บท
ตั้งค่า

๓.๑ เธอไม่มีสิทธิ์ใกล้ใคร

เธอไม่มีสิทธิ์ใกล้ใคร

หลายวันมานี้กลิ่นจันทร์ค่อนข้างสบายใจ เพราะหลังจากที่นภัทรโทร.มาวันนั้นเขาก็เงียบหายไปเลย และเมื่อคืนเธอโทร.คุยกับพี่ชาย กวินก็บอกว่าร้านเปิดได้ตามปกติแล้ว ผลการสอบสวนของตำรวจพบว่า คนที่มีสารเสพติดในร่างกายและมียาเสพติดไว้ในครอบครอง ไม่ได้เสพหรือขายยาเสพติดที่ร้านของกวิน

หรือเขาจะรามือไปแล้ว...

กลิ่นจันทร์เฝ้าถามตัวเองและภาวนาให้เป็นเช่นนั้น เธออยากเรียนให้จบ อยากใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยอย่างเป็นปกติเหมือนที่เพื่อนๆ คนอื่นเป็นกัน ไม่ต้องมาคอยนั่งหวาดระแวง เพราะนับตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้น เธอแทบจะเรียนไม่รู้เรื่องเลย

การเงียบหายไปของนภัทร บวกกับกิจกรรมรับน้องที่เพิ่งจบลง ทำให้กลิ่นจันทร์เริ่มมีสมาธิในการเตรียมสอบกลางภาค ซึ่งจะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว

“ไผ่ คืนนี้ออกไปอ่านหนังสือที่ตึกคณะกันมั้ย จะมีพี่ๆ มาติวให้ด้วย” อิงดาวโทร.มาชวนในช่วงใกล้หกโมงเย็น

“มีใครไปบ้าง”

“ก็เพื่อนๆ ในกลุ่มเรานี่แหละ ก้อย วิทย์ ดา โหน่ง ส่วนพี่ๆ ที่จะมาติวให้ก็มีพี่พีกับพี่เว”

“โอเค เราไปด้วย” กลิ่นจันทร์ได้ยินเช่นนั้นก็ตอบตกลงเพราะไปกันหลายคน

“พี่เวคงดีใจ” อิงดาวแซวกลับมาพร้อมกับหัวเราะคิกคักอย่างถูกใจ

“อิง...”

“เราไม่ล้อแล้วก็ได้ แต่จริงๆ เราอยากให้แกเปิดใจบ้างนะ พี่เวดูจริงจังกับแกมากเลย เนี่ย เรากับพี่พีเชียร์เต็มที่เลย”

“เราเคยบอกอิงแล้วไง ว่าเรา...”

“ไม่มีสิทธิ์ชอบใครและไม่อยากให้ใครมาชอบ เราอยากรู้จริงๆ เลย ว่าใครนะทำให้แกถึงกับไม่กล้ามองใคร” อิงดาวแทรกขึ้นก่อนที่กลิ่นจันทร์จะพูดจบ พร้อมกับเปรยมาตามสายด้วยความอยากรู้ ทำให้กลิ่นจันทร์อดไม่ได้ที่จะนึกถึงใบหน้าของคนคนนั้น คนที่หน้าหล่อแต่ใจร้ายราวกับปีศาจ

“เราว่าอิงไม่อยากรู้จักเขาหรอก เขาใจร้ายมาก”

“แกพูดแบบนี้เรายิ่งอยากรู้จัก เขาว่าคนใจร้ายมักจะหน้าตาดี” เหมือนอิงดาวจะสนใจเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างจริงๆ(ขึ้นมาจริงๆ / ขึ้นมาอย่างจริงจัง) ทำให้กลิ่นจันทร์ต้องตัดบท เพราะไม่อยากพูดถึงให้ตัวเองต้องทุกข์ใจ

“พอได้แล้วอิง เราจะเตรียมตัวไปติวแล้วล่ะ”

“โอเค เดี๋ยวไปรับ”

วางสายได้ไม่ถึงชั่วโมง อิงดาวก็ขับรถมารับที่หน้าหอพัก ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาที ทั้งคู่ก็มาถึงตึกคณะ กลิ่นจันทร์เดินเข้าไปใต้ตึกที่มีม้าหินอ่อนทรงกลมวางอยู่หลายชุด ทว่าพอไปถึงกลับพบว่า คนที่นั่งรออยู่มีเพียงเวธัสและพีระพลเท่านั้น

“ก้อย วิทย์ ดา โหน่ง ยังไม่มาอีกเหรออิง” กลิ่นจันทร์หันไปถามอิงดาวที่เดินตามหลังมาติดๆ

“สงสัยจะไม่มาแล้วละ แต่ไม่มาก็ดีเหมือนกัน จะได้ติวแบบตัวต่อตัว เราจะติวกับพี่พี ส่วนแกก็ติวกับพี่เวเลยนะ”

“แต่ว่า...”

“เถอะน่าไผ่ ไม่ต้องคิดมากหรอก เดี๋ยวพี่เวก็หาว่าแกรังเกียจเขาหรอก” อิงดาวกึ่งกดดันกึ่งมัดมือชก ทำให้กลิ่นจันทร์จำต้องนั่งลงข้างๆ เวธัส ส่วนตัวเองแยกไปนั่งกับพีระพลอีกโต๊ะหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลกันนัก

กลิ่นจันทร์พยายามจะไม่แสดงออกให้เวธัสรู้ ว่าเธออึดอัดกับการต้องมานั่งติวกับเขาสองต่อสองแค่ไหน เธอเก็บอาการเอาไว้อย่างเต็มที่ โฟกัสแค่เรื่องแนวข้อสอบและถามในส่วนที่ไม่เข้าใจ โดยไม่เปิดโอกาสให้เวธัสได้คุยนอกเรื่องเลย จนกระทั่งผ่านไปเกือบสองชั่วโมง เธอจึงหาทางเลี่ยง เพื่อไม่ให้ตัวเองอยู่กับบรรยากาศที่น่าอึดอัดนั้น

“ไผ่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะพี่เว”

“ให้พี่เดินไปเป็นเพื่อนมั้ย”

“ไม่เป็นไรค่ะ ห้องน้ำอยู่แค่นี้เอง”

“งั้นไผ่อยากกินอะไรมั้ย พี่จะออกไปซื้อให้”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่พี่เวเสียเวลามาติวให้ ไผ่ก็เกรงใจแล้ว”

เรียวปากกระจับคลี่ยิ้มบางๆ ให้กับผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะลุกจากโต๊ะแล้วเดินไปยังห้องน้ำชั้นล่างของตึกคณะที่อยู่ใกล้ๆ กับลานจอดรถของเจ้าหน้าที่และอาจารย์ ซึ่งตอนนั้นไม่มีคนเดินผ่านไปผ่านมาเลย นอกจาก รปภ.ที่นั่งอยู่โต๊ะประจำของตัวเอง

กลิ่นจันทร์เดินเข้าห้องน้ำไปเพียงลำพัง โดยไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร เพราะไฟเปิดสว่างโร่อยู่ ทำธุระส่วนตัวเสร็จก็ล้างมือ และกำลังจะเดินออกมาข้างนอกเพื่อจะกลับไปหาเวธัส ทว่าทันใดนั้น มือเล็กก็ถูกกระชากอย่างแรง ด้วยแรงมือของใครบางคน ก่อนที่ร่างบางจะถูกผลักไปติดผนัง พร้อมกับที่แขนแข็งแรงสองข้างจะยกขึ้นคร่อมซ้ายขวากักขังเธอไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้

ความกลัวบวกกับความตกใจ ทำให้กลิ่นจันทร์เกือบจะกรีดร้องออกมา ทว่าเงาดำทะมึนของคนที่รูปร่างสูงใหญ่ ซึ่งถูกแสงไฟสะท้อนมาบดบังเธอจนมิด กลับทำให้เธออุทานชื่อของใครบางคนออกมาอย่างเป็นอัตโนมัติทันที

“คุณไนท์!”

ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ จากเขา แต่แค่เธอขยับปาก เขาก็ประกบปากลงมา แล้วบดขยี้จูบเธอพร้อมกับเบียดร่างใหญ่เข้ามาแนบชิด จนสาวน้อยรู้สึกเหมือนตัวเองจะหายเข้าไปในผนังด้านหลัง ปากที่ถูกปิดสนิทบวกกับความดิบเถื่อนของเขาทำให้เธอแทบสำลักลมหายใจของตัวเอง เขาจูบอย่างไม่ปรานี จมูกโด่งคมของเขาเสียดสีกับจมูกเรียวเล็กของเธอเป็นจังหวะ ปากเขาทั้งประกบทั้งดูดเม้ม สลับกับกระหวัดลิ้นร้อนๆ สอดแทรกเข้ามาในโพรงปาก เกาะเกี่ยวแล้วดูดเหมือนจะกลืนกิน ก่อให้เกิดความรู้สึกที่ทั้งเจ็บทั้งวาบหวามเหมือนกับจะขาดใจ กลิ่นจันทร์ทำได้แต่ยืนนิ่งเป็นหุ่นให้เขาดื่มด่ำเอาความหอมละมุนจากกลีบปากจิ้มลิ้มจนพอใจ

“ฉันเคยเตือนแล้วใช่มั้ย ว่าอย่าใกล้ชิดกับผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน” เสียงเขาดุแต่เจือไว้ด้วยอาการแหบพร่านิดๆ ผิดกับเธอที่หอบหายใจแรงๆ จนหน้าอกอิ่มกระเพื่อมขึ้นลง

“ก็คุณไนท์หายไป ไผ่นึกว่าคุณไนท์จะไม่สนใจไผ่แล้ว” นั่นเป็นถ้อยคำตอบโต้ หรือว่าเป็นถ้อยคำตัดพ้อที่แฝงไว้ด้วยความน้อยใจ กลิ่นจันทร์ก็ไม่แน่ใจในความหมายของมันนัก แต่มันคือสิ่งที่เธอรู้สึกอยู่ตอนนี้ เพราะเขาทำให้เธอสับสน

“เธอก็เลยรีบมองหาผู้ชายคนอื่นมาแทนฉันงั้นสิ หึ...ผู้หญิงก็เหมือนกันหมด คัน!-อยาก!-ร่าน!”

“อะไรนะคะ!” เสียงหวานอุทานและมองหน้าหล่อๆ อย่างตกใจกับความปากร้ายและใจร้ายของเขา

“คันนักใช่มั้ย อยากนักใช่มั้ย ร่านนักใช่มั้ย ถ้างั้นก็เอากันตรงนี้เลยเป็นไง”

พูดจบมือเล็กทั้งสองข้างก็ถูกมือหนารวบเอาไว้ แล้วยกขึ้นไปตรึงกับผนังเหนือศีรษะของกลิ่นจันทร์ จากนั้นปากและจมูกโด่งคมก็ระดมจูบอย่างหนักหน่วง บดขยี้ทั้งแก้ม ทั้งคอ ทั้งซอกหู โดยไม่สนว่าผิวอ่อนบางจะบอบช้ำเพียงใด

“ยะ...อย่าค่ะ...”

กลิ่นจันทร์พยายามจะเอ่ยห้าม เพราะนึกถึงความไม่เหมาะสมของสถานที่ อีกทั้งเรื่องแบบนี้มันยังใหม่สำหรับเธอมาก เธอจึงไม่รู้จะรับมือกับมันยังไงดี แต่ยิ่งห้าม ยิ่งเบี่ยงหน้าหนี ก็ยิ่งถูกตามติด สุดท้ายปากร้อนก็เคลื่อนเข้ามาประกบปากนุ่มได้อีกครั้ง

“อื้อ...” เสียงห้ามกลายเป็นเสียงงึมงำในลำคอ เมื่อลิ้นสากทะลุทะลวงเข้ามาในอุ้งปากนุ่มชื้น ควานไซ้ซอกซอนไปทั่วทุกอณู ก่อนจะมาพันเกี่ยวรันโรมกับลิ้นเล็กๆ อันไร้ประสบการณ์ ทำเอากลิ่นจันทร์ถึงกับตัวอ่อนระทวย ความร้อนแรงบวกกับความวาบหวามผ่านสัมผัสนั้น แผ่ซ่านไปยังท้องน้อย ก่อให้เกิดความปั่นป่วนอย่างรุนแรงเกินกว่าจะควบคุมได้ สาวน้อยหลุดจมเข้าไปในภวังค์แปลกใหม่นั้นชั่วขณะ ลืมสถานที่ ลืมความเหมาะสม ลืมต่อต้าน ลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง และจดจ่ออยู่แต่กับปลายลิ้นที่เลื้อยรัดหยอกเย้ากับลิ้นของเธอในเวลานี้

เมื่อฝ่ายหนึ่งรุกเร้า อีกฝ่ายก็อ่อนโอน ทำให้จูบนั้นยาวนานขึ้นเรื่อยๆ มือใหญ่ข้างที่ว่างยกขึ้นสัมผัสกับความอวบอิ่มของทรวงสาว ร่างบางกระตุกเฮือก แต่แค่เธอดิ้นเขาก็เบียดชิดเข้ามามากกว่าเดิม สาวน้อยรู้สึกเหมือนตัวเองถูกบีบอัดเพราะด้านหลังคือผนังปูนที่แข็งกระด้าง ส่วนด้านหน้าคือร่างสูงใหญ่ที่แข็งแกร่งไม่แพ้กัน แต่ต่างกันที่ความร้อนเร่า ใช่...กลิ่นจันทร์รู้สึกถึงความแตกต่างนี้อย่างชัดเจน แผ่นหลังของเธอสัมผัสกับความเย็นชืดของปูนที่ถูกก่อเป็นผนังเรียบ ทว่าด้านหน้ากำลังเผชิญกับแรงเสียดสีอันมีชีวิตชีวาอย่างมหาศาล เขาเร่าร้อน แข็งขึง ใหญ่โต และคึกคักแบบชวนใจสั่น ทำเอาร่างบางสั่นสะท้านอ่อนระทวย แต่กลับตื่นเพริดไปในคราเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยามที่เขาจงใจเบียดส่ายความพองโตคึกแข็งบางอย่างเข้าใส่ต้นขาและหน้าท้องของเธอ ยิ่งทำให้ซ่านสยิว จนอยากจะเปล่งเสียงครางออกมาเพื่อระบายความวาบหวามปั่นป่วนที่เล่นงานท้องน้อยของเธออย่างรุนแรง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel