บท
ตั้งค่า

Ep.6

“ทำไม! แค่บอกว่าเป็นเมียฉัน ต้องทำหน้าเหมือนอยากจะตายขนาดนั้น!” คุณเสือพูดด้วยน้ำเสียงกระแทกแดกดัน หลังจากที่เธอคนนั้นเดินออกไปแล้ว

“แล้วทำไมต้องพูดแบบนั้นด้วยล่ะคะ?”

“…..” เขาเลือกที่จะเงียบก่อนจะเบือนหน้าหันหนีไปอีกทาง

“ท่าทางของเธอคนนั้น ดูเหมือนจะโกรธมากเลยนะคะ”

“ก็ช่างหัวมันสิ ใครจะคิดยังไงฉันไม่สนหรอก” เขาตอบแบบไม่ใส่ใจ พร้อมกับก้มหน้าก้มตาทานอาหารในจานต่อ จะเหลือก็แต่ฉันที่เอาแต่นั่งนิ่งจ้องมองเขาอยู่แบบนั้น

“มัวนั่งซื่อบื้ออยู่ได้ รีบกินเข้าไปสิ ขืนปล่อยให้เย็นเดี๋ยวจะไม่อร่อย”

“จะกินเดี๋ยวนี้แหละค่ะ” พูดจบ ฉันก็รีบก้มหน้าก้มตาทานอาหารที่เขาสั่งมา

“…..”

ครืดดด ครืดดด เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ในระหว่างที่เรากำลังนั่งทานอาหารกันอยู่ คุณเสือเงยหน้าขึ้นมามองเมื่อเห็นว่าฉันไม่ยอมกดรับสาย

“ใครโทรมา ทำไมไม่ยอมรับสาย?”

“ปะ…เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร?” ฉันอึกอักตอบกลับไป เพราะคนที่โทรเข้ามาคือพ่อเลี้ยงของฉันเอง

“เดี๋ยวฉันรับแทนให้เอาไหม?”

“ไม่เป็นไรค่ะ เขาคงไม่ได้มีธุระสำคัญอะไร”

“…..” คุณเสือจ้องมองด้วยสายตาจับผิด หลังจากที่ได้เห็นท่าทางผิดปกติของฉัน

“รีบกินข้าวกันเถอะค่ะ เสร็จแล้วจะได้รีบกลับ”

“…..”

“เช็คบิลหน่อย” คุณเสือเอ่ย หลังจากที่เราทานอาหารกันเสร็จแล้ว

“ทั้งหมด21,500บาทค่ะ”

“ห๊ะ!! เท่าไหร่นะคะ?” ฉันถึงกลับร้องเสียงหลงออกมาด้วยความตกใจ คุณพระคุณเจ้า! มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ อาหารอะไรราคาตั้งสองหมื่น

“21,500 บาทค่ะคุณผู้หญิง” พนักงานทวนราคาให้อีกครั้งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ทำไมมันแพงแบบนี้ล่ะคะ คิดเงินผิดหรือเปล่า?”

“ไม่ผิดแน่นอนค่ะ”

หมับ! ฉันถือวิสาสะคว้าบิลนั้นมาดู เพราะไม่อยากเชื่อหูตัวเอง แต่มันก็ต้องผิดหวังเมื่อราคาอาหารมันคือสองหมื่นจริงๆ นี่ฉันกินอะไรเข้าไป ทำไมมันถึงได้แพงขนาดนี้

“สะ…สองหมื่น?”

“เดี๋ยวฉันจ่ายเอง” คุณเสือที่นั่งเงียบอยู่นานโพล่งขึ้น ก่อนจะยื่นบัตรเครดิตให้พนักงาน

“ขอบคุณครับ”

“หนูมีเงินแค่สองพัน แต่คุณพามากินค่าอาหารสองหมื่นเนี่ยนะ?” ฉันทวนถามด้วยความไม่เข้าใจ นี่เขาคิดจะแกล้งฉันอยู่หรือเปล่า

“ไม่เห็นแปลกตรงไหน ก็ฉันรวย”

“แต่หนูไม่ได้รวยเหมือนคุณนิคะ”

“จะคิดมากทำไม ฉันบอกว่าเลี้ยงก็คือเลี้ยง”

“แล้วคุณ…” ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อ คุณเสือก็พูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เริ่มหงุดหงิด ทำให้ฉันต้องสงบปากสงบคำในทันที

“อย่าถามอะไรมาก ฉันขี้เกียจตอบ”

“…..”

บนรถ…

ครืดดด ครืดดด โทรศัพท์ของฉันมันยังคงสั่นไม่หยุด ถึงแม้ว่าจะปิดเสียงแล้ว แต่มันก็ยังรู้สึกได้อยู่ดี

ติ๊ด! ฉันรีบกดตัดสายทิ้งแบบไม่ใยดี เมื่อคนที่โทรเข้ามาคือพ่อเลี้ยง ไม่ว่ายังไง ฉันไม่อยากติดต่อกับเขาอีกแล้ว

“ใครโทรมาหนักหนา ทำไมถึงไม่ยอมรับสายสักที”

“หนูก็ไม่รู้เหมือนกันน่ะค่ะ สงสัยเขาจะโทรผิด” ฉันแสร้งโกหกหน้าตาย เพราะไม่ต้องการให้ใครรู้เรื่องนี้

“…..” คุณเสือยังคงมองหน้าฉันเหมือนอย่างเคย ซึ่งพอได้เห็นแบบนั้น ฉันจึงคลี่ยิ้มหวานให้เขา แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“คุณเสือไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ”

“ถ้าไม่อยากให้สนใจก็ปิดโทรศัพท์สักทีสิ เพราะฉันรำคาญ!”

“ปิดแล้วค่ะ”

“ถ้าขืนโทรมาอีกครั้ง ฉันนี่แหละจะเป็นคนรับเอง”

เอี๊ยดดดด รถคันหรูเคลื่อนมาหยุดจอดที่หน้าบ้าน หลังใหญ่ หลังจากที่กลับจากห้างสรรพสินค้า กว่าที่เราสองคนจะถึงบ้าน ก็ปาไปเกือบสามทุ่มแล้ว

“รอแป๊บนึงนะคะ เดี๋ยวหนูลงไปเปิดประตูให้” ว่าจบฉันก็รีบเปิดประตูลงจากรถมา โดยไม่ได้มองซ้ายมองขวาให้รอบคอบก่อน

“…..”

หมับ! ศรีษะของฉันถูกกระชากอย่างแรงจากทางด้านหลังแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ในขณะที่กำลังจะเดินไปเปิดประตูบ้าน แล้วคนที่ทำไม่ใช่ใคร เขาคือพ่อเลี้ยงของฉันเอง

“โอ๊ย!”

“ไง! อีหนึ่ง ไม่เจอกันนานสบายดีไหม?”

“น้าโชค!!” ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มาเจอเขาที่นี่

“ฉันโทรหาแกเป็นสิบๆ สายๆ ทำไมไม่ยอมรับ”

“พอดีว่าโทรศัพท์หนูมันพังน่ะ เลยมะ…ไม่ได้ยิน!”

เพียะ! เพียะ! สิ้นประโยคนั้น เขาก็ฟาดฝ่ามือลงมาที่ใบหน้าของฉันอย่างแรงจนรู้สึกแสบไปทั่วบริเวณ พร้อมกับเลือดที่ค่อยๆ ไหลซึมออกมาจากมุมปาก

“นี่แกคิดว่าฉันโง่มากสินะ ถึงไม่รู้ว่าแกหนีมาอยู่ที่นี่ทำไม?”

“อย่าทำอะไรหนูเลยนะน้า ปล่อยหนูไปเถอะ” ฉันพนมมือไหว้ร้องขอคนตรงหน้าทั้งน้ำตา ทำไมเวรกรรมของฉันมันถึงไม่หมดไปสักที

“ไปกลับบ้าน!” ไม่พูดเปล่า แต่เขายังฉุดกระชากลากถูฉันให้เดินตาม ซึ่งฉันขัดขืนไม่ยอมที่จะไปกับเขา

“ไม่นะน้า หนูไม่กลับ หนูจะอยู่ที่นี่!”

“ฉันสั่งอะไรแกก็ต้องทำ! เพราะทุกวันนี้แม่แกมันเอาแต่กินกับนอนทั้งวัน บ้านช่องไม่รู้จักเก็บจักกวาด ใครจะไปอยู่กับมันได้ ฉะนั้นแกต้องกลับไปทำงานแทนแม่แก!”

“ไม่! หนูไม่ไป!”

“นี่อยากจะโดนดีอีกหรือไง!?” พูดจบเขาก็ง้างมือขึ้น ตั้งท่าจะทุบตีฉันอีกรอบ แต่ก็ต้องหยุดชะงักไป เมื่อเห็นว่าคุณเสือนั้นเดินเข้ามาขวางหน้าเอาไว้

“ปล่อย!” คุณเสือเอ่ย ก่อนจะกระชากตัวฉันออกจากพ่อเลี้ยง แล้วให้มาหลบที่ด้านหลังของเขา

“ถอยไป อย่ามาเสือก!”

“ช่วยหนูด้วยนะคะ ได้โปรดเถอะค่ะ” ฉันพนมมือไหว้ ขอความช่วยเหลือจากคนตรงหน้า เพราะมีแค่เขาคนเดียวที่จะช่วยฉันได้

“…..” คุณเสือยังคงยืนนิ่ง จ้องมองพ่อเลี้ยงของฉันแบบไม่วางตา

“กูบอกให้ถอยไป มึงพูดไม่รู้เรื่องหรือไง!” เมื่อได้ยินดังนั้น พ่อเลี้ยงจึงบันดานโทสะเดินตรงมาหาคุณเสือที่ยืนอยู่

“มึงนั่นแหละที่พูดไม่รู้เรื่อง รีบไสหัวออกไป!”

“แล้วมึงเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมา…”

พลั่ก! ตุบ! ร่างของพ่อเลี้ยงล้มลงไปกองที่พื้น เมื่อถูกคุณเสือใช้ด้ามปืนฟาดใส่ต้นคออย่างแรงจนสลบไป

“น้าโชค!” ฉันร้องเรียกคนตรงหน้า เพราะกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไป ถ้าเป็นแบบนั้น คุณเสือต้องเดือดร้อนแน่ๆ

“โดนแค่นี้มันยังไม่ตายหรอก หรือถ้าเธออยากให้มันตาย ฉันก็ทำให้ได้ ขอแค่บอกมา”

“พอเถอะค่ะ อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยนะคะ”

“คนแบบมันสมควรตาย”

“…..” ฉันกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อได้เห็นท่าทางของคุณเสือ ถึงเขาจะไม่ได้โมโหหรือโวยวายอะไรออกมา แต่ฉันก็รู้สึกได้ว่าเขาต้องทำมันจริงๆ แน่

“จะมัวยืนนิ่งอีกนานไหม” “หรือเธอจะรอให้มันฟื้นขึ้นมาแล้วลากคอเธอออกไปอีกรอบ?!”

“…..” เมื่อได้ยินดังนั้น ฉันจึงรีบวิ่งเข้ามาในบ้านใหญ่ทันที เพราะกลัวว่าพ่อเลี้ยงอาจจะฟื้นแล้วตามมาทำร้ายฉันอีก

“เลือดออกแบบนี้ เดี๋ยวฉันไปหายามาทำแผลให้แล้วกัน” มือหนาเลื่อนมาจับใบหน้าของฉัน เพื่อสำรวจบาดแผล

“ไม่เป็นไรค่ะ”

“อย่าอวดเก่งไปหน่อยเลย นั่งรออยู่ตรงนี้ จนกว่าฉันจะกลับมา”

“ค่ะ” ฉันพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะมองตามแผ่นหลังของคุณเสือที่เดินจากไป

ผ่านไปไม่นานนัก เขาก็เดินกลับเข้ามา พร้อมกับกล่องยาที่อยู่ในมือ ความจริงมันก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากนัก แค่กินยาก็น่าจะหายแล้ว

“โดนมุมเดิมอีกแล้ว แบบนี้ก็หน้าสวยๆ ก็แหกกันพอดีสิ” คุณสองจ้องหน้าฉัน ก่อนจะทำแผลบนหน้าให้ด้วยความระมัดระวัง แต่แล้วหัวใจดวงน้อยก็กลับมาเต้นแรงอีกครั้ง เมื่อได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ห่างกันแค่ไม่กี่เซนติเมตร

เพียงแค่เขามองมา มันก็เหมือนมีมนต์สะกดอะไรบางอย่าง ที่ทำให้หัวใจของฉันมันอ่อนระทวย

“โดนแค่นี้ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูชินแล้ว”

“เธอควรจะสวนกลับนะ หรือไม่ก็เอามีดแทงมันคืน ให้รู้แล้วรู้รอดไป”

“หนูไม่กล้าทำเหมือนที่คุณบอกหรอกค่ะ”

“…..” เขาถึงกลับทำหน้าปลง เมื่อได้ยินคำพูดของฉัน ลำพังแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียว จะไปสู้ผู้ชายที่มีร่างใหญ่บึกบึนแบบนั้นได้ไงกัน

“สำหรับวันนี้ ขอบคุณมากนะคะ”

“ฉันฟังจนเบื่อแล้ว ไอ้คำขอบคุงขอบคุณอะไรเนี่ย มีคำอื่นบ้างไหม?”

“…..”

“หรือไม่ก็เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นแทน”

“อะไรหรอคะ?” ฉันจ้องหน้าเขา เพราะอยากรู้ว่าสิ่งที่เขาต้องการมันคืออะไร

แต่แล้วจู่ๆ ร่างกายของฉันมันก็แข็งทื่อไปชั่วขณะ เมื่อเขาดึงฉันไปจูบแบบไม่ทันได้ตั้งตัว

“คะ…คุณจะทำอะไร?” ฉันพยายามผลักอกแกร่งให้ถอยห่าง

“อยู่นิ่งๆ” พูดจบเขาก็โน้มริมฝีปากลงมาจูบฉันอีกรอบ แค่ครั้งนี้มันหนักหน่วงและรุนแรงกว่าครั้งไหนๆ ลิ้นร้อนของเขาค่อยๆ สอดแทรกเข้ามาในโพรงปากของฉัน โดยที่ฉันไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดว่ายอมเปิดปากให้เขาเข้ามาตั้งแต่ตอนไหน

“อื้อออ” ฉันดิ้นทุรนทุรายเมื่อถูกเขาตะโบมจูบอย่างหนักหน่วง จูบของเราสองคนมันเริ่มรุนแรงขึ้นมากเรื่อยๆ จนฉันเริ่มรู้สึกหายใจลำบาก

“พะ…พอเถอะค่ะ เดี๋ยวคนอื่นจะมาเห็น” ดวงตากลมโตสอดส่องมองไปรอบๆ บริเวณห้องรับแขกกลางบ้านที่เราสองคนนั่งอยู่ ถึงแม้ว่าตรงนี้จะไม่มีใครอยู่ แต่ฉันก็รู้สึกกลัวอยู่ดี

“งั้นไปทำบนห้องกันไหม จะได้ไม่มีใครเห็น”

“…..” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นแบบอัตโนมัติเมื่อได้ยินในสิ่งที่เขาพูด

“ว่าไง อยากจะให้ฉันทำแบบนั้นกับเธอไหม?”

“แต่หนู…” ฉันเริ่มรู้สึกกังวล เพราะไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง มันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในใจของฉันตอนนี้ มันเริ่มหวั่นไหวกับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า

“มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่ใครๆ ก็ทำกัน เธอไม่อยากรู้บ้างหรอว่าคนอื่นๆ เขารู้สึกกันยังไง”

“มะ…มันจะไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”

“ขอแค่เธอปิดปากให้สนิท…จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ฉันสัญญา”

“…..”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel