ตอนที่ 5 ฉันเป็นคน
ตอนที่ 5 ฉันเป็นคน
ก๊อก!!!...ก๊อก!!!...ก๊อก!!!
"ใบหยกตื่นหรือยัง"
"ตื่นแล้วค่ะพี่หม่อนเข้ามาเลยหยกไม่ได้ล็อกประตู" อรชพรตะโกนตอบกลับอรปรียาที่หน้าห้องโดยไม่ได้สนใจที่จะหันไปมองเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เธอกำลังตั้งใจวาดคิ้วตนเองผ่านกระจกใบใหญ่
อรปรียาเปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง ครั้นเห็นน้องสาวกำลังตั้งอกตั้งใจก็ยิ้มขำ อย่างว่าคนกำลังเป็นสาว ก็ต้องรักสวยรักงามเป็นธรรมดา เธอเดินไปคว้าเอาผ้าห่มที่ยังไม่เรียบขึ้นมาพับ และจัดเตียงนอนให้น้องสาว
"ไม่ต้องทำเดี๋ยวหยกทำเอง พี่หม่อนมีอะไรหรือเปล่าคะ"
"เปล่าหรอกพี่มาดูหยกเฉย ๆ น่ะ ตื่นเต้นไหม เปิดเทอมวันแรก" อรปรียาหันหน้าไปมอง แต่ทว่ามือก็เก็บที่นอนให้น้องสาวจนเสร็จ ความจริงแล้วน้องสาวเธอ เป็นเด็กเรียบร้อย แต่จะมีก็แค่ที่นอนเท่านั้น ที่ไม่ค่อยเป็นระเบียบ เรียกได้ว่าตื่นมาสภาพไหน ตอนเข้านอนก็อยู่สภาพนั้น แต่นั่นอรชพรก็เคยบอกไปแล้วว่า จะเก็บทำไมเดี๋ยวกลางคืนก็ต้องนอนอยู่ดี!
"ตื่นเต้นค่ะ แต่พอไหว หยกมันนักสู้พี่หม่อนก็รู้"
"จ้า ๆ พี่รู้แล้ว" อรชพรเดินมานั่งข้างพี่สาวที่บนเตียง หัวเอนซบลงบนไหล่ มือก็กอดเอวเอาไว้ เธอพูดความจริง การเปิดเทอมวันแรกไม่ได้น่าตื่นเต้นเท่ากับ การที่เธอได้เริ่มต้นเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปีหนึ่ง การย้ายไปในที่ใหม่ ๆ มักจะมีความหวาดหวั่นเสมอ
และยิ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของเมืองไทยด้วยแล้ว เธอก็ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปกันใหญ่ จริง ๆ แล้วอรชพรไม่ได้ตั้งใจที่จะเลือกเรียนที่นี่ เพราะหนึ่งเลยค่าใช้จ่าย แน่นอนว่าที่นี่เป็นอันดับหนึ่ง ค่าใช้จ่ายจะเป็นอันดับสองได้อย่างไร และเท่าที่เธอรู้มา มหาวิทยาลัยแห่งนี้ มีแต่ลูกท่านหลานเธอมาเรียนทั้งนั้น ไม่ใช่พวกเขาใช้เส้นสาย ใครกันบอกว่าพวกไฮโซจะโง่เขลาไม่จริงเสมอไปหรอก นั่นมันยุคไหนแล้ว ยุคสมัยนี้พวกไฮโซทั้งหลายต่างก็เก่ง ๆ กันทั้งนั้น ปิดเทอมก็ไปซัมเมอร์ที่ต่างประเทศ การศึกษาก็ได้รับอย่างดีกว่าพวกเธอร้อยเท่าพันเท่า หากเธอไม่ขยันใฝ่เรียนรู้จริง ๆ ย่อมตามไม่ทันแน่ ๆ และที่หญิงสาวได้เข้าเรียนที่นี่ เพราะเธอได้รับทุน สมัยมัธยมไม่ว่าจะเป็นต้นหรือปลาย โรงเรียนจะส่งเธอเข้าสอบแข่งขัน และหญิงสาวก็ได้ที่หนึ่งของประเทศนอกจากนี้ยังมีสอบแข่งขันระดับเอเชีย แน่นอนว่าอรชพรก็คว้าที่หนึ่งมาครองเสมอเช่นกัน และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอจึงได้ทุน แถมยังฟรีทุกอย่างจนกว่าจะเรียนจบ แล้วแบบนี้จะไม่ให้รีบคว้าได้อย่างไร...
"เออ...จริงสิพี่ภูฝากมาให้หยกน่ะ"
"อะไรเหรอคะ" อรปรียายื่นการ์ดใบหนึ่งมาตรงหน้า อรชพรเหลือบตาขึ้นไปมองดู ครั้นเห็นว่าเป็นบัตรเครดิตใบหนึ่ง เธอก็ยืดตัวขึ้นก่อนจะถอนหายใจออกมา
"โธ่...หยกบอกแล้วว่าไม่ต้อง หยกยังพอหาเงินเองได้อยู่ เงินเก็บหยกมีหลายหมื่นยังเอาตัวรอดได้ แล้วอีกอย่างพี่ภัทก็จ้างหยกเป็นแอดมินของพีเอ็นบิวตี้คลินิก เงินเดือนก็มี ไหนจะเวลาที่หยกขายคอร์สได้อีกล่ะ พี่ภัทก็ให้ค่าคอมด้วยนะ พี่หม่อนกับพี่ภูไม่ต้องห่วงเลย หยกรวยมาก"
"จ้า ๆ รู้แล้วว่าเก่ง รู้แล้วว่าหาเงินได้เอง แต่เก็บเอาไว้ก่อนเถอะ พี่ภูเขาตั้งใจให้หยกเลยนะ ส่วนเรื่องที่หยกจะใช้หรือไม่ใช้ก็แล้วแต่หยกเลยจ้า" ในเมื่อพี่สาวพูดอย่างนี้แล้ว ถ้าปฏิเสธอีกก็จะเป็นการไม่รักษาน้ำใจพี่เขย หญิงสาวจึงพยักหน้ารับเอาไว้อย่างเลี่ยงไม่ได้
"ปะ...ลงไปทานข้าวกันเถอะ คุณพ่อกับคุณแม่ลงไปรอแล้วมั้งป่านนี้ ทีหลังตื่นให้มันเร็วกว่านี้ อย่าปล่อยให้ผู้ใหญ่รอนานเข้าใจไหม ยิ่งท่านดีกับเราเท่าไร เราก็ยิ่งต้องเกรงใจท่านให้มากเท่านั้น"
"ค่ะหยกทราบแล้ว" อรชพรกอดแขนพี่สาวเดินออกมาจากห้อง แต่เมื่อเดินมาถึงบันได ร่างเล็กก็เกือบจะถลาตกลงไป ดีที่คว้าราวบันไดเอาไว้ได้ทัน
"เกะกะ...คิดว่าเป็นบ้านตัวเองหรือไง เดินกันเต็มพื้นที่ไปหมด" ภามิกรณ์แสยะยิ้มมองร่างบางที่ถลาไปเกาะราวบันไดเอาไว้แน่น ยิ่งเห็นใบหน้าที่ซีดเหมือนไก่ต้มของอีกฝ่าย เขาก็อารมณ์ดีเป็นอย่างมาก
"คุณภาม!!!...ที่ตั้งเยอะตั้งแยะ คนตาบอดยังไม่เดินชนกันง่าย ๆ แบบนี้เลย คุณตั้งใจใช่ไหม" อรชพรยันตัวเองขึ้นมายืนได้อย่างมั่นคง เธอยกมือดันแว่นตัวเองให้กระชับ และหันไปถลึงตาใส่คนที่แกล้งชนเธออย่างไม่พอใจ เรื่องแบบนี้มันสมควรแกล้งกันเหรอ ถ้าเธอพลาดตกลงไป จะไม่แข้งขาหักหรอกหรือ
"ตั้งใจแล้วยังไง ยัยแว่นเธอมีปัญญาทำอะไรฉันหรือเปล่าล่ะ" ชายหนุ่มได้ยินเสียงไม่พอใจของอีกฝ่าย ก็หัวเราะขำ เขาลงไปยืนชั้นพักเท้าและกอดอกมองหญิงสาวทั้งสองอย่างยียวน และเหนือกว่า
"หยก...ไม่เอาน่า...พี่ขอโทษคุณภามด้วยนะ พี่เดินไม่ระวังเอง" อรปรียาเองก็ตกใจไม่แพ้น้องสาวเช่นกัน ทว่าเมื่อเห็นคนตัวเล็กตั้งท่าจะเอาเรื่อง เธอก็รีบดึงแขนเอาไว้ และหันไปก้มหัวขอโทษน้องสามีด้วยตนเอง แน่นอนว่าน้องสาวเธอย่อมไม่พอใจ และไม่เห็นด้วย
"พี่หม่อน!!!"
"ใครเป็นน้องเธอ มีสิทธิ์อะไรมาแทนตัวเองว่าพี่ โทษทีฉันเป็นคนจะมีพี่เป็นปลิงได้ไง" ภามิกรณ์เบะปากขึ้น กวาดสายตามองพี่สะใภ้อย่างเหยียดหยาม เขาไม่ปิดบังความรังเกียจที่มีต่อพวกเธอเลยแม้แต่น้อย และยิ่งทั้งคู่หน้าด้านอยู่ที่นี่นานเท่าไร เขาก็จะยิ่งหาทางไล่ทั้งสองออกไปให้เร็วเท่านั้น และเขาไม่เลือกวิธีเช่นกัน
"พี่หม่อนทำไมต้องยอมอยู่เรื่อย คุณภามหาเรื่องพี่กี่ครั้งแล้ว หยกจะไปฟ้องพี่ภู"
"อย่านะหยก...คุณภามยังเด็กอย่าให้เป็นเรื่องเป็นราวกันเลยนะ ไปเถอะไปกินข้าวกันเถอะ"
อรชพรอยากจะอ้าปากพูด แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่สลดลงของพี่สาว เธอก็จำเป็นต้องกลืนคำด่าลงไป เด็กอะไร...อายุเยอะกว่าเธอเสียอีก เด็กโค่งแล้วแบบนี้
"ใบหยก ใบหม่อนลงมาแล้ว มานั่งข้าง ๆ แม่ค่ะ นี่แม่กำลังจะให้เด็ก ๆ ขึ้นไปตามทั้งคู่ลงมาทานข้าวอยู่พอดี"
"หม่อนขอโทษค่ะคุณแม่ที่ลงมาช้า ทำให้ทุกคนรอซะนานเลย"
"ทีหลังก็รู้จักรักษาเวลาซะบ้างสิ ก็อย่างว่าไม่มีคนคอยสอนมารยาท คิดจะทำตัวทรามแค่ไหนก็ได้ น้ำหน้าอย่างนี้น่ะเหรอกล้ามาเป็นสะใภ้คนโต เฮอะ!!!...ไม่เจียมตัว"
"ตาภาม...เรานี่ยังไง ถ้าปากพูดคำดี ๆ ไม่ได้ ก็ไม่ต้องพูดหรอก" ประกายดาวหันไปถลึงตาใส่ลูกชายคนเล็ก ทว่าภามิกรณ์กลับยักไหล่อย่างไม่สนใจ เขาตักข้าวต้มเข้าปาก และหันไปเบ้ปากใส่อรชพรที่เดินมานั่งข้าง ๆ ตนเอง
