เริ่มใหม่
01 : 15 น.
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้นระรัว ทำให้ชายหนุ่มที่กำลังนอนหลับในยามวิกาล ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาแล้วคลายอ้อมกอดจากคนตัวเล็กที่นอนอยู่บนเตียง
“เสี่ยครับ เสี่ย เกิดเรื่องแล้วครับ” ลูกน้องคนสนิทส่งเสียงเอะอะโวยวายอยู่ภายนอกห้อง พอได้ยินดังนั้น เสี่ยก็รู้ได้ถึงความผิดปกติที่กำลังเกิดขึ้น
“…..”
พรึ่บ! เสี่ยหยัดตัวลุกขึ้นก่อนจะก้มหยิบผ้าขนหนูที่หล่นอยู่บนพื้น ขึ้นมาพันรอบเอวเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่ แล้วเดินไปเปิดประตูในทันที
“มีอะไร?”
“ฝั่งนู้นโทรมาบอกว่าโกดังไฟไหม้ครับเสี่ย” ลูกน้องคนสนิทเอ่ยบอกผู้เป็นนาย
“ไหม้ได้ยังไง?”
“น่าจะมีคนลอบวางเพลิงโกดังเราครับ!”
“ไอ้เวรเอ้ย!” เสี่ยสบถออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนจะยกมือทึ้งหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด เพราะเวลานี้มันน่าเป็นเวลาที่เขาควรนอนหลับพักผ่อนอยู่บนเตียง แต่กลับต้องมาเจอเรื่องที่น่ารำคาญใจ
“เสี่ยจะเอายังไงดีครับ?”
“แล้วมึงรู้ไหมว่าใครเป็นคนทำ?”
“ยังไม่ทราบเลยครับ แต่ผมคิดว่าน่าจะเป็นคนของคุณหวัง”
“……” เสี่ยถอนหายใจออกมาแบบหนักๆ คล้ายกับเบื่อหน่ายเต็มทน
หวัง ที่ลูกน้องเอ่ยคือเพื่อนรักของเขาเอง ครั้งที่แล้วเสี่ยส่งคนไปถล่มบ่อนของหวังจนพังย่อยยับเสียหายหลายสิบล้าน ครั้งนี้หวังเลยตามมาหยอกล้อเอาคืนตามประสาเพื่อนรักที่คบกันมานาน พวกเขามักจะหยอกกันแรงแบบนี้อยู่เป็นประจำ
“นายจะให้ผมทำยังไงต่อไปครับ?”
“มึงล่วงหน้าไปก่อนเลย เดี๋ยวกูตามไป”
“เอ่อ…แล้วผู้หญิงคนนั้น?” พูดจบ ลูกน้องคนสนิทก็เหลือบไปมองสองที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงของเจ้านาย ในสภาพที่มีผ้านวมผืนหนาปกปิดร่างกายเอาไว้เท่านั้น
“ปล่อยเธอไว้ที่นี่แหละ”
“แล้วเธอจะไม่หนีเสี่ยไปหรอครับ?”
“ถ้ามันคิดว่าจะหนีกูพ้น ก็ปล่อยให้มันหนีไป” พูดจบชายหนุ่มก็หันไปมองคนตัวเล็กที่นอนหลับไม่ได้สติ ก่อนจะแสยะยิ้มออกมา
“ไม่ว่ามันจะหนีไปไหน กูนี่แหละจะเป็นคนตามไปลากคอมันให้กลับมา
เอง!”
“ครับนาย”
“ซวยๆ ๆ ๆ ๆ ซวยเพราะแกคนเดียวเลยนังสอง” โฉมเดินไปเดินมา ท่าทางอยู่ไม่เป็นสุขหลังจากที่พาลูกย้ายออกมาจากบ้านหลังเดิม ตอนนี้เธอกับลูกๆ ได้ย้ายที่อยู่ใหม่เป็นห้องเช่า ที่อยู่ห่างบ้านเดิมออกไปอยู่พอสมควร แล้วโฉมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเสี่ยคงตามไม่เจอแน่ๆ
“……” สองนอนเม้มปากเงียบไม่พูดอะไร ตอนนี้เธอแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงตอบโต้อะไรเสียด้วยซ้ำ สภาพของเธอตอนนี้มันบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ
“ดูสิ! พวกเราต้องหนีตายหัวซุกหัวซุนกันอยู่แบบนี้!”
“แม่จะไปโทษน้องคนเดียวก็ไม่ได้นะ ที่สองต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะแม่นั่นแหละ” หนึ่งที่นั่งเงียบอยู่นานโพล่งขึ้น
“เอ้า! อีหนึ่ง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน แกพูดให้มันดีๆ นะ!”
“ถ้าแม่ไม่ขายน้องให้กับเสี่ยโรคจิต พวกเราก็คงไม่ต้องมาแอบหลบๆ ซ่อนกันอยู่แบบนี้”
“……” โฉมทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นอย่างหมดปัญญา ก่อนจะมองสองที่กำลังนอนป่วยอยู่ แล้วสาเหตุที่ทำให้สองป่วยก็น่าจะมาจากการอักเสบของบาดแผล
“แม่ดูสภาพน้องสิ จะตายหรือเปล่าก็ยังไม่รู้” หนึ่งมองน้องสาวด้วยความเวทนา
“ปัดโธ่เว้ย! ก็เห็นหน้าตาหล่อๆ ใครมันจะไปคิดว่าไอ้เสี่ยมันจะทำถึงขนาดนี้”
“……” สองที่นอนซมเพราะพิษไข้ได้แต่นอนกระพริบตาปริบๆ ฟังบทสนท
นาที่ทั้งสองคุยกัน โดยที่เธอไม่สามารถลุกไปไหนมาไหนได้ในตอนนี้
“แล้วเราจะทำยังไงกันต่อล่ะแม่?”
“ก็คงต้องหลบอยู่ที่นี่สักพัก รอให้เรื่องมันเงียบแล้วค่อยว่ากันใหม่”
“……”
“ไอ้เสี่ยมันเสียเงินเป็นล้านๆ ยังไงมันก็ไม่ปล่อยพวกเราไปง่ายๆ แน่ ยังไงมันก็ต้องส่งคนมาตามไล่ล่าพวกเราแน่นอน พวกแกต้องระวังตัวไว้ดีๆ นะ”
“แล้วสองล่ะแม่ น้องดูท่าทางอาการไม่ค่อยดีเลย เราจะทำยังไงกันดี?”
“แกก็ไปหาข้าวหายาให้มันกินสิ มัวรออะไรอยู่”
“งั้นสองรอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวพี่ไปหาข้าวหายามาให้”
“ไม่เป็นไรพี่หนึ่ง สองทนได้” สองบอกพี่สาวในขณะที่หนึ่งกำลังตั้งท่าจะลุกออกไป เพราะตอนนี้มันก็ดึกมากแล้ว เธอรู้สึกเป็นห่วง
“ตัวสองร้อนจี๋ขนาดนี้ ยังไงก็ต้องกินข้าวกินยา”
“……” สองน้ำตาไหล มองหน้าผู้เป็นพี่ ในความโชคร้ายก็ยังจะพอหลงเหลือความโชคดีอยู่บ้างที่มีพี่สาวคอยดูแลไม่ทิ้งไปไหน
“ฝากดูแลสองด้วยนะแม่ เดี๋ยวหนึ่งมา”
“เออๆ แกจะรีบไปไหนก็ไป ระวังคนของไอ้เสี่ยตามมาเจอด้วยล่ะ”
“……” สองมองตามแผ่นหลังของหนึ่งที่เดินออกจากห้องไป ก่อนจะรีบเบือนหน้าหันหนีเมื่อเห็นสายตาของผู้เป็นแม่ที่กำลังมองมาทางเธอ
“เป็นไงบ้างล่ะ นี่แกยังเจ็บอยู่ไหม?”
“จะ…เจ็บจ่ะแม่”
“เวลาไอ้เสี่ยมันมีอะไรกับแก มันได้ป้องกันหรือเปล่า?”
“……” ร่างบางส่ายหน้าแทนคำตอบ ทุกครั้งที่มีอะไรกันกับเสี่ย เขาไม่เคยป้องกันเลยสักครั้ง
“ซวยซ้ำซวยซ้อนอะไรขนาดนี้ ถ้าแกเกิดท้องขึ้นมา ได้ฉิบหายกันหมดนี่
แน่!”
“มะ…แม่ สองกลัว!” ริมฝีปากบางสั่นระริกด้วยความกังวลเมื่อได้ยินในสิ่งที่แม่พูด
“ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวฉันจะโทรไปบอกพี่แกให้ซื้อยาคุมมาให้เดี๋ยวนี้แหละ!” โฉมเอ่ยบอกลูกสาวสาวก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออก
“……”
หลายวันต่อมา…
“นี่แกดีขึ้นหรือยัง เจ็บตรงไหนอีกไหม?” โฉมถามคนตัวเล็กที่นอนอยู่ บาด แผลฟกช้ำที่อยู่ตามผิวนวลตอนนี้เริ่มจางลงบางแล้ว จะเหลือก็แต่ตามลำคอและต้นขาที่ยังเห็นแบบชัดเจน
“ดีขึ้นมากแล้วจ่ะแม่” สองตอบ พร้อมกับลุกขึ้นนั่ง แล้วเอนหลังพิงกับผนังของบ้าน
“รอดตายมาได้ก็ดีแล้ว นึกว่าจะตายเพราะไอ้เสี่ยซะอีก” พูดจบโฉมก็เดิน ออกจากห้องไป จะเหลือก็แต่สองที่ยังนั่งก้มหน้าเงียบไม่พูดไม่จา เหตุการณ์ในวัน นั้นสองยังจำไม่ลืมเลือน
“……”
“สองอย่าไปถือสาแม่แกเลยนะ พี่ว่าแม่ก็คงรู้สึกเสียใจอยู่เหมือนกันนั่น แหละ”
“……”
“ช่างมันเถอะพี่หนึ่ง อะไรที่ผ่านมาแล้ว สองไม่อยากนึกถึงมันอีก” ริมฝีปากบางพยายามคลี่ยิ้มออกมา เพราะไม่อยากให้คนรอบข้างรู้สึกเป็นกังวลกับเธอได้ อะไรที่ผ่านมาแล้ว เธอจะคิดซะว่าเป็นเวรกรรมที่ต้องชดใช้
“หมดเคราะห์หมดโศกสักทีนะสอง เรามาเริ่มต้นชีวิตกันใหม่นะ”
“……”
