๒.๓ รักทรยศ
“รุ่นพี่ที่คณะค่ะ”
“รุ่นพี่ที่ว่านั่นก็ผู้ชายไม่ใช่เหรอ แถมเธอยังไม่ได้ลงที่หอตัวเอง”
“ไผ่แวะไปดูเพื่อนค่ะ เพื่อนไผ่ไม่สบาย”
“จำไว้นะกลิ่นจันทร์ ว่าฉันจับตาดูเธออยู่ทุกฝีก้าว ถ้าเธอออกนอกลู่นอกทางเมื่อไหร่ ไม่ใช่แค่เธอที่จะเดือดร้อนหรอกนะ อย่าให้ฉันต้องย้ำซ้ำซาก”
“ไผ่รู้ดีค่ะ”
“อย่าดีแต่ปากก็แล้วกัน”
ห้วนๆ สั้นๆ ไม่มีคำล่ำลา ไม่มีคำว่าฝันดี หรือถ้อยคำอื่นๆ ที่ควรจะพูดก่อนวาง นภัทรตัดสายแค่นั้น แต่ทิ้งความหนักอึ้งมากมายไว้กับหัวใจดวงน้อย
นี่แค่เริ่มต้น...กลิ่นจันทร์บอกตัวเอง ก่อนจะข่มตาลงอีกครั้ง ซึ่งความอ่อนล้าทั้งกายและจิตใจทำให้ร่างกายเริ่มดำดิ่งเข้าสู่ห้วงนิทรา โดยที่สมองยังครุ่นคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสองเดือนที่ผ่านมา...
สองเดือนก่อน...
ประตูห้องของคอนโดมิเนียมสุดหรูกลางกรุงถูกปิดลงด้วยมือเรียวบาง ก่อนที่คนปิดจะยืนพิงประตูพร้อมกับรอยยิ้มสดใส อวดไรฟันขาวสะอาดราวกับไข่มุกที่ถูกร้อยเรียงอย่างประณีต ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเปล่งประกายแห่งความหวังออกมาจนน่าอิจฉา สำหรับใครหลายๆ คน การสอบติดมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯ มันอาจไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่อะไรนัก ทว่ามันยิ่งใหญ่มากสำหรับเด็กสาวต่างจังหวัดที่มาจากครอบครัวยากจน และแทบจะไม่เคยมีโอกาสเรียนพิเศษเลยอย่างกลิ่นจันทร์ แต่ตอนนี้ความฝันของเธออยู่แค่เอื้อม หลังจากกวินพี่ชายของเธอหาหอพักให้ได้แล้ว อีกไม่กี่วันมหาวิทยาลัยก็จะเปิด เธอจะได้ย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ได้อยู่ใกล้ๆ กับพี่ชายที่เป็นทุกอย่างให้เธอมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่กลิ่นจันทร์ดีใจกว่าอะไรทั้งหมด
เด็กสาววัยสิบเก้ากระชับกระเป๋าเป้ ก่อนจะค่อยๆ ก้าวเท้าออกห่างจากประตูแล้วตรงไปยังลิฟต์ พลางบอกตัวเองว่าให้อดทน หลังจากนี้ไปเธออยากเจอพี่ป้องเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะไม่มีอุปสรรคของระยะทางมาขัดขวาง เธอเรียนอยู่กรุงเทพฯ พี่ป้องก็อยู่กรุงเทพฯ คิดถึงเมื่อไหร่ก็มาหา หรือจะบอกพี่ป้องให้ไปหาก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
ร่างอรชรก้าวไปหยุดที่หน้าลิฟต์ กดลูกศรชี้ลงครั้งเดียว ปุ่มนั้นก็กลายเป็นสีส้ม ส่งสัญญาณบ่งบอกว่าให้เธอรอ อีกไม่นานลิฟต์จะมารับ หลังจากพ้นตึกนี้ไปแล้ว เธอก็จะได้กลับบ้านไปหายายกับน้าที่เชียงราย กลิ่นจันทร์ตั้งใจว่าจะใช้เวลาที่เหลืออยู่กับพวกท่านให้คุ้มค่ามากที่สุด ก่อนจะย้ายมากรุงเทพฯ และอยู่ใกล้ๆ พี่ป้องไปอีกอย่างน้อยก็สี่ปี
ติ๊งงง...
เสียงประตูลิฟต์ดังขึ้นก่อนจะเปิดออก กลิ่นจันทร์กำลังจะก้าวเข้าไปข้างใน แต่ต้องชะงักเมื่อร่างสูงที่ก้าวออกมาจากลิฟต์เอ่ยเรียกเธอไว้
“น้อง”
“คะ พี่เรียกหนูเหรอคะ” เจ้าของดวงหน้าหวานใสถามกลับ พลางมองผู้ชายตรงหน้าอย่างงงๆ เขาน่าจะสูงราวๆ หกฟุต หน้าตาหล่อเหลาสุดๆ ผิวขาวสะอาดสะอ้าน ดูสำอางแต่ดุดันอยู่ในที มองเผินๆ เหมือนหลุดออกมาจากซีรีส์เกาหลีที่เพื่อนของเธอชอบดู
“ใช่ พี่เรียกเรานั่นแหละ เราเป็นน้องของไอ้ป้องไม่ใช่เหรอ ชื่ออะไรนะ”
“ไผ่ค่ะ” เสียงหวานตอบไปอย่างสุภาพ แม้จะยังไม่แน่ใจนักว่าพี่ผู้ชายคนนี้เป็นใคร แต่ที่เธอรู้แน่ๆ ก็คือ...เขาเป็นเพื่อนของพี่ป้อง
“เราอยู่เชียงรายนี่ แล้วนี่มาทำอะไร มาเที่ยวเหรอ”
“เปล่าค่ะ ไผ่สอบเรียนต่อได้ที่กรุงเทพฯ น่ะค่ะ ก็เลยมาหาพี่ป้อง ให้พี่ป้องหาหอพักให้”
“งั้นเหรอ แล้วหาได้หรือยัง”
“ได้แล้วค่ะ”
“โอเค นึกว่ายังไม่ได้ พี่จะได้ช่วยหา งั้นถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกนะ พี่ชื่อไนท์ นี่นามบัตรพี่” นภัทรบอกอย่างใจดีพร้อมกับหยิบนามบัตรในกระเป๋ายื่นให้เด็กสาวตรงหน้า พลางบอกตัวเองในใจว่า ‘น้องไอ้ป้องก็น่ารักดี’
“ขอบคุณค่ะ”
“เราจำชื่อพี่ไม่ได้ใช่มั้ย”
“เอ่อ...” คราวนี้กลิ่นจันทร์อึกอัก มองหน้าหล่อเหลาอย่างเกรงใจและขอลุแก่โทษ เพราะเธอจำไม่ได้จริงๆ ส่วนใหญ่เวลาที่พี่ชายพาเพื่อนไปเที่ยวบ้าน เธอมักจะขลุกอยู่ในครัวหรือไม่ก็เข้าไปเก็บผลไม้ในสวนช่วยยายกับน้าซะมากกว่า
“พี่ชื่อไนท์” นภัทรแนะนำตัวเอง แล้วยิ้มนิดๆ เมื่อเห็นสาวน้อยทำท่าเหมือนกลัวเขาจะโกรธ
“ไผ่ขอโทษนะคะที่จำชื่อพี่ไม่ได้”
“ไม่เป็นไรหรอก ดูทำหน้าเข้าสิ” นภัทรบอกพลางถือวิสาสะไปขยี้ผมนุ่มสลวยเบาๆ ไม่ใช่เพราะคิดอะไรอย่างอื่น แต่ทำไปด้วยความเอ็นดูจริงๆ ความจริงเขาไม่ใช่พ่อพระหรือจิตใจดีห่าเหวอะไรหรอก เขาออกจะเลวมากเสียด้วยซ้ำ เรียกว่าเสือก็ไม่ผิด เด็กสาวรุ่นนี้เคยผ่านมือเขามาแล้วหลายคน เพียงแต่กับสาวน้อยคนนี้เป็นข้อยกเว้น เพราะเธอคือน้องสาวของเพื่อนรัก อีกอย่างเขาก็หยุดชั่วมาได้พักใหญ่แล้วตั้งแต่เจอผู้หญิงที่ใช่และตั้งใจจะให้เป็นแม่ของลูก
“งั้นพี่ไปหาไอ้ป้องก่อนนะ”
“เดี๋ยวค่ะพี่ไนท์” กลิ่นจันทร์รีบเรียกไว้ เมื่อร่างสูงทำท่าจะผละไปยังห้องของพี่ชายเธอ
“มีอะไรหรือเปล่า” คิ้วเข้มเลิกขึ้นพลางจ้องหน้าคนรั้ง
“คือตอนนี้พี่ป้องอยู่กับแฟนน่ะค่ะ”
“เฮ้ยพูดเป็นเล่น ไอ้เชี่ยป้องเนี่ยนะมีแฟน มีตอนไหนวะทำไมพี่ไม่รู้ แบบนี้พี่ยิ่งต้องรีบไปดู เดี๋ยวนี้มันมีความลับกับเพื่อนเหรอ ได้ไงล่ะ”
ว่าแล้วนภัทรก็ก้าวดุ่มๆ ไปยังห้องที่กลิ่นจันทร์เพิ่งออกมา เธอได้แต่มองตาม พลางคิดว่าตัวเองอุตส่าห์เปิดทาง เพื่อให้พี่ป้องได้อยู่กับแฟนสองต่อสอง แต่ดันมีคนมาขัดขวางซะนี่ กระนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องของเด็กอย่างเธอซะหน่อย ที่ต้องทำตอนนี้คือลงลิฟต์ แล้วรีบกลับบ้านไปหายายกับน้าซะ
ร่างอรชรก้าวเข้าไปในลิฟต์ ไม่นานประตูก็ปิดลง พร้อมกับที่ลิฟต์เคลื่อนตัวลงไปชั้นล่าง โดยที่กลิ่นจันทร์ไม่รู้เลยว่า นภัทรไม่ได้แค่เข้าไปเป็นก้างขวางคอกวินเท่านั้น แต่เรื่องใหญ่โตที่จะพลิกผันชะตาชีวิตของทุกคนรวมถึงชีวิตเธอด้วย กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
นภัทรพาตัวเองมาหยุดยืนหน้าประตูห้องของเพื่อนรักอย่างกวิน ความจริงจะเรียกว่าห้องเพื่อนก็ไม่ถูกเพราะห้องนี้เคยเป็นห้องเขามาก่อน แต่เพิ่งทำสัญญาซื้อขายกันเมื่อสองสามเดือนที่แล้วนี่เอง เขาสงสารกวินที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจร้านอาหารแบบกึ่งผับ ด้วยความรักเพื่อน อยากให้มีที่พักสบายๆ ใกล้ๆ กับร้าน เขาจึงขายต่อห้องคอนโดมิเนียมห้องนี้ให้ เพราะเขามีอยู่หลายห้องหลายคอนโดฯ โดยที่กวินยังไม่ได้จ่ายเงิน แต่เขาก็ใจกว้างพอจะให้อยู่ก่อน มีเมื่อไหร่ค่อยผ่อนจ่ายทีหลังก็ได้
มือหนาสะอาดสะอ้านยกขึ้น กำลังจะเคาะประตูหน้าห้อง แต่กลับเปลี่ยนใจ เมื่อฉุกคิดได้ว่าถ้าเขาเคาะ อาจไม่ได้เห็นอะไรเด็ดๆ คิดได้เช่นนั้น นภัทรก็ล้วงคีย์การ์ดในกระเป๋าออกมา จัดการเปิดประตูด้วยตัวเองแล้วผลักเข้าไป ซึ่งภาพที่เห็นก็เป็นอย่างที่หวังจริงๆ
กวินกำลังนั่งจูบอยู่กับสาวคนหนึ่ง เขายังไม่เห็นหน้าผู้หญิงเพราะเธอนั่งหันหลังให้ สองคนจูบกันดูดดื่มมาก ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าถ้าเขาไม่เข้ามา ทั้งสองคงไม่อยู่แค่จูบแน่ๆ
“อะ...แฮ่ม...” คนชอบกวนกระแอมไอขึ้นขัดจังหวะ ทำให้คนที่กำลังจูบกันอยู่สะดุ้งเบาๆ ก่อนที่กวินจะเป็นฝ่ายผละออกห่างจากผู้หญิง แล้วเรียกชื่อเขาอย่างตกใจ
“ไอ้ไนท์!”
“ใช่ กูเอง”
“มึงมาได้ไง ไหนว่าจะกลับวันศุกร์”
“ถ้ากูไม่กลับก่อน กูก็ไม่เห็นสิว่ามึงแอบมีแฟนแล้วไม่บอกกู” บทสนทนาของเขายังพุ่งไปยังกวิน ทว่าสายตากลับหลุบลงมองผู้หญิงที่นั่งหันหลัง เขารู้ว่าเธออายและคงกำลังจัดการกับกระดุมเสื้อตัวเองที่ถูกเพื่อนของเขาปลดออกอยู่ จะว่าไปแค่เห็นข้างหลัง เขาก็พอจะเดาได้ว่าสเปกของไอ้ป้อง น่าจะใกล้เคียงกับเขา ต่างกันก็แค่เขาชอบผู้หญิงผมยาว แต่ผู้หญิงที่นั่งหันหลังให้อยู่ตอนนี้ เธอตัดผมสั้น
“ไอ้ไนท์ คือ...”
กวินมีท่าทีอึกอัก สีหน้าเรียกได้ว่าถอดสีก็ไม่ผิดนัก ก่อนที่วินาทีต่อมา คนที่ต้องยืนนิ่งอึ้งเหมือนถูกสาปจะกลายเป็นเขาเสียเอง เมื่อผู้หญิงคนนั้นค่อยๆ หันมา
“บีม!” เขาเรียกชื่อนั้นถูกโดยไม่ต้องให้กวินแนะนำ
“ไนท์...”
“สารเลว!” นภัทรคำรามเสียงต่ำลอดไรฟัน มือกำเข้าหากันแน่น ก่อนที่หมัดแข็งๆ จะเสยเข้าที่ปลายคางของคนเป็นเพื่อนแบบคนผิดหวังและเสียใจอย่างรุนแรง
ผลัวะ!
“กรี๊ดดด”
เสียงหมัดกระทบคาง ตามด้วยเสียงกรี๊ดของคนที่เป็นต้นเหตุอย่างปัณรส เธอรีบถลาไปดึงตัวนภัทรไว้ เมื่อเขาตามไปต่อยซ้ำจนกวินเสียหลักหงายหลังล้มลงไปนอนกับพื้น
ร่างสูงขึ้นคร่อมบนตัวของคนที่สูงไล่เลี่ยกัน กระชากคอเสื้อแล้วต่อยหมัดใส่หน้ารัวๆ จนเลือดสีแดงเข้มไหลออกมากบปาก โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ตอบโต้แม้แต่นิด
ผลัวะ! ผลัวะ!
“พอแล้วไนท์ หยุดเถอะ บีมขอร้อง” ปัณรสทั้งดึงทั้งฉุดและขอร้องเพื่อให้นภัทรหยุดทำร้ายกวิน แต่ตอนนี้เหมือนนภัทรกำลังตกอยู่ในอาการของคนที่เลือดขึ้นหน้า เขาจึงสะบัดคนรักของตัวเองออกเต็มแรง ทำให้ร่างบางเซถลาและล้มลง หัวคิ้วกระแทกกับขอบโต๊ะกระจกที่วางอยู่ใกล้ๆ จนเลือดซึมออกมาเช่นกัน และเหตุการณ์นั้นก็เหมือนจะสามารถหยุดความบ้าคลั่งของนภัทรได้ชั่วขณะ
กวินรีบยันตัวเองลุกขึ้น แล้วมาประคองปัณรสเอาไว้ด้วยความห่วงใย ทั้งๆ ที่ตัวเองก็หน้าพังยับ ซึ่งภาพนั้นก็ยิ่งสร้างความปวดใจให้กับนภัทรมากกว่าเดิม
“บีมเจ็บมากมั้ย”
“บีมไม่เป็นไร แล้วป้องล่ะ”
“ผมไม่เป็นไร บีมไม่ต้องห่วงนะ” กวินพูดกับปัณรสเสร็จก็เงยหน้าขึ้นไปมองหน้านภัทร ซึ่งตอนนี้กำลังยืนตระหง่านแววตาฉายความอาฆาตมาดร้ายออกมาจนเขาไม่อยากเห็น แม้จะชินกับนิสัยแบบนี้ของนภัทร แต่เขาก็ไม่อยากถูกเพื่อนมองด้วยสายตาแบบนั้น ซึ่งถึงตอนนี้มันคงแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
“ต้องสารเลวแค่ไหนกัน! พวกมึงสองคนถึงทำเชี่ยๆ กับกูได้ขนาดนี้ฮะ!” นภัทรถามอย่างเจ็บปวดปนคั่งแค้น เมื่อคนรักเป็นชู้กับเพื่อนรัก นี่น่ะเหรอผู้หญิงที่ทำให้เขายอมหยุดทุกอย่างและวาดหวังว่าจะให้เป็นแม่ของลูก
“ฟังบีมก่อนค่ะไนท์ คนผิดคือบีมเอง บีมเป็นคนเข้าหาป้องก่อน ป้องไม่ผิดนะคะ”
“ผู้หญิงร่านๆ อย่างคุณมีสิทธิ์พูดด้วยเหรอ ที่ทำอยู่ตอนนี้คือปกป้องผัวใหม่สินะ สะอิดสะเอียนว่ะ”
“บีมขอโทษ ไนท์จะด่าจะว่าบีมยังไงก็ได้ แต่บีมเหงา บีมโดดเดี่ยว ไนท์แทบจะไม่มีเวลาให้บีมเลย ไนท์เอาแต่ทำงานและไปต่างประเทศ เวลาที่บีมต้องการใครสักคน ไนท์กลับไม่ใช่คนที่อยู่ข้างๆ บีม มีแต่ป้องที่คอยดูแลเอาใจใส่บีม” ปัณรสพูดออกมาทั้งน้ำตา ความรู้สึกผิดท่วมท้นหัวใจ แม้ทำใจไว้แล้วว่าถ้าหากนภัทรรู้เรื่องนี้ ทุกอย่างจะต้องเลวร้ายสุดๆ แต่เมื่อต้องเผชิญกับมันจริงๆ เธอก็ไม่แข็งแกร่งพอ
“ก็เลยมาเอากับมัน ทั้งๆ ที่มันเป็นเพื่อนผมอย่างนั้นเหรอบีม อยากมาก คันมากใช่มั้ย หรือว่าขาดไม่ได้ เลยต้องหาอะไรทะลวงตลอดเวลา”
“ไอ้ไนท์มึงพอเถอะ อย่าด่าบีมมากไปกว่านี้เลย กูขอโทษกับสิ่งที่กูทำ กูผิดเองคนเดียว กูแอบชอบบีมมานานแล้ว กูทนไม่ได้ที่เห็นบีมเหงา กูมันชั่วเอง” กวินทำหน้าที่ปกป้องผู้หญิงที่ตัวเองรัก เมื่อได้ยินคำด่าทอที่หยาบคายสุดๆ จากนภัทร เขาเองก็รู้ว่าตัวเองเลวและรู้สึกผิดไม่น้อยที่ต้องทรยศเพื่อนแบบนี้ แต่นั่นก็เพราะเขาห้ามใจไม่อยู่ อีกทั้งยังสงสารปัณรส ความเหงาของเธอมันสั่นคลอนหัวใจเขาอย่างหนัก จนกล้าทำเรื่องที่ไม่ควรทำ
“มึงหุบปากเลยไอ้ป้อง ไม่งั้นกูจะกระทืบมึงให้ตายคาตีน มึงรู้มั้ยว่ากูรักและไว้ใจมึงแค่ไหน กูคงไม่เจ็บมากขนาดนี้ถ้าคนที่เป็นชู้กับบีมนั้นไม่ใช่มึง” นภัทรชี้หน้าคนทั้งคู่แบบผิดหวังอย่างรุนแรงและเจ็บปวดมากที่สุดในชีวิต
“กูขอโทษไนท์ กูเสียใจ”
“เก็บคำว่าเสียใจของมึงไว้ใช้กับตัวเองเถอะ ต่อไปนี้มึงไม่ใช่เพื่อนกูอีกต่อไป และเธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่ฉันเคยรัก นับแต่นี้หญิงร่านชายเลวอย่างพวกมึงสองคนจะต้องเผชิญกับคำว่าเสียใจและตกนรกทั้งเป็น ยิ่งกว่าที่พวกมึงทำกับกูเป็นพันเท่าหมื่นเท่า”
ตาคมจ้องมองอดีตเพื่อนและอดีตคนรักเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะก้าวออกไปจากห้องพร้อมกับความรักและมิตรภาพที่พังทลายไม่เป็นท่า แบบนี้สินะเขาเรียกว่าเจ็บจนชา ต่อจากนี้ไประหว่างเขากับคนเลวทั้งสองจะมีแต่ความแค้นเท่านั้น
ปัณรสขยับเข้าไปหากวินหลังจากที่ประตูห้องปิดลง เธอยกมือขึ้นลูบใบหน้าหล่อเหลาของเขา น้ำตาเอ่อซึมออกมาด้วยความสงสารจับใจ เมื่อเห็นรอยช้ำและรอยเลือดที่เกิดจากการถูกต่อย
“ป้องเจ็บมากหรือเปล่า...”
“ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่เป็นไร ไม่ต้องร้องไห้นะ” กวินจับมือบางของผู้หญิงที่เขารักแล้วบีบเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นเกลี่ยน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน
“บีมขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้ป้องกับไนท์ต้องทะเลาะกัน ถ้าไม่มีบีมเรื่องเลวร้ายพวกนี้คงไม่เกิดขึ้น ป้องจะเลิกกับบีมก็ได้นะ”
ถ้อยคำอันแสนบาดใจ ทำให้กวินตวัดร่างบางของปัณรสมากอดไว้แน่น เขายอมผิดใจกับเพื่อนไปแล้ว แต่เขาจะไม่ยอมเสียเธอเด็ดขาด
“ผมรักคุณนะบีม ไม่ว่าจะยังไงผมก็จะไม่เลิกกับคุณ แต่ต่อไปชีวิตผมอาจจะลำบาก เพราะคุณก็รู้ว่าไอ้ไนท์มันเป็นคนยังไง”
“บีมรู้ค่ะ และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น บีมก็จะไม่ไปจากคุณ บีมยินดีจะเผชิญกับความแค้นของไนท์ไปพร้อมคุณ ขอเพียงคุณไม่ปล่อยมือบีม”
“ไม่มีทางบีม ไม่มีทางที่ผมจะปล่อยมือคุณเด็ดขาด”
กวินและปัณรสกอดกันแน่น ต่างคนต่างน้ำตาคลอเบ้า เพราะรู้ดีว่าในวันข้างหน้าจะต้องเผชิญกับความเลวร้ายจากความแค้นใจของนภัทร แต่สิ่งที่ทั้งคู่ไม่ได้คาดการณ์เอาไว้ก็คือ คนที่ต้องรับผลกรรมจากการทำผิดของพวกเขาในครั้งนี้มากที่สุด ไม่ใช่เขาหรือเธอ ทว่าเป็นอีกคนที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการทำความผิดแม้แต่นิดต่างหาก
