ตอนที่ 2
คำพูดมุ่งมั่นของหญิงชรา ทำเอาช่อพิกุลรู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่น้อย แต่เธอยังไม่ทันพูดอะไร คุณย่าก็ยกมือขึ้นแตะที่แก้มของเธอเบาๆ คล้ายกับเอ็นดูสุดๆ
“แล้วหนูมาจากไหนเนี่ย? หน้าตาดี มีน้ำใจ แถมยังกล้าหาญขนาดนี้อีก”
คุณย่าถามอย่างสนใจจริงๆ
“บ้านอยู่แถวนี้เหรอ? หรือมาทำงาน?”
ช่อพิกุลรู้สึกเกรงใจกับสายตาที่มองมาด้วยความเอ็นดูนั้น เธอจึงรีบตอบอย่างนอบน้อม
“หนู... หนูทำงานเป็นพนักงานในร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ นี่เองค่ะ แล้ววันนี้ หนูก็แค่แวะมาซื้อของใช้ส่วนตัว ค่ะ”
คุณย่ามะลิเลิกคิ้วเล็กน้อย เมื่อรู้ว่าเด็กสาวที่เสี่ยงชีวิตช่วยเธอเป็นเพียงพนักงานร้านสะดวกซื้อธรรมดาๆ แต่ความกล้าหาญของเธอกลับไม่ธรรมดาเลย นั่นทำให้คุณย่ายิ่งประทับใจในตัวของช่อพิกุลมากขึ้นอีกหลายเท่า
“นี่มันก็เที่ยงแล้ว... ไป! ย่าจะพาหนูไปกินข้าวอร่อยๆ นะ”
คุณย่าตัดสินใจทันที พลางดึงมือช่อพิกุลให้ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน
“เอ่อ... ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณย่า!”
ช่อพิกุลรีบปฏิเสธด้วยความเกรงใจ
“หนู... หนูต้องรีบกลับบ้านค่ะ เพราะตอนเย็นหนูมีงานอีกที่ต้องไปทำค่ะ”
“อะไรกัน! หนูช่วยชีวิตย่าไว้ทั้งที ย่าจะขอแค่เลี้ยงข้าวสักมื้อก็ไม่ได้เหรอ?”
คุณย่ามะลิทำหน้ามุ่ยทันที สีหน้าตัดพ้อของหญิงชราถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือโน้มน้าวโดยอัตโนมัติ
“ย่าแก่แล้วนะ หนูช่อ...”
หญิงชราเริ่มเล่นใหญ่
“ถ้าหนูไม่ยอมให้ย่าตอบแทนบุญคุณของหนู แค่เรื่องง่ายๆ แบบนี้ ย่าคงจะรู้สึกติดค้าง และไม่สบายใจ ไปตลอดชีวิตแน่เลย! ย่าจะนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย!”
คุณย่าดูน่าสงสารจัง... คงรู้สึกไม่ดีจริงๆ ถ้าไม่ได้ตอบแทน
ช่อพิกุลคิดในใจ
“นะหนูช่อ... แค่ข้าวมื้อเดียวเอง ถือว่าทำบุญให้คนแก่อย่างย่าสบายใจเถอะนะ”
คุณย่าออดอ้อนด้วยน้ำเสียงที่ทำเอาช่อพิกุลใจอ่อนยวบ
สุดท้ายแล้ว ช่อพิกุลก็ทนแรงอ้อนวอนอันทรงพลังของคุณย่ามะลิไม่ไหว เธอถอนหายใจออกมาอย่างยอมแพ้ แต่ก็ยิ้มออกมา
“ก็ได้ค่ะคุณย่า แต่... หนูมีเวลาน้อยนะคะ”
“ไม่เป็นไร แค่ไปกินข้าวกับย่า ย่าก็ดีใจมากแล้วล่ะ ไปกันเลย!”
คุณย่ามะลิยิ้มกว้างราวกับเป็นผู้ชนะรางวัลใหญ่ จากนั้นก็รีบจูงมือช่อพิกุลเดินออกจากลานจอดรถ ตรงไปยังร้านอาหารที่ตัวเองเคยใช้บริการบ่อยครั้งทันที
ช่อพิกุลนั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนเก้าอี้บุผ้ากำมะหยี่สีเข้มในร้านอาหารที่หรูหราจนเหมือนหลุดมาจากเทพนิยาย
เธอแทบไม่กล้าหายใจแรงๆ ด้วยซ้ำ มีดกับส้อมที่จัดวางเป็นระเบียบเรียงรายอยู่ตรงหน้านั้น มันดูน่าเกรงขามยิ่งกว่าอาวุธสงครามเสียอีก
โอ๊ย... ฉันควรจะใช้ส้อมไหนก่อนดีนะ?
ส้อมเล็ก ส้อมใหญ่... ดูไปดูมาเหมือนมีเป็นสิบอันเลย
ช่อพิกุลคิดในใจด้วยความประหม่าสุดขีด
คุณย่ามะลิสังเกตเห็นอาการเกร็งของช่อพิกุลก็หัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู
“ไม่ต้องเกร็งหรอกหนูช่อ สั่งเลย! อยากกินอะไรก็สั่งให้เต็มที่ ถือว่าฉลองที่หนูมีบุญคุณช่วยชีวิตย่าเอาไว้”
เมื่อพนักงานยกเมนูมาให้ ช่อพิกุลรับมาเปิดดูอย่างช้าๆ ก่อนที่ดวงตาของเธอแทบจะหลุดออกจากเบ้า เมื่อเห็นราคาอาหารแต่ละจาน
“คุณย่าคะ... นี่มัน...”
ช่อพิกุลกระซิบเสียงเบาแต่เต็มไปด้วยความตื่นตกใจ
“จานเดียวเท่ากับเงินเดือนหนูสามสี่เดือนเลยนะคะ!”
คุณย่ามะลิโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ
“เงินน่ะของนอกกาย! ชีวิตย่ามีค่ากว่านั้นเยอะ! เอาเป็นว่า... ย่าสั่งให้หนูช่อดีกว่านะ หนูจะได้ไม่ต้องปวดหัวเลือกอาหารเอง”
คุณย่าพูดด้วยท่าทางสบายๆ เหมือนกำลังสั่งน้ำเปล่า
แล้วจากนั้นคุณย่าก็สั่งเมนูราคาแพงลิบลิ่วออกมาเป็นชุด
“เอา ฟัวกราส์ที่ดีที่สุดของวันนี้ค่ะ! ส่วนจานหลัก... ต้องเป็นล็อบสเตอร์ย่างซอสไวน์ขาว แล้วก็...”
“คุณย่าคะ! เดี๋ยวก่อนค่ะ!”
ช่อพิกุลถึงกับต้องยื่นมือไปจับแขนคุณย่าด้วยความตกใจอย่างแท้จริง เพราะเธอเชื่อว่าคุณย่าน่าจะเป็นแค่หญิงชราใจดีคนหนึ่ง ที่มีเงินเก็บไม่มากในการใช้ชีวิตบั้นปลาย
