5
เช้าวันใหม่หมอทัพพ์รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในคอนโดที่เขาอาศัยอยู่คนเดียวมาตลอดสี่ปีไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ได้ย่างกรายเข้ามาในห้องนี้เหมือนกับคนตัวเล็กที่ใส่ผ้ากันเปื้อนก้ม ๆ เงย ๆ อยู่หน้าเตา เห็นภาพนั้นแล้วอยู่ ๆ หมอหนุ่มก็ถูกความรู้สึกแปลก ๆ จู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว......
“พี่หมอตื่นแล้วหรือคะ” บุ้งกี๋เอ่ยถามก่อนจะสาละวนตักไส้กรอกไข่ดาวที่หล่อนตั้งใจทอดจนออกมาหน้าตาดีเหมือนเมื่อก่อนพี่หมอก็ทำแบบนี้ให้หล่อนกินตอนที่อยู่กรุงเทพฯด้วยกัน...
“ทำอะไรน่ะ” หมอทัพพ์คิดว่าเป็นคำถามที่โง่ที่สุดที่เขาถามออกไปก็เห็น ๆ กันอยู่ ว่าหล่อนทำอะไรอยู่......
“อาหารเช้าไงคะพี่หมอ” บุ้งกี๋หันมองผู้ปกครองหนุ่มอีกครั้งจึงได้เห็นเขายืนหน้าแดงระเรื่อ...น่ารักจัง.....
หมอทัพพ์กระแอมแก้เขินเล็กน้อยก่อนจะเข้าไปนั่งวางมาดขรึมรอที่โต๊ะอาหารดูยัยเด็กแสบเดินยกนั่นถือนี่มาวางตรงหน้าจนเต็มไปหมด
“วันหลังไม่ต้องทำ” ชายหนุ่มพูดเสียงขรึมขณะที่มือก็ตัดไส้กรอกจิ้มใส่ปากไปด้วย
“อ้าว ! ทำไมล่ะคะ” หญิงสาวหน้าเสียพลางหลุบตาลงมองอาหารทุกจานที่หล่อนตั้งใจทำจนสุดฝีมือ อุตส่าห์ฝึกฝนมาตลอดสี่ปีที่ใช้ชีวิตเพียงลำพัง วาดฝันว่าจะได้เอามาใช้เมื่อได้กลับมาอยู่ใกล้กันอีกครั้ง...ไหนใครบอกว่าเสน่ห์ปลายจวักผัวรักผัวหลงไง......หญิงสาวคิดอย่างทดท้อ แล้วทีนี้จะเอาอะไรไปมัดใจเขาล่ะ
“เราจะออกไปกินข้างนอกพร้อมกัน...เอาไว้วันหยุดถ้าอยากทำค่อยทำ” หมอหนุ่มอธิบายเพิ่มอีกนิดเมื่อเห็นเด็กสาวหน้าจ๋อยแลดูน่าสงสารจริง ๆ ยัยเด็กขี้น้อยใจ....
“มะ...หมายความว่าพี่หมอจะให้บุ้งกี๋ไปทำงานด้วยเหรอคะ” ดวงตากลมเบิกโตขึ้นอีกระดับ
ทางด้านหมอทัพพ์ เผลอแป๊บเดียวก็โดนเด็กแสบเข้ามาประชิดติดตัวเขย่าแขนเขาเหมือนเด็ก ๆ เลยโดนหมอหนุ่มยัดไส้กรอกใส่ปากทั้งแท่ง
“อื้อ......แค่ก ๆ ๆ ....พี่หมอออออ......” หญิงสาวถึงกับสำลักตาเหลือกบ้วนมันออกมาก่อนจะมองตาคว่ำ
“ดีใจอะไรขนาดนั้น”
“ก็บุ้งกี๋อยากอยู่กับพี่หมอ...เอ้ย...อยากทำงานกับพี่หมอนี่คะ” เกือบไปแล้วล่ะยัยเซ่อเอ้ย..... ขืนทำให้พี่เขารู้ตัวมีหวังได้กระโดดหนี....พอดีพอร้ายเกิดสั่งห้ามไม่ให้หล่อนเข้าใกล้เกินสามเมตรนี่บันเทิงล่ะ
“อืม....เป็นผู้ช่วยฉันได้หรือเปล่า”
“ได้ค่ะได้” บุ้งกี๋ยิ้มแป้น แบบนี้ก็เท่ากับว่าหล่อนมีเวลาอยู่กับเขาเยอะแยะเลยสิ บุ้งกี๋ยิ้มแป้นดวงตาทอประกายแห่งความสุข….ชุดเจ้าสาวขาวฟูฟ่องราวเจ้ากับหญิงถือช่อบูเก้สีอะไรดีน๊า........
“บุ้งกี๋ !......” หมอทัพพ์เรียกคนข้างกายเสียงดังหลังจากเรียกหลายคำแล้วไม่มีอาการตอบสนองราวกับวิญญาณได้หลุดลอยออกจากร่างไปแล้ว
“ขะ...คะ.....” บุ้งกี๋หน้าตาเหลอหลาเมื่อเห็นคนหล่อทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
“ไหวไหมเนี่ย หรือจะพักอีกสักวัน”
“ไหวค่ะ” บุ้งกี๋พยักหน้ารัว ๆ
“งั้นก็รีบกินจะได้รีบไป”
“บุ้งกี๋ชิมจนอิ่มแล้วค่ะ....ไปแต่งตัวเลยดีกว่า” พูดจบไม่รอช้า หล่อนวิ่งปรู๊ดหายเข้าห้องของตัวเองไปเลย
“เฮ้อ....จะได้เรื่องไหววะ.....” สงสัยว่าชีวิตอันสงบราบเรียบของตัวเองจะกลายเป็นอดีตไปเสียแล้ว
บุ้งกี๋ยิ้มละไมขณะเดินตามพี่หมอของหล่อนไปทำงานวันแรก หญิงสาวมองแผ่นหลังตั้งตรงของเขาอย่างชื่นชมเขาเป็นคนชอบออกกำลังกายมาแต่ไหนแต่ไร ถึงแม้งานยุ่งแค่ไหนแต่วินัยในการดูแลตัวเองถือว่าเป็นเลิศลามมาถึงหล่อนเองก็โดนเขาเคี่ยวเข็ญเจ้ากี้เจ้าการในการดูแลสุขภาพมาแต่ไหนแต่ไร
“อุ้ย....” เสียงอุทานจากคนฝันหวานที่เดินอยู่ข้างหลังเมื่อชนเข้ากับเรือนร่างสูงโปร่ง นั้นอย่างจังทั้งปากทั้งจมูกเจ็บจี๊ด
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า ระวังหน่อยสิ” หมอทัพพ์หันกลับมาเชยคางสำรวจตรวจตาดวงหน้างามชัด ๆ ด้วยแววตาห่วงใยเขาไม่ได้ตั้งใจกลั่นแกล้งแต่อย่างใดแต่บังเอิญเห็นเลขาเดินเร็ว ๆ เข้ามาหาเหมือนกับมีเรื่องด่วนจึงหยุดเดินกะทันหัน
