4
บุ้งกี๋ก้มหน้ามองมือตัวเอง......แน่นอนว่าหล่อนกำลังเสียใจอย่างหนัก พี่หมอเปลี่ยนไปแล้วเขาไม่เคยดุด่าหล่อนอย่างนี้มาก่อน เขาเหนื่อยกับยัยภาระอย่างหล่อนใช่หรือเปล่า คนโตแล้วก็ควรดูแลตัวเองใช่หรือไม่……หญิงสาวคิดไปก็เริ่มมองไม่เห็นมือตัวเองเมื่อน้ำใส ๆ เอ่อไหลลงมากลบตา หญิงสาวกัดริมฝีปากกลั้นสะอื้น.......
“บุ้งกี๋” ชายหนุ่มเรียกเสียงอ่อนลงเมื่อเห็นเด็กสาวก้มหน้านิ่งไป.....
“..............” หญิงสาวนิ่งเงียบไม่ได้คิดจะดื้อดึงแต่หล่อนขานรับไม่ไหวหัวใจมันปวดร้าวไปหมด
หมอทัพพ์รับรู้ถึงความเงียบเขาสังเกตเห็นไหล่บางไหวสะท้านทำให้รู้สึกว่าตัวเองพูดแรงเกินไปแล้ว......ถึงแม้ว่าวันนี้ทั้งวันเขาเจอแต่ปัญหามีอะไรหลายอย่างให้ต้องจัดการมากมายแต่เขาก็ไม่ควรเอาทุกอย่างมารวมลงที่หล่อนอย่างเวลานี้….บุ้งกี๋บอบบางเหลือเกินหล่อนเหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลกมีเพียงเขาเท่านั้นที่เป็นหลักให้ยึด...เฮ้อ....ไอ้ทัพพ์มึงพูดอะไรออกไปวะ....
“ไม่ต้องร้องแล้ว ฉันขอโทษ....” เสียงทุ้มนุ่มนวลแสดงออกถึงความรู้สึกผิด ตำหนิกันเกินกว่าเหตุ....ชายหนุ่มรวบเรือนร่างบอบบางเข้ามาแนบอกเป็นผลให้บุ้งกี๋ปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น.....น้ำตาฉ่ำชื้นเปียกนองทะลุเสื้อเชิ้ตของเขายิ่งพาให้สะท้อนใจมือใหญ่จึงยกขึ้นลูบศีรษะได้รูปอย่างปลอบโยน
“บุ้งกี๋....ฮึก..เป็นตัวภาระของพี่หมอ..ชะ..ใช่ไหมคะ” เสียงขาดห้วงเพราะแรงสะอื้นความเสียใจถาโถมเข้ามาไม่ขาดสายเมื่อเสียงนั้นมันดังอื้ออึงซ้ำไปซ้ำมา ถึงแม้จะได้รับการปลอบโยนแต่ก็ใช่ว่าจะหยุดร่ำไห้ได้ง่าย ๆ
“คิดมากไปกันใหญ่แล้ว....ฉันเต็มใจที่จะดูแลเธอตลอดไปบุ้งกี๋” เสียงนุ่มเอ่ยคลอเคลียอยู่ข้างขมับ หมอทัพพ์ไม่ได้พูดจาส่งเดชทุกคำพูดที่เอ่ยออกไปเขาหมายความตามนั้น
“ตะ...แต่ว่า”
“ไม่มีแต่...จำไว้แค่นั้นพอ”
ใบหน้างามแหงนเงยมองคนพูดด้วยความสงสัย......ดวงตากลมโตภายใต้ขนตางอนงามยามที่น้ำตาเกาะพราวหล่อนกระพริบตาไล่หยาดน้ำพลางเพ่งมองใบหน้าเรียบนิ่งที่มี เพียงดวงตาที่ทอประกายอ่อนโยนของผู้ปกครองหนุ่ม....บุ้งกี๋สับสน......อะไรคือดูแลตลอดไป แบบไหนกันแน่.....แบบที่เห็นหล่อนเป็นเด็กในปกครองเหมือนเดิมอย่างนั้นเหรอ...หรือว่า หมายถึงคู่ชีวิตที่จะอยู่ด้วยกันตลอดไป.....จะเป็นไปได้ยังไงพี่หมอไม่ใช่คนที่จะพูดอะไรแบบ นี้นี่นาหรือว่าพ่อตอไม้ของหล่อนเริ่มรู้สึกรู้สาขึ้นมาบ้างแล้ว......หญิงสาวกังขาไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเอง
“ไปนอนได้แล้ว”
อยู่ ๆ พี่หมอก็ผละออกห่างพร้อมกับจับไหล่บอบบางหมุนตัวรุนหลังพาไปส่งถึงหน้าประตูห้องนอน……บุ้งกี๋หันกลับมาเขย่งปลายเท้าโหนตัวขึ้นจุ๊บแก้มของเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะเปิดประตูหนีเข้าไปยืนใจเต้นไม่เป็นส่ำหลังประตูบานนั้นหล่อนจึงไม่ได้เห็นใบหน้าแดงก่ำของอีกฝ่าย
“ยัยตัวแสบ...” ชายหนุ่มพึมพำพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเดินจากไป
ยัยตัวแสบของหมอทัพพ์ยืนอกสั่นขวัญแขวนในความบ้าบิ่นของตัวเองอยู่พักใหญ่ก่อนจะลงไปนอนกลิ้งชักดิ้นชักงอด้วยความขัดเขินเกินเบอร์อยู่บนเตียง หญิงสาวหยิบโทรศัพท์จะโทรคุยกับกลุ่มกุหลาบสามสี แต่พอคิดอีกทีตอนนี้มันก็ดึกมากแล้วเดี๋ยวยัยอันนาจะเทศนากลับมาเสียยกใหญ่ส่วนข้าวหอมหล่อนไม่กลัวหรอกเพราะรายนั้นไม่ใช่คนขี้บ่น ว่าแต่เพื่อนแต่งงานแล้วนี่เนอะ ป่านนี้ก็คง....อืม...เอาไว้แอบถามประสบการณ์จริงจากเพื่อนดีกว่า...โอ๊ย...บุ้งกี๋เอ้ยคืนนี้จะหุบยิ้มได้ไหมเนี่ย....
