3"กรี๊ด!"
บทที่3
ดอกหญ้า
ฉันตื่นแต่เช้า ทำอาหารเตรียมเอาไว้ เปิดดูเงินเก็บที่เคยเก็บเอาไว้ในกล่อง ตอนนี้มันร่อยร่อเหลือไม่ถึงสองหมื่น การพาแม่ไปโรงพยาบาลครั้งนี้ เงินเก็บที่มีทั้งหมดของฉันมันต้องหมดแน่ๆ
"แม่จ๋า เดี๋ยวหญ้าจะเช็ดตัวให้นะคะ" ฉันประคองแม่ลุกขึ้นนั่ง แม่ฉันเป็นมะเร็งลำไส้ระยะที่3
มะเร็งระยะนี้มันเป็นระยะที่อันตราย รักษาก็ยากลำบาก แต่ระยะ 3 มันก็ยังดีกว่าระยะที่ 4 ฉันรู้ดีว่าระยะนี้มันรักษาให้หายขาดได้ยาก แต่ฉันก็ไม่อาจเพิกเฉยปล่อยให้แม่ของฉันล้มหายตายจากไปได้
ฉันจะยื้อสุดกำลัง ทำทุกอย่างเพื่อให้แม่อยู่กับฉันไปนานๆ
"แต่แม่อยากอาบน้ำ"
"งั้นหญ้าจะพาไปอาบค่ะ" ฉันยิ้มให้แม่แล้วประคองท่านไปที่ห้องน้ำ ฉันให้ท่านนั่งที่เก้าอี้เอาหลังพิงผนัง แล้วถอดเสื้อผ้าตัวบางของท่านออกฉันทำทุกอย่างอย่างเบามือฉันทำด้วยความรัก โดยไม่รังเกียจท่านเลยแม้แต่น้อย
"แม่ขอโทษ" แม่ของฉันเอ่ย นัยน์ตาคู่สวยจ้องมองฉันด้วยแววตาสั่นระริก
"อย่าขอโทษเลยค่ะ"
"แม่เป็นภาระของลูกหรือเปล่าดอกหญ้า"
"อย่าคิดอะไรแบบนี้สิคะ"
"แม่สงสารลูก ลูกคงจะเหนื่อยมากที่ต้องมาดูแลคนป่วยเป็นมะเร็งแบบแม่ งานที่ทำก็ว่าเหนื่อยแล้ว ยังจะต้องมาดูแลแม่อีก ภาระเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ฮึก แม่สงสารลูกเหลือเกิน" แม่ว่าพลางปาดน้ำตาของตัวเอง ฉันรู้ว่าท่านกำลังทุกข์ใจ ฉันเข้าใจดีว่าคนป่วยที่เป็นโรคนี้สภาวะทางจิตใจมันอ่อนแอมาก เราต้องให้กำลังใจและพยายามพูดให้ผู้ป่วยใจสู้ขึ้นมา
"หญ้าไม่เหนื่อยเลยสักนิด หญ้ากลับดีใจที่ได้ตอบแทนพระคุณของแม่ แม่เป็นแม่ของหญ้า เลี้ยงดูหญ้ามาตั้งแต่เล็กๆ หญ้าดูแลแม่ยังไม่ได้ครึ่งที่แม่ดูแลหญ้ามาเลยค่ะ แม่อย่าคิดมากไม่ต้องทำใจดีๆ แม่ต้องอยู่กับหญ้าไปนานๆ"
"ดอกหญ้า"
"แม่คือทุกสิ่งทุกอย่างของหญ้า แม่คือโลกทั้งใบของหญ้า แม่ต้องเข้มแข็งทำทุกอย่างเพื่อหญ้านะคะ ลุกขึ้นสู้โรคนี้แม่ต้องหาย"
"ดอกหญ้า แม่จะสู้เพื่อลูก" แม่กอดฉัน เรากอดกันแล้วร้องไห้ออกมา
ฉันพาแม่เป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เป็นโรงพยาบาลที่รักษาโรคมะเร็งโดยเฉพาะ ส่วนค่ารักษาแต่ล่ะครั้งไม่ต้องบรรยาย แพงหูดับเลย
"มะเร็งเริ่มลุกลามมากขึ้น ต้องผ่าตัดด่วนที่สุด" หมอเอ่ยขณะที่แม่นอนอยู่บนเตียงอีกฝั่ง พยาบาลกำลังดูแลแม่ ส่วนคุณหมอให้ฉันมาคุยกับหมอต่างหาก
"มันต้องใช้เงินเท่าไหร่คะ?"
"ห้าแสนครับ"
"ทะ...เท่าไหร่นะคะ?"
"ห้าแสน" ฉันนิ่งอึ้งไป ไม่คิดไม่ฝันว่าค่าผ่าตัดแม่มันจะมากมายขนาดนี้ เงินห้าแสนสำหรับฉันมันไม่ใช่น้อยๆเลยนะคะ ฉันเป็นคนใช้ในบ้านได้ค่าแรงเดือนละหมื่นห้าเอง ฉันจะหาเงินมากมายขนาดนี้มาจากที่ไหน
"สามารถผ่อนจ่ายได้ไหม?"
"มันไม่ได้หรอกครับ นี่ค่าผ่าตัดครั้งแรก ครั้งสองครั้งสามครั้งสี่ก็น่าจะแพงกว่าเดิม" ฉันคอตกน้ำตาคลอ ฉันจะเอาเงินมากมายแบบนี้มาจากที่ไหน ฉันเป็นเพียงแค่เด็กอายุ 18 เรียนจบมัธยมปลาย พอแม่ไม่สบายฉันก็ต้องมาช่วยท่านทำงานที่บ้านของคุณฟ้าใส
"เงินมากมายขนาดนี้หญ้าไม่รู้ว่าจะหามาจากที่ไหน"
"ลองหยิบยืมญาติหรือยื่นกู้ดูครับ เผื่อมีทางออกของเรื่องนี้ส่วนจะให้โรงพยาบาลรักษาก่อนแล้วญาติไม่มีเงินจ่ายโรงพยาบาลก็ทำไม่ได้นะครับ โรงพยาบาลมีค่าใช้จ่ายที่ต้องแบกรับเยอะมากพอแล้ว ถ้าจะให้มารักษาฟรีคุณต้องลองไปที่อื่นดู"
"คุณหมอคะ!"
"อาการของแม่คุณแย่มากแล้วนะครับถ้าคุณไม่ทำ แม่ของคุณจะอาการแย่ลงกว่านี้ หลังจากนั้นต่อให้ผ่าตัดก็ไม่สามารถช่วยแม่ของคุณได้" คำพูดของหมอทำเอาฉันชาไปทั้งร่าง ใครจะอยากให้แม่เป็นอย่างนั้นแต่ฉันก็คิดไม่ออกว่าฉันจะทำอย่างไรดี
"แม่ไม่รักษาหรอกลูก เรากลับบ้านกันเถอะ" แม่เอ่ยขึ้น ฉันหันไปมองหน้าแม่ท่านนั่งอยู่ที่เตียงส่งยิ้มเจื่อนๆให้ฉัน มือเล็กกุมท้องของตัวเองเอาไว้ ท่านพยายามแสดงว่าไม่เป็นอะไร แต่ฉันก็รับรู้ได้ว่าแม่ของฉันกำลังไม่สบายหนัก และท่านกำลังเจ็บปวด
"หญ้าจะพยายามหาเงินมารักษาแม่ค่ะ หญ้าสัญญา"
"ไม่เป็นไรหรอกลูก แม่ไม่อยากลำบากลูก แม่แข็งแรงปกติดีทุกอย่าง ลูกอย่าเป็นกังวลเลย จิตใจของแม่แข็งแรงคงยื้อเวลาไปได้อีกหลายปี"
"แม่คะ ต่อให้ยื้อเวลาไปได้อีกหลายปี แล้วมันกี่ปีล่ะคะ?"
"..." แม่ตอบไม่ได้แม่เลยเงียบ
"ถ้าให้หมอพูดตามตรง ถ้าคุณเอมอรไม่ผ่าตัด คุณเอมอรอยู่ได้ไม่เกินสิ้นปีหน้าหรอกครับ มะเร็งระยะ 3มันรักษายาก แต่ร่างกายของคุณเอมอร ยังพอที่จะรักษาได้ ถ้ารีบผ่าตัดตัดเนื้อร้ายออกก่อนที่มันจะลุกลามไปอวัยวะอื่นๆ คุณเอมอรยังมีโอกาสรอดและใช้ชีวิตกับลูกไปเป็นสิบๆปีเลยนะ หรือไม่ก็อาจจะมากกว่านั้น"
"หญ้าจะให้แม่ของหญ้ารักษาค่ะ"
"ครับ แต่จะให้ดีต้องผ่าตัดด่วนที่สุดนะครับ หมอขอไม่เกินสองอาทิตย์นี้"
"ได้ค่ะ" ฉันพยักหน้าแล้วตอบตกลงฉันไม่รู้หรอกนะคะว่าฉันจะไปหาเงินจำนวนมากมายมาจากที่ไหน แต่ฉันจะพยายาม
เริ่มจากการหยิบยืมเงินจากครอบครัวของคุณฟ้าใส คุณธารากับคุณวารีน่าจะให้ฉันหยิบยืม ถ้าฉันเอ่ยปากขอยืมพวกท่านก็น่าจะให้
แม่ของฉันเป็นคนใช้บ้านของพวกท่านมาตั้งแต่ฉันเป็นเด็กเล็กๆ ฉันคิดว่าพวกท่านคงจะเห็นใจและยอมให้ฉันหยิบยืมเงิน
"หญ้า" แม่ส่ายหน้าไปมา แม่คงไม่อยากรักษาเพราะกลัวฉันจะลำบาก แต่ลูกแบบฉันอยากรักษาแม่
ฉันอยากลำบากเพื่อแม่ ฉันอยากให้ท่านอยู่กับฉันไปนานๆ ชีวิตของฉันไม่เหลือใครแล้ว พ่อก็ตายเหลือแม่เพียงคนเดียว ญาติพี่น้องก็ไม่มี ถ้าฉันต้องเสียแม่ไปอีกคนฉันคงต้องเคว้งคว้าง
ผู้หญิงตัวเล็กๆที่ยังไม่ประสีประสาอะไร จะต่อสู้โลกที่โหดร้ายเพียงลำพังได้ยังไง
"ไม่เป็นไร หญ้าจะหาเงินมารักษาแม่เอง แม่ต้องหาย"
"งั้นไปรับยาเลยนะครับ หมอจะนัดวันผ่าตัดเลยคุณดอกหญ้าสะดวกไหมครับ"
"ค่ะ" ฉันพยักหน้าแล้วยิ้มให้หมอ หมอมองฉันอย่างหนักใจแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา หลังจากที่ออกมาจากห้องตรวจฉันกับแม่ก็มารับยา ค่ายาที่ฉันต้องจ่ายเป็นจำนวนเงินเกือบสองหมื่นบาท เงินที่ฉันเอามาด้วยแทบไม่พอ
หลังจากที่จ่ายเงินเรียบร้อยฉันเปิดกระเป๋าของตัวเองเหลือเงินจำนวนสองร้อยบาท ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ ฉันจะหาเงินมาจากที่ไหนฉันยังคิดไม่ตกเลย แต่จะให้ไม่รักษาฉันก็กลัวแม่ตาย แค่คิดก็เหนื่อยแล้วค่ะ
"หญ้า แม่ว่าเราไม่ต้องรักษาหรอกนะ แม่ปกติดีแข็งแรงทุกอย่าง หนูอย่ามาลำบากเพราะแม่เลย"
"แม่ไม่เคยทำให้หญ้าลำบากเลยนะคะ หญ้าเต็มใจ แม่อย่าคิดมากแม่ต้องทำใจให้สบาย ไม่เกิน 2 อาทิตย์นี้หญ้าจะรีบหาเงินมารักษาแม่"
"ลูกก็รู้ว่าเราไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้น"
"แต่หญ้าจะพยายามหญ้าจะพยายามหาเงินมารักษาแม่ กลับไปที่บ้านคุณธารากับคุณวารี หญ้าจะลองยืมพวกคุณท่านดู"
"หญ้าเอ้ย" แม่ส่ายหน้าไปมา แต่ฉันไม่สนฉันจะทำอย่างที่ฉันตั้งใจ ฉันรีบพาแม่ไปขึ้นรถเมล์เพราะวันนี้กลับแท็กซี่ไม่ได้แล้ว เงินในกระเป๋าเหลือเพียงเล็กน้อย ถ้าฉันนั่งแท็กซี่เงินคงไม่พอใจแน่ๆ
พอมาถึงบ้านฉันก็ให้แม่เข้าไปพักผ่อนส่วนฉันก็มารอคุณท่านทั้งสอง วันนี้คุณฟ้าใสแต่งตัวสวยเดินลงมาพร้อมกับคุณธารากับคุณวารี ดีเหมือนกันที่พวกท่านอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาฉันจะได้พูดในสิ่งที่ฉันต้องการ
"อ้าวมากันแล้วหรือ หมอว่ายังไงบ้างล่ะ?" คุณธาราเอ่ยถาม คุณธาราเป็นคนเจ้าชู้ชอบมีบ้านเล็กบ้านน้อย ทำให้คุณวารี ทะเลาะกับคุณธาราบ่อยๆ แต่ดีหน่อยที่ท่านไม่มาทำเจ้าชู้กับคนใช้ในบ้าน
"หมอบอกว่าแม่ต้องผ่าตัด ดอกหญ้าก็เลยจะยืมเงินคุณท่านทั้งสองเพื่อผ่าตัดแม่" ฉันเม้มปากแล้วรวบรวมความกล้าเอ่ยออกไป เป็นครั้งแรกที่ฉันเอ่ยขอยืมเงิน แม้จะรู้สึกกระดากอายแต่ก็ต้องทำ
"แล้วหมอบอกไหมล่ะว่าเป็นเงินเท่าไหร่?" คุณวารีเดินลงมานั่งที่โซฟา ฉันก็เดินมาใกล้ๆแล้วนั่งที่พื้น คุณฟ้าใสเดินมานางโซฟาอีกตัวพร้อมกับคุณธารา
"หมอบอกว่าครั้งละห้าแสนค่ะ"
"แล้วหมอได้บอกไหมล่ะว่าผ่าตัดกี่ครั้ง?"
"หลายครั้งค่ะ แต่ละครั้งก็น่าจะแพงกว่าเดิม" ฉันเอ่ยออกมาตามตรง ไม่ได้โกหกมดเท็จเลยแม้แต่น้อย
"ถ้าพวกฉันให้ยืมแล้วเธอจะหาเงินมาจากที่ไหนล่ะมาคืนพวกฉัน"
"ดอกหญ้าจะทำงานใช้หนี้ค่ะ"
"นี่ดอกหญ้า เงินเดือนเธอเดือนละ 15,000 บาท เธอต้องทำงานกี่เดือนถึงจะใช้หนี้หมด ถ้าเกิดว่าแม่เธอต้องผ่าตัด 10 ครั้ง หรือ 20 ครั้งล่ะ เงินก็จะไปจมอยู่กับแม่เธอ ส่วนเธอต่อให้ทำงานจนตายก็หาเงินใช้หนี้ไม่พอหรอก" คุณฟ้าใสเอ่ยขึ้นมา
"ยังไงเสียเอมอรก็เป็นคนใช้ที่ดูแลครอบครัวเรามาหลายปี เราควรช่วยเหลือเอมอรนะวารีฟ้าใส"
"ไม่ค่ะ" คุณฟ้าใสไม่ยอมท่าเดียวเธอไม่ยอมเสียเงินจำนวนนี้ให้กับแม่ของฉัน ฉันรู้ดีว่าต่อให้ฉันทำงานไปจนแก่ก็ใช้หนี้ที่ฉันหยิบยืมไม่หมด "เราจะไม่ยอมเสียเงินไปโดยใช่เหตุหรอก รักษาก็ใช่ว่าจะหาย มะเร็งระยะที่ 3 แล้วนะ ไม่ใช่โรคหวัดที่กินยาแล้วจะหายเลย"
"แต่หมอบอกว่าแม่ของหญ้าถ้ารีบผ่าตัด..." ฉันพูดยังไม่จบคุณฟ้าใสก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
"ก็รีบสิ แต่ฉันไม่ให้ยืม"
"คุณฟ้าใสคะ ฮึก ช่วยแม่หญ้าด้วย"
"แล้วไง แม่เธอไม่ใช่แม่ฉัน ต่อให้แม่ของเธอตายลง ฉันก็จ้างคนงานใหม่แค่นั้น"
"คุณธาราคุณวารีคะ ช่วยแม่หญ้าด้วย ฮื่อๆ" ฉันยกมือไหว้อ้อนวอน ได้แต่ขอร้องให้ทุกคนเห็นใจ
"พ่อกับแม่ก็รู้ว่าที่ครอบครัวเราอยู่ได้ก็เพราะเงินฟ้าใสเงินคุณภาคิน ถ้าสิ่งไหนที่ฟ้าใสไม่ชอบพ่อกับแม่ก็ไม่ควรทำ"
"ฮือๆ" ฉันร้องไห้สะอึกสะอื้น สุดท้ายแล้วคำตอบที่ฉันได้จากคุณท่านทั้งสอง พวกท่านไม่สามารถช่วยฉันได้ ฉันปาดน้ำตาของตัวเอง แล้วรีบวิ่งออกมาที่ถนนวิ่งไปเรื่อยๆวิ่งอย่างไม่มีจุดหมาย น้ำตาของฉันไหลรินราวกับเม็ดฝนโปรยปราย หัวใจปวดร้าวทุกข์ทรมาน
บรืน!เอี๊ยด!
"กรี๊ด!"
