เมียหมอ 6
-เช้าวันต่อมา-
ฉันตื่นลืมตาขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บปวดไปทั่วบริเวณร่างกายหลังจากที่เมื่อคืนถูกหมอภีมกระทำอย่างหนักหน่วง เพียงแค่ขยับก็รู้สึกเหมือนร่างจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
แต่ทันใดนั้นฉันเองกลับต้องรู้สึกตกใจจนถึงขีดสุดเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นหมอภีมที่นอนหลับอยู่ พอตั้งสติได้ฉันจึงตบหน้าตัวเองอย่างแรงเพื่อเป็นการปลุกให้หายจากอาการสะลึมสะลือ กลับพบว่ามันคือเรื่องจริง!
“มะ…หมอ หมอภีม ตื่นได้แล้ว” ฉันเขย่าตัวเพื่อเป็นการปลุกเมื่อเห็นเขานอนหลับเปลือยกายอยู่ข้างๆ ทำไมเขาถึงมานอนอยู่บนเตียงกับฉันได้ นึกว่ากลับไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วซะอีก มันช่างน่าแปลกใจเพราะเราสองคนไม่เคยนอนค้างด้วยกันเลย
“ตื่นได้แล้วหมอ ตื่นๆ” ฉันปลุกด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม ทำเอาคนที่นอนหลับค่อยๆ ขยับพลิกตัวไปมาคล้ายกับรำคาญ
“อะไร?”
“สายมากแล้วนะ วันนี้ไม่ไปทำงานหรือไง?”
“ฉันใช้แรงกับเธอหมดไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว วันนี้ลาหยุด”
“…..” เมื่อได้ยินดังนั้น ฉันก็เลยเลือกที่จะไม่ถามเซ้าซี้อะไรต่อปล่อยให้เขาได้นอนพักต่อ ส่วนฉันเลือกที่จะเดินเข้ามาในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายล้างคราบเกรอะกรังที่เขาฝากไว้ตั้งแต่เมื่อคืน
“ทำอะไร!?”
“ตะ…ตกใจหมดเลย มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง” ฉันสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อหมอภีมเดินเข้ามาจากทางด้านหลังในขณะที่กำลังฮัมเพลงทำอาหารอยู่ในครัว
“ฉันหิวแล้วมีอะไรให้กินบ้าง?”
“เช้านี้อันทำข้าวต้มปลา หมอจะทานเลยไหม?”
“ก็ดีเหมือนกัน กำลังหิวพอดี”
“งั้นไปรอที่โต๊ะนะ เดี๋ยวอันยกไปให้”
“อืม”
ฉันบรรจงตักข้าวต้มปลาใส่ชามให้หมอพร้อมตกแต่งใส่ผักให้ดูน่ากิน ไม่แค่นั้นแต่ยังคั้นน้ำส้มสดๆ ไปให้เขาด้วย รับรองว่าถ้าหมอได้กินรสชาติอาหารฝีมือฉัน ต้องคลั่งไคล้หลงฉันจนหัวปักหัวปำอย่างแน่นอน
“ทานเยอะๆ นะหมอ ถ้าไม่พอบอกนะ เดี๋ยวอันไปเติมให้” ฉันหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับหมอภีม ก่อนจะนั่งมองเขาที่กำลังทานอาหารอยู่
“นั่งจ้องแบบนี้ เดี๋ยวก็กินไม่ลงกันพอดี”
“เป็นไงบ้างหมอ อร่อยไหม?”
“ก็อร่อยดี”
ริมฝีปากบางฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำตอบที่น่าพึงพอใจ
“งั้นบอกมาก่อนว่าข้าวต้มปลากับคนทำ อันไหนอร่อยกว่ากัน?” ฉันพูดแซวพลางนั่งทำตาปริบๆ แต่ดูเหมือนว่าหมอจะไม่ได้คิดแบบนั้น เพราะสีหน้าของหมอพร้อมที่จะงับหัวฉันอยู่ตลอดเวลา
“…..”
“ถ้าหมอชอบ เอาไว้คราวหน้าเดี๋ยวอันทำให้กินอีก” ฉันเลือกที่จะเปลี่ยนประเด็นเมื่อมุขตลกที่เล่นไปไม่ได้ผล
“ฉันไม่ชอบกินอะไรเดิมๆ”
“แล้วครั้งหน้าหมออยากทานอะไร เดี๋ยวอันจะเตรียมของไว้รอ”
ครืด~ หมอยังไม่ทันได้พูดอะไร สายเรียกเข้าของเขาก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“แม่ฉันโทรมา อย่าส่งเสียงหรือพูดอะไร”
“ค่ะหมอ” ฉันพยักหน้ายอมรับคำสั่งแต่โดยดี
ทันทีที่หมอกดรับสาย เสียงของผู้หญิงวัยกลางคนก็ดังเล็ดลอดออกมาจากโทรศัพท์
(หมอภีมเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมวันนี้ถึงไม่เข้ามาโรงพยาบาล)
“รู้สึกเหนื่อยๆ เลยอยากพักผ่อน ขอโทษที่ไม่ได้โทรบอกล่วงหน้า”
(แย่จริง วันนี้หมอมีผ่าตัดใหญ่ด้วยไม่ใช่เหรอ)
“ให้ภาคินทำแทนไปก่อนแล้วกัน”
(คราวหน้าอย่าเหลวไหลแบบนี้อีกนะ อนาคตภีมกับภาคินต้องมาช่วยแม่กับพ่อดูแลกิจการ ขืนทำตัวแบบนี้แม่จะฝากผีฝากไข้ได้ยังไงกัน)
“…..”
(แล้วตอนนี้ลูกอยู่ไหน อยู่กับใคร แม่โทรหานิติคอนโด เขาบอกว่าลูกไม่ได้กลับมาห้องตั้งแต่เมื่อคืน)
“….” หมอภีมถอนหายใจออกมายกใหญ่ ก่อนจะมองหน้าฉันอยู่แบบนั้น เมื่อได้ยินคำถามรัวๆ จากผู้เป็นแม่
(ว่าไงหมอภีม ตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร)
“เอาไว้ค่อยคุยนะครับ แค่นี้ก่อน”
ติ๊ด! หมอกดวางสายเมื่อสิ้นประโยคนั้น ทำเอาฉันนิ่งไปเมื่อเห็นสีหน้าซีเรียสของหมอ เพราะฟังดูแล้วเหมือนหมอจะเกรงใจแม่มากอยู่พอสมควร
“หมอจะกลับบ้านเลยไหมคะ เดี๋ยวอันไปเตรียมถุงเท้ากับรองเท้าไว้ให้”
“เอาไว้ตอนเย็นค่อยกลับ”
“แต่วันนี้อันมีนัดช่วงบ่ายนะ คงไม่ได้อยู่กับหมอ”
“นัดกับใคร?” หมอละสายตาจากสิ่งรอบข้าง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองฉันอย่างต้องการคำตอบ
“นัดกับเพื่อนน่ะ”
“ที่บอกว่าเพื่อนนี่ใคร?”
“นัดกับแบมแบม หมอมีอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่มีอะไร แค่ถามดู”
“…..”
-ร้านกาแฟ-
“โทษทีที่มาสาย พอดีรถติด” ฉันพูดกับแบมแบมเป็นประโยคแรกทันทีที่มาถึงสถานที่นัดหมาย พอก้มมองดูเวลากลับพบว่าตัวเองมาสายไปเกือบสองชั่วโมง
“รถติดหรือกกอยู่กับผู้ชายย่ะ รอยฟัดเต็มตัวขนาดนี้” ไม่พูดเปล่าแต่แบมแบมยังมองจ้องฉันอย่างจับผิด
ก็แน่ล่ะ! กว่าหมอจะยอมปล่อยฉันออกมาเล่นเสียเหงื่อไปตั้งหลายยก ไม่รู้ว่ามันไปอดอยากปากแห้งมาจากไหน ถึงได้ใส่ไม่ยั้งขนาดนี้
“ที่คอมึงมีรอยดูด แถมต้นขายังมีรอยข่วนด้วยอ่ะ นอนกับพวกผู้ชายซาดิสม์หรือไง สภาพถึงได้ยับเยินขนาดนี้”
ฉันได้แต่นั่งหน้าถอดสีเพราะไม่รู้ว่าจะตอบเพื่อนว่าอะไร บ้าจริง! ขนาดใส่เสื้อผ้าปกปิดมิดชิดแต่ก็ยังเห็นรอยพวกนี้อยู่ดี
“ยังไงก็อย่าลืมป้องกันด้วยล่ะ เดี๋ยวจะมีจุดจบแบบกูแล้วจะหาว่าไม่เตือน” แบมแบมพูดขึ้นเพราะมันรู้ดีว่าฉันไม่ค่อยชอบเด็กสักเท่าไหร่แล้วก็ยังไม่พร้อมที่จะมีลูกตอนนี้ด้วย
“ไม่ต้องสนใจเรื่องกูหรอกค่ะ เข้าเรื่องเลยดีกว่า”
“ว่ามาสิ ที่นัดออกมาวันนี้มีเรื่องอะไร?”
“อยากหางานทำ มึงพอจะมีงานอะไรแนะนำบ้างไหม?”
“ทำไมจู่ๆ ถึงอยากหางานทำ มึงมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
“ช่วงนี้งานพริตตี้ไม่ค่อยมีน่ะ รายรับก็น้อยลงด้วย” ฉันพูดด้วยความละเหี่ยใจ เงินเก็บที่พอจะมีก็เริ่มร่อยหรอหมดลงไปเรื่อยๆ ไหนจะค่าคอนโด ค่ารถ ค่าน้ำค่าไฟอีก ยังไม่รวมที่ต้องส่งให้พ่อแม่ที่อยู่ต่างจังหวัดในแต่ละเดือน แล้วช่วงนี้น้องสาวฉันก็ใกล้เข้ามหาวิทยาลัยแล้วด้วยยิ่งต้องใช้เงินมาก แล้วฉันก็ไม่ใช่พริตตี้ที่มีชื่อเสียงอะไร เป็นแค่พริตตี้ปลายแถวที่ได้เงินค่าจ้างหลักพันไปจนถึงหมื่นต่องาน
ที่ฉันนัดแบมแบมมาวันนี้ เพราะคลาสแฟนของแบมแบมมีอิทธิพลกว้างขวาง รู้จักคนมากมาย ยังไงคงช่วยฉันหางานได้แน่ๆ
“เดี๋ยวให้คลาสจัดการให้ ว่าแต่มึงอยากทำงานอะไรเป็นพิเศษไหม?”
“อะไรก็ได้ ขอแค่ได้เงินเยอะๆ เป็นพอ”
“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวกูช่วยมึงเอง”
“ขอบใจมากนะ เอาไว้ถ้าได้งานเมื่อไหร่จะเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทน”
“มึงเป็นเพื่อนกูนะ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้สบายมากไม่ต้องเกรงใจ”
“…..”
โกดัง…
“ช่วงนี้หายหน้าหายตาไปเลยนะไอ้หมอ คนไข้เยอะหรือไง?” คลาสเอ่ยถาม เมื่อเห็นสีหน้าอิดโรยของภีรวัฒน์ที่นั่งอยู่ข้างๆ
“อืม งานหนักแทบไม่ค่อยได้พัก” ภีรวัฒน์ตอบกลับ พลางหยิบมวนบุหรี่ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาจุดสูบเพื่อดับอารมณ์ขุ่นมัว
“ได้ข่าวว่าจะเปิดคลินิกสาขาใหม่ด้วยเหรอ?”
“น่าจะเปิดเร็วๆ นี่แหละ”
“อย่าทำงานหักโหมมากล่ะ ช่วงนี้มึงดูผอมลงนะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงมันหรอก มึงห่วงสภาพตัวเองก่อนดีกว่า เลี้ยงลูกจนขอบตาดำขนาดนี้” มังกรพูดแทรกขึ้นเมื่อเห็นว่าคลาสมีสภาพอิดโรยไม่ต่างกัน
“ยุ่งน่า” คลาสตอบปัดๆ ไป
“แล้วไอ้พายุไปไหน ตั้งแต่กูมายังไม่เห็นหัวมันเลย” มังกรเอ่ยถาม พลางสอดส่องสายตามองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเพื่อนชาย
“เห็นลูกน้องมันบอกว่าตามติดปลายฟ้าอย่างกับปลาท่องโก๋” คลาสตอบ
“นินทาอะไรกูหรือเปล่า?” เสียงปริศนาดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้ทุกคนต่างพากันหันไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นพายุที่เดินเข้ามาใหม่พร้อมกับลูกน้องคนสนิทที่เดินประกบซ้ายขวา
“มัวแต่นอนกกเมียจนเสียการเสียงาน” คลาสปรายหางตามองเพื่อนชายพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงกระแทกแดกดัน
“…..”
“นั่นดิ! ไหนเคยบอกกับพวกกูว่าจะไม่มีเมียไง แล้วทำไมถึงไปตามติดปลายฟ้าเหมือนหมาตามเจ้าของขนาดนั้น” มังกรพูดสมทบ
“เอาเวลาที่ยุ่งเรื่องของคนอื่นไปทำสิ่งที่มีประโยชน์ต่อชีวิตพวกมึงเถอะ อย่ามาเสือกเรื่องของกูนักเลย”
“โอ้โหยยย ไอ้พายุ! มึงนี่ยังปากหมาเหมือนเดิมเลยนะ ไอ้….” มังกรมองค้อนเพื่อนชายด้วยความเจ็บใจเมื่อถูกตอกหน้ากลับมาแรงๆ แต่พอได้เห็นสายตาเย็นยะเยือกที่พายุมองมาเลยต้องสงบเสงี่ยมแต่โดยดี
“ไอ้พายุ ที่บริษัทมึงพอจะมีตำแหน่งงานว่างบ้างไหม?” คลาสพูดขึ้น
“ถามทำไม มึงจะให้เมียมึงมาสมัครงานที่บริษัทกูเหรอ?”
“ไม่ใช่แบมแบมแต่เป็นเพื่อนเธอ”
“ใคร?” พายุถามกลับด้วยความสงสัย
“อันนา”
“งั้นอาทิตย์หน้าให้เธอมาพบกูตามนามบัตรนี้ เดี๋ยวจะหางานให้ทำ” ไม่พูดเปล่าแต่พายุยังยื่นนามบัตรให้คลาส โดยที่มีภีรวัฒน์นั่งฟังบทสนทนานั้นแบบเงียบๆ
“กูฝากอันนาด้วยแล้วกัน เพื่อนคนนี้แบมแบมรักมาก”
“หน้าสวย หุ่นเอ็กซ์อวบอั๋นแบบอันนา มาทำงานที่คลับของกูดีกว่า รูปร่างหน้าตาแบบนี้แขกวีไอพีที่ร้านกูชอบ ได้ทิปไม่ต่ำกว่าเดือนละแสน แต่ต้องเปลืองตัวนิดๆ หน่อยๆ ถือว่าคุ้มอยู่” มังกรพูดแทรกขึ้นทำให้ภีรวัฒน์ที่นั่งเงียบอยู่นานหันขวับไปจ้องหน้าเพื่อนชายในทันที
