
บทย่อ
เมื่อสาวใจดีอย่าง ‘ช่อพิกุล’ ได้บังเอิญช่วยคุณย่าคนหนึ่งจากเหตุปล้นกลางลานจอดรถ ใครจะคิดว่า ‘รางวัลตอบแทนบุญคุณ’ จะกลายเป็น... การถูกจับแต่งงานกับหลานชายสุดหล่อ (แต่เย็นชาเหมือนตู้แช่แข็ง)! +++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ย่าหาเมียให้แกได้แล้วนะเจ้าวิน!" จากสัญญาแต่งงานหนึ่งปี ที่ตั้งใจจะ "แกล้งรัก" กลับกลายเป็นความวุ่นวายสุดอบอุ่นที่ทำให้หัวใจเต้นแรงกว่าทุกเงื่อนไขในสัญญา จากเมียในนาม กลายเป็นเมียในหัวใจ และเมื่อครบกำหนดหนึ่งปี... ใครกันแน่ที่จะเป็นฝ่าย ไม่ยอมเซ็นใบหย่า!!!
ตอนที่ 1
แสงไฟจากหลอดนีออนเก่าๆ ที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินดูสลัวจนน่ากลัว นั่นทำให้คุณย่ามะลิต้องพยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น แม้ว่าหัวเข่าจะเริ่มประทับประท้วงแต่หญิงชราก็ยังพยายามจะเดินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ตอนนี้เธอรู้สึกไม่สบายใจ และหวาดกลัว เพราะรู้สึกว่ากำลังถูกจ้องมองจากเงามืดจากที่ไหนสักแห่งหนึ่งตลอดเวลา
นี่ถ้าเจ้าวินมันไม่มัวแต่ทำตัวเป็นไอ้หุ่นยนต์บ้างาน ย่าก็คงไม่ต้องมาเดินเตาะแตะคนเดียวแบบนี้หรอก!
หญิงชราคิดในใจอย่างน้อยใจในตัวของหลานชายของตัวเอง
“ว๊าย!!!”
ทันใดนั้นเอง มือหยาบกร้านของชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ก็พุ่งเข้ากระชากสร้อยเพชรเม็ดงามที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าพันคอของหญิงชราอย่างแรง
เสียง 'แกร๊ก!' ของสร้อยที่ถูกบิดอย่างรุนแรงทำให้คุณย่ากรีดร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด แต่กระนั้นเธอก็ยังคงพยายามยื้อยุดสร้อยเส้นนั้นเอาไว้สุดกำลัง เพราะมันคือมรดกชิ้นสุดท้ายที่สามีทิ้งไว้ให้
“ปล่อยนะแก! กล้าดียังไงมาปล้นคนแก่!”
คุณย่าตวาดกลับไป แม้จะตัวสั่นไปหมดแล้วก็ตาม
ช่อพิกุลที่เพิ่งเดินเลี้ยวออกมาจากซอกเสา เห็นภาพนั้นเต็มๆ ตา
เธอตกใจมาก ใจหายวาบไปอยู่ตาตุ่ม แต่เธอก็ไม่รอให้ความกลัวมาขวาง เธอต้องช่วยเหลือหญิงชราให้ได้
“หยุดนะ! ทำอะไรน่ะ”
แม้ช่อพิกุลจะไม่มีอาวุธใดๆ นอกจากถุงผ้าสีซีด ที่บรรจุขวดน้ำยาทำความสะอาดและขวดแชมพูที่เพิ่งซื้อมา แต่เธอก็สามารถใช้มันให้เป็นประโยชน์ได้ไม่ยาก
เธอใช้มันเป็นลูกตุ้มหนักๆ แล้วฟาดเข้าใส่ด้านหลังของโจรอย่างแรง เธอฟาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฟาดไปทั่วทั้งตัวของไอ้โจรนิสัยชั่วอย่างไม่เกรงกลัวจนมันร้องลั่น
“โอ๊ยยย!”
โจรคนนั้นร้องเสียงหลง เมื่อโดนฟาดเข้าที่หัวจังๆ และความเจ็บก็ทำให้มันต้องปล่อยข้อมือคุณย่าอย่างไม่เต็มใจนัก
ช่อพิกุลรีบดันคุณย่าให้ถอยออกมา
“คุณย่าคะ! หนีไปก่อนเลยค่ะ!”
ไอ้โจรเห็นท่าไม่ดีที่เหยื่อของเขาถูกปกป้องโดยหญิงสาวตัวเล็กที่ดูบ้าบิ่น จึงรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วเพื่อเอาตัวรอด
พอแน่ใจว่าปลอดภัยแล้ว ช่อพิกุลก็ปล่อยตัวทรุดฮวบลงกับพื้นของลานจอดรถ เพราะตอนนี้ขาของเธออ่อนแรงไปหมดแล้ว
ความกล้าหาญเมื่อกี้หายไปจนหมดเกลี้ยงเช่นกัน เหลือไว้แต่ความเหนื่อยล้า จนหน้าซีดเผือดเป็นไก่ต้ม แต่กระนั้นเธอก็ยังมองไปที่หญิงชราที่เธอเรียกว่าคุณย่าด้วยแววตาเป็นห่วง
“คุณย่าไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ย่าไม่เป็นไรหรอก ขอบใจมากนะหนู”
คุณย่ามะลิเดินกลับมาหาช่อพิกุลช้าๆ มือของท่านยังสั่นอยู่เล็กน้อยด้วยความตกใจ แต่เมื่อมองใบหน้าของเด็กสาวที่เพิ่งช่วยชีวิตเธอไว้ ความซาบซึ้งก็เอ่อล้นออกมาจนกลบความกลัวไปหมดสิ้น
คุณย่ามองเสื้อผ้าเรียบๆ ของช่อพิกุล และรอยถลอกเล็กๆ บนแก้มที่หญิงสาวไม่บ่นสักคำ ด้วยความซาบซึ้งใจเป็นที่สุด
“หนู... ชื่ออะไรเหรอ”
คุณย่ายื่นมือมาจับมือของช่อพิกุลเอาไว้
“หนู... ชื่อช่อพิกุลค่ะ”
“แล้วเมื่อกี้หนูไม่กลัวตายเลยเหรอ ทำไมกล้าช่วยฉันขนาดนั้นล่ะ”
เสียงคุณย่าแหบพร่าและเต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจ
“หนู... แค่อยากช่วยคุณย่าน่ะค่ะ ก็เลยไม่ทันได้คิดอะไร” ช่อพิกุลตอบไปตามความจริง ไม่คิดจะโกหก
“ย่าขอบคุณมากนะ...”
หญิงชราระบายยิ้มพึงพอใจ ก่อนจะพูดขึ้นอีก
“ฉันถูกชะตากับหนูจริงๆ เลย หนูช่อพิกุล”
“เรียกหนูว่า ช่อ เฉยๆ ก็ได้ค่ะคุณย่า” เธอพูดขึ้นอย่างเกรงใจ
“หนูช่อ...”
คุณย่าพึมพำชื่อนั้นซ้ำๆ ราวกับท่องคาถา
“หนูช่อช่วยชีวิตย่าเอาไว้ ดังนั้นย่าต้องตอบแทนบุญคุณหนูให้สมเกียรติที่สุด”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณย่า... อย่าคิดว่าเป็นบุญคุณเลยค่ะ...”
“ไม่ได้หรอก ย่าไม่ให้ใครช่วยชีวิตย่าฟรีหรอกๆ ยังไงย่าก็ต้องตอบแทนหนู...”
