมีเรื่องจะปรึกษาหน่อยเจ้าค่ะ”

“อิงเอ๋อ มีเรื่องอะไรหรือ”

“น้องอยากเปิดโรงทำเครื่องปั้นดินเผา ท่านพี่เห็นเป็นเช่นไรเจ้าคะ”

“ถ้าเรามีทุน กับมีความรู้เรื่องนี้ดีพอ ก็นับเป็นเรื่องดีเลยทีเดียว เสียก็แต่...”

“ไม่มีก็หาสิเจ้าคะ”

“อย่างไรหรือ”

“ท่านพี่ลืมไปแล้วหรือเจ้าคะ ว่าของหมั้นที่ส่งไปตระกูลฉวีนั่นส่งไปสำหรับหมั้นหมายใคร ในเมื่อคนที่แต่งเข้ามาไม่ใช่ฉวีเซียวลี่ ของหมั้นก็ย่อมต้องส่งคืน ท่านพี่ก็แค่ฟ้องร้องเอาคืนมาก็แค่นั้น”

“เรื่องนี้ ไม่ใช่พี่ไม่เคยคิด แต่เกรงว่าจะไม่ง่าย เพราะฉวีกู้มีเส้นสายและมีเงินทองมากมาย จนสามารถกลับผิดเป็นถูกในศาลได้”

“จะไปยากอะไรเล่าเจ้าคะ เราก็ทำให้กลับไม่ได้เสียสิ” มี่อิงยิ้มอย่างมีเลศนัย “ท่านลืมไปแล้วหรือว่าฉวีกู้ก็ใช้แซ่ฉวี”

พอมี่อิงเอ่ยมาเช่นนี้ ฮั่นหยางก็เข้าใจทันที ในเมื่อฟ้องศาลธรรมดาไม่ได้ ก็แค่ไปฟ้องเอากับศัตรูของตระกูลฉวี และจะเป็นที่ใดไปไม่ได้ นอกเสียจากหน่วยประจิม ถึงแม้ว่าฉวีกู้จะไม่ใช่ขุนนาง แต่เรื่องที่ได้รับการอุปถัมภ์จากอดีตรองเสนาบดีบิดาของมี่อิงทุกคนก็รู้กันทั่ว แล้วมีหรือหน่วยประจิมที่กำลังบ้าอำนาจ จะไม่เล่นงานฉวีกู้

“รายการทรัพย์สินยังอยู่หรือไม่เจ้าคะ”

เพราะมัวแต่นั่งครุ่นคิด ฮั่นหยางก็เลยไม่ทันได้ฟัง จนมี่อิงต้องเรียกซ้ำ “ท่านพี่”

“อิงเอ๋อ ขอบใจนะ ขอบใจน้องมากจริงๆ” อยู่ๆ ฮั่นหยางก็รั้งภรรยาเข้าไปกอด

“เป็นอะไรไปเจ้าคะ”

“พี่รอวันนี้มาเป็นสิบปี ยังนึกว่าจะชาตินี้จะแก้แค้นฉวีกู้ไม่ได้ ไม่นึกว่าเจ้าเข้ามาวันเดียวก็ทำให้พี่มีหนทาง”

มี่อิงเงยหน้าขึ้นจากแผ่นอกกว้างมองใบหน้าหล่อเหลาแทนคำถาม ฮั่นหยางจึงจุงมือภรรยาพามานั่งที่เก้าอี้ ก่อนจะเล่าเรื่องความแค้นแต่หนหลังให้มี่อิงฟัง

“เมื่อหลายปีก่อน ตอนที่ท่านพ่อเจอกับฉวีกู้ใหม่ๆ คนผู้นั้นยังเป็นเพียงพ่อค้ายากจนคนหนึ่ง ด้วยความเห็นใจสหาย เมื่อฉวีกู้เสนอให้หมั้นหมายระหว่างสองตระกูล ท่านพ่อเลยตอบตกลง จากนั้นทั้งสองก็คบหาสนิทสนมกันเรื่อยมา”

“แต่เพราะท่านพ่อไว้ใจคนง่ายเกินไป ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ให้ฉวีกู้เป็นฝ่ายติดต่อแทน แม้แต่กับคนของทางการ หลังจากหมั้นหมายกันได้เพียงปีเดียว ฉวีกู้ก็วางแผนกับขุนนางบางคน หลอกยึดที่ดินและร้านค้าสิบแปดแห่งของตระกูลหลัวไปจนหมด ยังดีที่จวนแห่งนี้ เป็นท่านแม่เก็บโฉนดเอาไว้ ไม่เช่นนั้น ตระกูลหลัวคงไม่มีที่ซุกหัวนอน”

“จากนั้นท่านพ่อก็มาตายโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่ก่อนตาย ท่านพ่อได้ทิ้งหลักฐานความผิดของฉวีกู้เอาไว้ รวมทั้งคำร้องที่เขียนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อหวังว่าสักวันตระกูลหลัวจะทวงทุกอย่างคืนมา”

“ในตอนที่เกิดเรื่องพี่ยังเด็กก็เลยไม่อาจทำอะไรได้ ได้แต่รอเวลาแก้แค้น แต่นับวันฉวีกู้ก็ยิ่งแข็งแกร่งและร่ำรวยขึ้นทุกวัน จนกระทั่งครบกำหนดแต่งงาน พี่ถึงได้ไปทวงสัญญา อย่างน้อยได้ฉวีเซียวลี่มามาก็ยังดี แต่กลับได้น้องมาแทน”

หลังจากที่ฟังจนจบ มีอิงก็นั่งอึ้งไปพักใหญ่ “อิงเอ๋อ” จนกระทั่งฮั่นหยางเอ่ยเรียก นางถึงได้สติกลับมา ที่แท้หลัวฮั่น หยางต้องมามีชีวิตเลวร้ายเช่นนี้ก็เพราะคนชั่ว “ฉวีกู้ ไอ้คนสารเลว!”

“อิงเอ๋อ ใจเย็น”

มี่อิงโกรธจนตัวสั่น นึกอยากจะไปเผาบ้านตระกูลฉวีเสียเดี๋ยวนี้ ไม่รู้ว่าฮั่นหยางต้องใช้ความอดทนมากเท่าไหร่ ถึงได้อยู่มาได้

“ท่านพี่ แต่หน่วยประจิมนั่นก็หาใช่ตัวดีอันใด บิดาของข้าก็ถูกยัดข้อหาโดยไร้ความผิดเช่นกัน หากพึ่งเพียงเล็กน้อยน่ะพอได้ แต่ถ้าคิดทำเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเกรงว่าไม่เพียงสมบัติเหล่านั้นจะถูกทางการยึด ดีไม่ดี พวกเราอาจถูกยัดข้อหาต้องเข้าไปนอนในคุกนะเจ้าคะ”

จากความทรงจำของร่างเดิม ทำให้โบ๊ะรู้เรื่องความชั่วช้าของหน่วยประจิมดี เดิมทีหากเป็นแค่เรื่องของหมั้น อย่างดีก็ยอมจ่ายให้หน่วยประจิมสักครึ่ง ได้คืนมาครึ่งหนึ่งก็ยังดี แต่หากเป็นสมบัติของตระกูลหลัวทั้งหมดคงไม่ได้คืนเป็นแน่

พอได้ยินอย่างนั้น ฮั่นหยางถึงพึ่งคิดได้ “ช่างเถิด แค่ได้ของหมั้นคืนมาก็พอแล้ว เรื่องแก้แค้นสักวันต้องมีโอกาสแน่”

“ท่านพี่” มี่อิงยื่นมือไปกุมมือชายหนุ่ม “อิงเอ๋อ รับรอง ว่ารอไม่นานหรอกเจ้าค่ะ”

ฮั่นหยางพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะโอบไหล่ภรรยาเข้ามากอด ทั้งสองยังนั่งปรึกษาหารือกันอีกพักใหญ่ ถึงได้พากันขึ้นเตียง คืนนี้มี่อิงไม่อยากเซ้าซี้ที่จะปั่นจรวด เพราะเห็นว่าฮั่นหยางคล้ายจะเหนื่อย นางจึงนอนกอดก่ายร่างสูงจนหลับไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel